ด้วยเคยอุปการะกันและกันมาหลายแสนชาติ

.           
             เล่าความประทับใจตอนหนึ่งในพระไตรปิฎกและอรรถกถาให้ฟังค่ะ
             - ตอนท่านพระอานนท์แอบไปร้องไห้เสียใจเมื่อพระพุทธองค์จะเสด็จปรินิพพาน
             - และหลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว ท่านพระอานนท์ยังคงดำเนินกิจวัตรอุปฐาก
ปัดกวาดเช็ดถูคันธกุฎีของพระพุทธองค์เหมือนเช่นพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่
             - ชาดกที่ทั้งสองท่านเกิดเป็นพี่น้องกันและตายพร้อมกัน


             มหาปรินิพพานสูตร
                          [๑๓๕] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปสู่วิหารยืนเหนี่ยวไม้คันทวยร้องไห้อยู่ว่า

             เรายังเป็นเสขบุคคลมีกิจที่จะต้องทำอยู่ แต่พระศาสดาของเรา ซึ่งเป็นผู้อนุเคราะห์เรา ก็จักปรินิพพานเสีย

             ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งถามพวกภิกษุว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานนท์ไปไหน

             พวกภิกษุกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านอานนท์นั้น เข้าไปสู่วิหารยืนเหนี่ยวไม้คันทวยร้องไห้อยู่ว่า

             เรายังเป็นเสขบุคคล มีกิจที่จะต้องทำอยู่ แต่พระศาสดาของเรา ซึ่งเป็นผู้อนุเคราะห์เรา ก็จักปรินิพพานเสีย
             ...
             พระผู้มีพระภาครับสั่งกะท่าน (พระอานนท์) ว่า

             อย่าเลย อานนท์ เธออย่าเศร้าโศก ร่ำไรไปเลย เราได้บอกไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า

             ความเป็นต่างๆ ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่นจากของรักของชอบใจทั้งสิ้นต้องมี

             เพราะฉะนั้น จะพึงได้ในของรักของชอบใจนี้แต่ที่ไหน

             สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความทำลายเป็นธรรมดา

             การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายไปเลย ดังนี้ มิใช่ฐานะที่จะมีได้


             ดูกรอานนท์ เธอได้อุปัฏฐากตถาคตด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา

ซึ่งเป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นความสุข ไม่มีสอง หาประมาณมิได้มาช้านาน

             เธอได้กระทำบุญไว้แล้ว อานนท์ จงประกอบความเพียรเถิด เธอจักเป็นผู้ไม่มีอาสวะโดยฉับพลัน ฯ

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  บรรทัดที่ ๑๘๘๘ - ๓๙๑๕.  หน้าที่  ๗๘ - ๑๕๙.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&bgc=seashell&pagebreak=0
             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&bgc=seashell


ท่านพระอานนท์ไปยืนเหนี่ยวสลักเพชรพระวิหาร ร้องไห้รำพันถึงพระพุทธองค์
http://84000.org/tipitaka/picture/f74.html





             อรรถกถาพรหมชาลสูตร
             ได้ยินว่า ณ กรุงสาวัตถีนั้น ท่านพระอานนท์สั่งสอนมหาชนให้เข้าใจด้วยธรรมีกถาประกอบด้วยความไม่เที่ยงเป็นต้น
             แล้วเข้าสู่พระวิหารเชตวัน ไหว้พระคันธกุฎีที่พระทศพลประทับ
             เปิดประตูนำเตียงตั่งออกปัด
             กวาดพระคันธกุฎีทิ้งขยะดอกไม้แห้ง
             และนำเตียงตั่งเข้าไปตั้งไว้ในที่เดิมอีก
             ได้ทำหน้าที่ทุกอย่างซึ่งเป็นวัตรที่ต้องปฏิบัติในเวลาที่พระผู้มีพระเจ้าดำรงพระชนม์อยู่ และเมื่อทำหน้าที่ก็ไหว้พระคันธกุฎี
             ในเวลาทำกิจมีกวาดห้องน้ำและตั้งน้ำเป็นต้น ได้ทำหน้าที่ไปพลางรำพันไปพลาง โดยนัยเป็นต้นว่า

            ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานี้เป็นเวลาสรงน้ำของพระองค์ มิใช่หรือ?

             เวลานี้เป็นเวลาแสดงธรรมเวลาประทานโอวาทแก่ภิกษุทั้งหลาย

             เวลานี้เป็นเวลาสำเร็จสีหไสยา

             เวลานี้เป็นเวลาชำระพระพักตร์ มิใช่หรือ?


             เหตุทั้งนี้ เพราะพระอานนท์นั้นเป็นผู้มีความรักตั้งมั่นในพระผู้มีพระภาคเจ้า
เพราะความเป็นผู้รู้อมตรสซึ่งเป็นที่รวมพระพุทธคุณ และยังมิได้เป็นพระอรหันต์
ทั้งเป็นผู้มีจิตอ่อนโยนที่เกิดด้วยเคยอุปการะกันและกันมาหลายแสนชาติ.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=1&w=ด้วยเคยอุปการะกันและกันมาหลายแสนชาติ



             จิตตสัมภูตชาดก
             ... แม้มาณพทั้งสองก็เข้าป่า บวชเป็นฤาษี
             ต่อมาไม่นานนัก ก็จุติจากอัตภาพนั้นไปบังเกิดในท้องของแม่เนื้อ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
จำเดิมแต่คลอดจากท้องแม่เนื้อแล้ว มฤคโปดกทั้งสองพี่น้องก็เที่ยวไปด้วยกัน ไม่อาจพรากจากกันได้.
             วันหนึ่ง นายพรานผู้หนึ่งมาเห็นมฤคโปดกทั้งสอง คาบเหยื่อกลับมา แล้วยืนเอาหัวต่อหัว
เอาเขาต่อเขา เอาปากต่อปากจรดติดชิดกัน ยืนขนชัน ตั้งอยู่ ณ ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง
จึงพุ่งหอกไปที่สัตว์ทั้งสองให้สิ้นชีวิต ด้วยการประหารทีเดียวเท่านั้น.
               ครั้นมฤคโปดกทั้งคู่จุติจากอัตภาพนั้นแล้วไปบังเกิดในกำเนิดนกเขา อยู่ที่ริมฝั่งน้ำรัมมทานที.
               แม้ในอัตภาพนั้นก็มีนายพรานดักนกผู้หนึ่งมาเห็นลูกนกเขาทั้งสองเหล่านั้นซึ่งเจริญวัยแล้ว
ไปเที่ยวคาบเหยื่อ แล้วมายืนเอาหัวซบหัว เอาจะงอยปากต่อจะงอยปากแนบสนิทชิดเรียงยืนเคียงกัน
จึงเอาข่ายครอบฆ่าให้ตายด้วยการประหารทีเดียวเท่านั้น
...
             เราทั้งสองได้เกิดเป็นคนจัณฑาล ในกรุงอุชเชนีอวันตีชนบท
             ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้เกิดเป็นเนื้อสองตัวพี่น้อง อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
             ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้เกิดเป็นนกเขาสองตัวพี่น้อง อยู่ฝั่งรัมมทานที
             ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว คราวนี้อาตมภาพเกิดเป็นพราหมณ์
             มหาบพิตรทรงสมภพเป็นกษัตริย์
...
             พระศาสดา ครั้นนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า
             ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โปราณกบัณฑิต แม้จะท่องเที่ยวไป ๓-๔ ภพ
ก็ยังเป็นผู้มีความคุ้นเคยรักใคร่สนิทสนมมั่นคงอย่างนี้โดยแท้
             แล้วทรงประชุมชาดกว่า
             สัมภูตดาบสในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
             ส่วนจิตตบัณฑิตดาบสได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2054


             เพื่อนสมาชิก ถ้ามีเรื่องราวตอนใด หรือพระพุทธพจน์หรือคำพูดใดในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่ประทับใจ ก็เชิญแบ่งปันได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่