บอกตามตรงว่า เมื่อ อนุพงษ์จะลงจากตำแหน่ง ..นั้น
ชื่อ แคนดิเดต ที่ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่อยากให้มาเป็น ผบ.ทบ.มากที่สุด
ชื่อ ประยุทธ จัทร์โอชา นี่แหละ
เหตุเพราะ นายทหารคนนี้ เป็นสายตรงเด่ มาจาก สายเดียวกับ อนุพงศ์
แถมเป็นคนแนว ฮาร์ดคอร์ อีกด้วย
ความหวาดระแวงของฝ่ายประชาธิปไตยที่มีต่อทหาร มีอยู่ตลอดเวลา
มากพอๆ กับ อำนาจจากฝั่ง ตุลาการพิวัฒน์
เพราะ เป็นปัจจัยหลัก ที่ สามารถล้มรัฐบาลได้แบบ ฉับพลันทันใด
แต่ฝั่งตุลาการ ยังมีพิธีรีตอง กว่า
การที่นายก ปู ของผม ทำงานร่วมกับ ทหารได้ดี
อาจจะมีการตกลง หรือ มี อนุสัญญา อย่างใด อย่างหนึ่ง
หรืออาจจะเป็นเพราะ ฝ่ายที่เคยเป็นแบค มีพลังลดน้อยถอยลง เรียงตัว
ตั้งแต่หัวแถว อาเฮีย อาเจ๊ และ อากงกง เข้าอู่ เข้าโรง ชนิดหาอะไหล่ ไม่ค่อยมีแล้ว
ผมดูข่าว เช้านี้ ...
สำหรับประยุทธ์แล้ว ท่าที ยังขึงขัง พวกคุณจินตนาการออก
แต่สาระ ผมว่าสำคัญ คือเรื่อง ที่เคยเกิดขึ้นให้เอามาเป็นบทเรียน
คนอย่างประยุทธ์ คงได้เห็นบทเรียน ของ สนธิ บุญรัตนกลิน
และคงได้บทเรียนจาก อนุพงศ์ ที่เขานับถือให้เป็น ทั้งพี่ ทั้งอาจารย์
อำนาจก็มีอยู่ที่ตัวเต็มที่แล้ว ขออะไร นายก ปู ก็ไม่เคยขัดใจ
แล้ว จะไปตามใจ พวก จ้องล้ม รัฐบาล ทำไม
...ให้โง่
..............................................................................
บมสัมภาษณ์ ของ ผป.ทบ. เมื่อวานนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงครบรอบ 7 ปี วันรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549ว่า ทุกอย่างมีเหตุมีผล สถานการณ์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันทำคือ อะไรก็ตามที่คิดว่าดีก็คิดถึงและทำต่อให้ดีขึ้น อะไรที่ไม่ดีก็หยุดไว้ตรงนั้นแล้วอย่าทำอีก หรืออย่าทำให้สถานการณ์กลับไปสู่วันเก่าอีก สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าบทเรียน และต้องนำบทเรียนเหล่านั้นมาดูเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก วันนี้ระวังก็แล้วกัน เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ทะเลาะกันไปมา สุดท้ายประชาชนก็เดือดร้อน ซึ่งตนได้ให้ทหารทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าไปวุ่นวายกับคนอื่นและคนอื่นก็อย่ามาวุ่นวายกับเรา ทหารทำหน้าที่ดูแลประชาชน ปกป้องชายแดน
ผมขอบอกว่า สบายใจมาก กับ ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ชื่อ แคนดิเดต ที่ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่อยากให้มาเป็น ผบ.ทบ.มากที่สุด
ชื่อ ประยุทธ จัทร์โอชา นี่แหละ
เหตุเพราะ นายทหารคนนี้ เป็นสายตรงเด่ มาจาก สายเดียวกับ อนุพงศ์
แถมเป็นคนแนว ฮาร์ดคอร์ อีกด้วย
ความหวาดระแวงของฝ่ายประชาธิปไตยที่มีต่อทหาร มีอยู่ตลอดเวลา
มากพอๆ กับ อำนาจจากฝั่ง ตุลาการพิวัฒน์
เพราะ เป็นปัจจัยหลัก ที่ สามารถล้มรัฐบาลได้แบบ ฉับพลันทันใด
แต่ฝั่งตุลาการ ยังมีพิธีรีตอง กว่า
การที่นายก ปู ของผม ทำงานร่วมกับ ทหารได้ดี
อาจจะมีการตกลง หรือ มี อนุสัญญา อย่างใด อย่างหนึ่ง
หรืออาจจะเป็นเพราะ ฝ่ายที่เคยเป็นแบค มีพลังลดน้อยถอยลง เรียงตัว
ตั้งแต่หัวแถว อาเฮีย อาเจ๊ และ อากงกง เข้าอู่ เข้าโรง ชนิดหาอะไหล่ ไม่ค่อยมีแล้ว
ผมดูข่าว เช้านี้ ...
สำหรับประยุทธ์แล้ว ท่าที ยังขึงขัง พวกคุณจินตนาการออก
แต่สาระ ผมว่าสำคัญ คือเรื่อง ที่เคยเกิดขึ้นให้เอามาเป็นบทเรียน
คนอย่างประยุทธ์ คงได้เห็นบทเรียน ของ สนธิ บุญรัตนกลิน
และคงได้บทเรียนจาก อนุพงศ์ ที่เขานับถือให้เป็น ทั้งพี่ ทั้งอาจารย์
อำนาจก็มีอยู่ที่ตัวเต็มที่แล้ว ขออะไร นายก ปู ก็ไม่เคยขัดใจ
แล้ว จะไปตามใจ พวก จ้องล้ม รัฐบาล ทำไม
...ให้โง่
..............................................................................
บมสัมภาษณ์ ของ ผป.ทบ. เมื่อวานนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงครบรอบ 7 ปี วันรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549ว่า ทุกอย่างมีเหตุมีผล สถานการณ์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันทำคือ อะไรก็ตามที่คิดว่าดีก็คิดถึงและทำต่อให้ดีขึ้น อะไรที่ไม่ดีก็หยุดไว้ตรงนั้นแล้วอย่าทำอีก หรืออย่าทำให้สถานการณ์กลับไปสู่วันเก่าอีก สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าบทเรียน และต้องนำบทเรียนเหล่านั้นมาดูเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก วันนี้ระวังก็แล้วกัน เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ทะเลาะกันไปมา สุดท้ายประชาชนก็เดือดร้อน ซึ่งตนได้ให้ทหารทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าไปวุ่นวายกับคนอื่นและคนอื่นก็อย่ามาวุ่นวายกับเรา ทหารทำหน้าที่ดูแลประชาชน ปกป้องชายแดน