เมื่อครั้งที่เราเดินทางไปสัมผัสหิมะครั้งแรกในชีวิตที่เกียวโต เราเลือกของที่ระลึกกันอยู่นานพอดูตรงร้านชำปากทางเข้าวัดคิโยมิสึ ตอนนั้นเรายังไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอัน คำนวณค่าเดินทางและค่าที่พักก็แทบหมดตัวแล้ว อันที่เข้าท่า ราคาถูกและจะเชื่อมความทรงจำของเราทั้งสองได้ดีนั้นก็คงไม่พ้นเครื่องรางเล็กๆ ที่ปักอักษรคันจิไว้บนถุงสีแดง ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันแปลว่าอะไร แต่ตอนนั้นดูเหมือนจะมีค่าเหลือเกิน มากจนทำให้เรานึกถึงเรื่องราวในวันนั้น แต่ตอนนี้มันกลับถูกวางอยู่บนชั้นเก็บเครื่องเทศ
ผมยังเห็นกรอบใส่รูปของเราตอนที่รักกันใหม่ๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้า วันนั้นเรารู้สึกอ่อนล้าเมื่อเดินถึงยอดเขาในอุทยานแห่งชาติที่จังหวัดอุตรดิตถ์ หากไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือนักเดินทางท่านอื่นๆ เราก็คงเดินกลับเมื่อถึงครึ่งทาง วันนั้นแบตเตอรี่ทั้งโทรศัพท์และกล้องดิจิทัลหมดเกลี้ยง แต่มีคนใจดีแถวนั้นถ่ายรูปเราสองคนที่ด้านหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นและหมอกยามเช้าด้วยกล้องโพลารอยด์
ผมจำเป็นต้องกลับมาห้องเช่าที่เคยเป็นของผมด้วยเหตุผลที่ว่า ผมยังเอาของส่วนตัวไปไม่หมด ผมบอกเธอก่อนหน้าที่จะถือวิสาสะเข้ามาในห้องที่เคยเป็นของตัวเองเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมดีใจที่เธอติดธุระ ไม่อย่างนั้นเราคงทำหน้ากันไม่ถูก แต่ทำไมเธอไม่ทิ้งของเหล่านี้เสีย ทำไมไม่ลบให้หมด ก็เห็นอยู่ว่าความรักครั้งใหม่ของเธอไปได้ด้วยดี กลับทิ้งของเหล่านี้เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ในมุมต่างๆ คุณคงหวังให้ผมประกอบมันสำเร็จ หรืออาจจะไม่ได้คิดอะไรและลืมไปแล้วว่ามันเคยอยู่ตรงนั้น ผมตรงไปที่ตู้เย็น หยิบสปาร์คลิงไวน์พร้อมแก้ว 2 ใบ รินและวางตรงกันข้าม และเล่าถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรก และสารภาพว่าผมโกหกว่าเจอเธอโดยบังเอิญ และเรื่องต่างๆ อีกนับพันความทรงจำ มันตลกดีนะ เมื่อมันถึงจุดจบ เราก็จะต้องมานั่งคิดถึงจุดเริ่มต้นเสมอ แก้วผมหมดแล้ว แต่แก้วของเธอไม่พร่องเลย หรือว่าเธอเลิกดื่มไปแล้ว
ก่อนจากลาในวันนี้ ผมรุดไปหยิบลิปสติกที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ลิปสติกสีนู้ดแบบมันวาวที่เธอหวง
ลิปสติกที่ผมซื้อให้เธอตอนที่เรารักกันครบ 4 เดือน
ผมขอใช้มันด้วยสักครั้งคงไม่เป็นไร จากนั้นยกอีกแก้วนึงขึ้นดื่มรวดเดียว ผมจากออกไปพร้อมรอยลิปสติกทิ้งค้างไว้บนปลายแก้ว ผมไม่ได้ทิ้งกุญแจไว้ที่ห้อง เผื่อว่าวันๆ หนึ่ง ผมรู้สึกอ่อนล้าแล้วต้องการมาคุยกับห้องนี้แก้เหงา ระบายความอึดอัดให้แก้วและลิปสติกฟัง ถึงมันทั้งสองจะไม่แสร้งว่าเข้าใจปัญหาของผมเลยสักนิด แต่อย่างน้อยมันก็รับฟังโดยไม่ปริปาก
เรื่องสั้นแนวทดลอง (2)
เมื่อครั้งที่เราเดินทางไปสัมผัสหิมะครั้งแรกในชีวิตที่เกียวโต เราเลือกของที่ระลึกกันอยู่นานพอดูตรงร้านชำปากทางเข้าวัดคิโยมิสึ ตอนนั้นเรายังไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอัน คำนวณค่าเดินทางและค่าที่พักก็แทบหมดตัวแล้ว อันที่เข้าท่า ราคาถูกและจะเชื่อมความทรงจำของเราทั้งสองได้ดีนั้นก็คงไม่พ้นเครื่องรางเล็กๆ ที่ปักอักษรคันจิไว้บนถุงสีแดง ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันแปลว่าอะไร แต่ตอนนั้นดูเหมือนจะมีค่าเหลือเกิน มากจนทำให้เรานึกถึงเรื่องราวในวันนั้น แต่ตอนนี้มันกลับถูกวางอยู่บนชั้นเก็บเครื่องเทศ
ผมยังเห็นกรอบใส่รูปของเราตอนที่รักกันใหม่ๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้า วันนั้นเรารู้สึกอ่อนล้าเมื่อเดินถึงยอดเขาในอุทยานแห่งชาติที่จังหวัดอุตรดิตถ์ หากไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือนักเดินทางท่านอื่นๆ เราก็คงเดินกลับเมื่อถึงครึ่งทาง วันนั้นแบตเตอรี่ทั้งโทรศัพท์และกล้องดิจิทัลหมดเกลี้ยง แต่มีคนใจดีแถวนั้นถ่ายรูปเราสองคนที่ด้านหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นและหมอกยามเช้าด้วยกล้องโพลารอยด์
ผมจำเป็นต้องกลับมาห้องเช่าที่เคยเป็นของผมด้วยเหตุผลที่ว่า ผมยังเอาของส่วนตัวไปไม่หมด ผมบอกเธอก่อนหน้าที่จะถือวิสาสะเข้ามาในห้องที่เคยเป็นของตัวเองเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมดีใจที่เธอติดธุระ ไม่อย่างนั้นเราคงทำหน้ากันไม่ถูก แต่ทำไมเธอไม่ทิ้งของเหล่านี้เสีย ทำไมไม่ลบให้หมด ก็เห็นอยู่ว่าความรักครั้งใหม่ของเธอไปได้ด้วยดี กลับทิ้งของเหล่านี้เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ในมุมต่างๆ คุณคงหวังให้ผมประกอบมันสำเร็จ หรืออาจจะไม่ได้คิดอะไรและลืมไปแล้วว่ามันเคยอยู่ตรงนั้น ผมตรงไปที่ตู้เย็น หยิบสปาร์คลิงไวน์พร้อมแก้ว 2 ใบ รินและวางตรงกันข้าม และเล่าถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรก และสารภาพว่าผมโกหกว่าเจอเธอโดยบังเอิญ และเรื่องต่างๆ อีกนับพันความทรงจำ มันตลกดีนะ เมื่อมันถึงจุดจบ เราก็จะต้องมานั่งคิดถึงจุดเริ่มต้นเสมอ แก้วผมหมดแล้ว แต่แก้วของเธอไม่พร่องเลย หรือว่าเธอเลิกดื่มไปแล้ว
ก่อนจากลาในวันนี้ ผมรุดไปหยิบลิปสติกที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ลิปสติกสีนู้ดแบบมันวาวที่เธอหวง
ลิปสติกที่ผมซื้อให้เธอตอนที่เรารักกันครบ 4 เดือน
ผมขอใช้มันด้วยสักครั้งคงไม่เป็นไร จากนั้นยกอีกแก้วนึงขึ้นดื่มรวดเดียว ผมจากออกไปพร้อมรอยลิปสติกทิ้งค้างไว้บนปลายแก้ว ผมไม่ได้ทิ้งกุญแจไว้ที่ห้อง เผื่อว่าวันๆ หนึ่ง ผมรู้สึกอ่อนล้าแล้วต้องการมาคุยกับห้องนี้แก้เหงา ระบายความอึดอัดให้แก้วและลิปสติกฟัง ถึงมันทั้งสองจะไม่แสร้งว่าเข้าใจปัญหาของผมเลยสักนิด แต่อย่างน้อยมันก็รับฟังโดยไม่ปริปาก