จบแล้วนะครับกับซีรี่ย์ชุดนี้รอดูผลงานเรื่องใหม่กันได้ครับ
http://pantip.com/topic/30819817 เมนูสุดสยอง ตอนแรก
http://pantip.com/topic/30831413 เมนูสุดสยองตอนจบ
http://pantip.com/topic/30862910 สัญญาณหลอนเสียงแห่งปีศาจ
บ่ายวันนั้นหลวงพี่นัทได้นั่งเหม่ออยู่ระเบียงหน้ากุฏิ เขาคิดถึงอดีตที่เคยได้ทำไว้ตอนเป็นฆราวาสก่อนเขาบวชใช่แล้ว ตอนนั้นเขายังไม่ได้บวชนายนัทนั้นเขาได้อยู่ที่ต่างจังหวัดในชนบทแห่งหนึ่งภายในภาคอีสานเขาชอบไปล่างูเพื่อเอามาดองเหล้าให้กับชายขี้เมาและก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เขานั้นได้ไปล่างูพร้อมกับไอ้แก่เพื่อนของเขา จนงูตัวล่าสุดที่เขาล่านั้นได้จ้องมองเขาอย่างอาฆาตมาดร้าย แต่นายนัทก็ไม่ได้สนใจยังทำบาปกรรมร่วมกับนายแก่ต่อไปจนถึงเวลากลับบ้าน
"เอ็งไปล่างูมาอีกแล้วใช่มั้ย" ผู้เป็นแม่ถามนายนัท
"ใช่แม่ ผมไปล่างูมา" ทันใดนั้นเสียงผู้เป็นพ่อก็ดังขึ้นพร้อมกับผู้เป็นพ่อเดินออกมาพูดว่า
"เอ็งทำแบบนี้ระวังกรรมจะตามสนองเอ็ง" ผู้เป็นพ่อว่าลูกชาย
“บาปกรรมอะไรละพ่อผมไม่เชื่อหรอกผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” นายนัทส่ายหัวพร้อมกับเดินขึ้นไปอาบน้ำบนบ้าน
“ไอ้ลูกคนนี้ซักวันมันจะต้องได้รับกรรมแน่” ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรมของลูกชาย
“เอาไงดีพ่อจะช่วยลูกได้อย่างไรบ้าง”ผู้เป็นแม่เดือดร้อนใจแทนผู้เป็นลูก
“ข้าว่าข้าจะให้นัทมันบวชเรียนซะเลยจะดีกว่าอย่างน้อยผ้าเหลืองก็จะทำให้มันสำนึกได้” ผู้เป็นพ่อกล่าวและผู้เป็นแม่ก็เห็นด้วยกับความคิด จนกระทั่ง
“อะไรนะพ่อจะให้ผมบวชเหรอ ไม่เอาหรอกผมยังมีความสุขกับชีวิตตอนนี้มากกว่า” นายนัทปฏิเสธที่จะบวชอยู่ท่าเดียว
“เอ็งต้องบวชนะ เพราะเอ็งทำกรรมเอาไว้เยอะมากแล้วและอีกอย่างตั้งแต่ครบอายุบวชเอ็งก็ยังไม่บวชให้พ่อกับแม่เลย” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าลูกชายตัวดีไม่ยอมบวช
“ลูกเอ้ยบวชทดแทนพระคุณให้พ่อกับแม่หน่อยละกันนะ ถือว่าเป็นค่าน้ำนมที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูเอ็งมา แม่ขอละ” ผู้เป็นแม่อ้อนวอนให้ลูกชายบวชให้ได้
“ก็ได้แม่ผมจะบวชแต่ผมบวชแค่พรรษาหนึ่งเท่านั้นนะแล้วผมจะสึกออกมา” นายนัทใจอ่อนเมื่อเห็นแววตาของผู้เป็นแม่และยอมตกลงที่จะไปบวชทดแทนพระคุณ
“เออดีงั้นพรุ่งนี้เอ็งไปวัดกับข้าที่กรุงเทพข้ามีพระที่รู้จักอยู่ที่นั่น”ผู้เป็นพ่อวางเป้าหมายไว้ให้ นายนัทถอนหายใจออกมาเพราะชีวิตของเขายังไม่พร้อมที่จะบวชเลยทีเดียว
ค่ำคืนวันนั้นทุกคนในบ้านนอนหลับสนิทกันหมดแล้วแต่นายนัทยังนอนไม่หลับเพราะใจจริงเขามีความสุขกับชีวิตทางโลกมากกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะบวชแต่ถ้าไม่บวชเขาก็ถือว่าเป็นลูกอกตัญญูทรพีไม่บวชเรียนทดแทนพระคุณของพ่อแม่ และคนในหมู่บ้านเขาต่างก็บวชกันไปแล้วและแต่งงานกันหมดมีแต่เขากับไอ้แก่เพื่อนสนิทเท่านั้นเขาหวังว่าหลังสึกออกมาเขาจะหาภรรยาซักคนและจะมีลูกมีหลานให้พ่อกับแม่เขาด้วยค่ำคืนนั้นจนผ่านไปจนถึงตอนเช้า พอคนในหมู่บ้านรู้ว่านายนัทจะไปบวชที่กรุงเทพแล้วนั้นพวกเขาทั้งหมดก็มาส่งนายนัทกับผู้เป็นพ่อที่ท่ารถรวมถึงไอ้แก่เพื่อนนายนัทด้วย
“เฮ้ยเอ็งบวชเสร็จแล้วรีบกลับมานะเว้ย ข้าเหงาแน่ระหว่างเอ้งไม่อยู่” ไอ้แก่พูดทีจริงทีเล่น
“แล้วเอ็งไม่คิดจะบวชบ้างเหรอวะไอ้แก่” นายนัทเป็นฝ่ายถาม
“ยังหรอกเอาไว้ข้าพร้อมก่อนและอีกอย่างพ่อกับแม่ข้ายังไม่ได้ขอข้าเลยข้าเลยยังไม่ตัดสินใจ” ไอ้แก่เป็นฝ่ายตอบนายนัท
“เอ้ามัวแต่พูดไปเร็วเดี๋ยวจะไม่มีรถเข้ากรุงเทพ”ผู้เป็นพ่อเป็นฝ่ายบอกเพราะมัวแต่เสียเวลาอยู่นานแล้ว และผู้เป็นพ่อกับนายนัทก็ขึ้นรถตรงไปที่กรุงเทพวิ่งเข้ามาถึงวัดในชานเมืองวัดหนึ่ง
“อ้าวโยมเป็นไงมาไงเนี่ย นั่นลูกชายเหรอ” สมภารอุ่นซึ่งเป็นเกลอเก่าของพ่อของนายนัทได้กล่าวทักขึ้น
“สบายดีครับท่าน แล้วท่านเป็นยังไงบ้าง เอ้าไอ้นัทไหว้หลวงลุงเขาสิ” ผู้เป็นพ่อกำชับนายนัทเลยยกมือไหว้สมภารอุ่นตามที่ผู้เป็นพ่อสั่ง
“เออ เจริญๆเถอะ แล้วมีอะไรละถึงได้มาหาข้าถึงที่นี่ละ” สมภารอุ่นเป็นฝ่ายถาม
“ผมว่าจะให้เจ้านัทเนี่ยมาบวชที่วัดของท่านแหละครับซักพรรษาหนึ่งมันเกเรเหลือเกินฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามากกลัวกรรมมันจะเล่นงานเอาเลยมาฝากกับท่านสมภารเนี่ยแหละ” ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมกับส่ายหัว
“เออ บวชได้ เท่าที่ข้ามองหน้าลูกชายเจ้านะ มันต้องมีเคราะห์แน่นอนเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ให้อภัย แต่ไม่เป็นไรบวชแล้วข้าจะให้มันทำกรรมฐานเลยเผื่อเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิให้ ไม่เป้นไรนะเอ็งอยู่กับหลวงลุงนะสบายใจได้เลยนะลูก” สมภารอุ่นบอกผู้เป็นพ่อและบอกกับนายนัท
“งั้นผมขอฝากเจ้านัทไว้กับท่านเลยนะครับส่วนตัวผมขอลากลับก่อน” ผู้เป็นพ่อพูดจบก็กราบท่านสมภารอุ่นแบบเบญจางคประดิษฐ์สามหนตามธรรมเนียมชาวพุทธ
“เอ็งอยู่นี่ต้องเชื่อหลวงลุงท่านนะ พ่อไปก่อนละ” ผู้เป็นพ่อพูดกับลูกชาย นายนัทได้แต่พยักหน้ารับ
หลังจากผู้เป็นพ่อกลับไปแล้วสมภารอุ่นจึงได้คุยกับนายนัทว่า
“เอ็งมีเคราะห์นะทำกรรมไว้มาก เจ้ากรรมนายเวรเขาจะมาเอาชีวิตเอ็ง เอ็งต้องเชื่อฟังข้านะ เพราะพ่อเอ็งเขาฝากเอ็งไว้กับข้าแล้ว” สมภารอุ่นพูดจบจึงได้เรียกให้ พระลูกวัดพานายนัทเข้ากุฏิ ก่อนไปสมภารอุ่นได้บอกกับนายนัทว่า
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเอ็งต้องมาหัดท่องขานนาคกับข้านะ พอเอ็งท่องแล้วข้าจะให้บวชเลย ไปเอาของเก็บไว้ในกุฏิก่อนแล้วไปกวาดลานวัดด้วยเลย” ผู้เป็นสมภารออกปาก นายนัทพยักหน้าแบบขอไปที ทำไมเขาต้องมาลำบากแบบนี้ด้วย อยู่บ้านเขาอิสระออกไปที่ไหนก็ตามใจแต่เขาต้องมาอยู่ในวัดถือศีลแปดอดข้าวเย็น แล้วต้องมานั่งท่องขานนาคทุกวันนายนัทได้แต่สังเวชใจ หลังจากไปเก็บของเข้ากุฏิเรียบร้อยแล้วนายนัทก็ได้มากวาดลานวัดตามคำสั่งหลวงลุง ซักพักหนึ่งมีพระลูกวัดเดินเข้ามาพร้อมยื่นหนังสือเล่มเล็กๆให้กับเขา
“เอ้าโยม ท่านสมภารให้เอาคำขานนาคมาให้ท่องแล้วพรุ่งนี้เป็นต้นไปโยมต้องปฏิบัติกิจของวัดนี้แล้วไปฝึกขานนาคกับท่านสมภารทุกวันด้วย” พูดจบพระลูกวัดก็เดินจากไปทันที นายนัทรับคำขานนาคมาแล้ว พอกวาดวัดเสร็จเก็บไม้กวาดแล้วนายนัทก็ได้มานั่งท่องคำขานนาคในกุฏิจนถึงเวลาทำวัตรเย็นนายนัทก็ต้องมาร่วมทำวัตรกับพระทั้งวัดด้วยในพระอุโบสถ จนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนนายนัทนั้นได้ทำกิจวัตรทุกอย่างตอนเช้าก็เดินตามพระออกบิณฑบาตรซึ่งเป็นกิจของสงฆ์อย่างหนึ่ง และกลับมาก็ต้องมาจัดอาหารถวายพระทั้งเช้าและเพล และต้องร่วมทำวัตรเช้า เย็นกับพระสงฆ์ด้วยแถมตอนค่ำๆต้องมาฝึกซ้อมขานนาคกับท่านสมภารอุ่นอีก ซึ่งนายนัทนั้นก็ทำได้ไม่บกพร่องและพร้อมที่จะได้รับการบวชพรุ่งนี้แล้ว
“เออ เอ็งท่องได้คล่องแล้วนี่นา พรุ่งนี้เอ็งก็บวชได้เลยนะ หลังพระทำวัตรเช้าเย็นเอ็งก็บวชเลย ไปนอนได้แล้วไป” สมภารอุ่นบอก
“ครับหลวงลุง” นายนัทพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผู้เป็นสมภาร
พอรุ่งเช้านายนัทเดินตามท่านสมภารออกบิณฑบาตรพอกลับมาท่านสมภารเลยจัดการปลงผมให้นายนัทจนหมดแล้วบอกกับนายนัทว่า
“หลังทำวัตรเช้าเสร็จทำพิธีบวชเลยนะ” สมภารอุ่นบอก
และถึงเวลานั้นหลังจากพระสงฆ์ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จสมภารอุ่นก็ได้เข้าพิธีเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระลูดวัดเป็นคู่สวด และก็เป็นพระอันดับส่วนหนึ่ง หลังจากเริ่มพิธีไปได้ซักระยะหนึ่งจนถึงขั้นตอนสุดท้ายหลังจากบอกอนุศาสตร์ให้กับพระบวชใหม่สมภารอุ่นได้บอกกับพระภิกษุนัทซึ่งตอนนี้ได้เป็นพระภิกษุแล้วว่า
“หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จเอ็งเข้ามาคุยกับหลวงลุงหน่อยนะ”
“ครับหลวงลุง” พระนัทซึ่งต่อไปจะเรียกหลวงพี่นัทนั้นรับคำ แต่ลึกๆเขาเสียดายพ่อของเขาอยากให้บวชแต่พ่อเขาก็กลับต่างจังหวัดไปแล้วไม่ได้อยู่ร่วมพิธีบวชด้วยนั้น แต่ไม่เป็นไรพรรษาเดียวก็สึก หลังจากนั้นหลวงพี่นัทก็ได้เข้ามาฟังกิจวัตรของสงฆ์และฝึกกรรมฐานกับหลวงลุงจนถึงตอนนี้หลวงพี่นัทรู้สึกสงบกับภายในผ้าเหลืองเลยยังไม่ลาสิกขาออกไปทั้งที่ตอนแรกจะอยู่แค่พรรษาเดียวเท่านั้นเองจนถึงตอนนี้ก็เลยมาถึง 7 พรรษาแล้ว และหลังจากฝึกกรรมฐานและเรียนรู้ชีวิตของสงฆ์แล้วเขาก็ได้รับรู้เรื่องกฏแห่งกรรมซึ่งเขาไม่อาจจะหนีพ้นไปได้ถ้าเข้ากรรมนายเวรเขามาตามทวงคืน เขารู้ได้ถึงตอนนี้เพราะเขาฝึกกรรมฐานมานั่นเอง หลวงพี่นัทนั่งคิดเพลินๆจนกระทั่งมีเสียงเดินเข้ามาเคาะกุฏิบอกพร้อมเปิดกุฏิเข้ามาบอกหลวงพี่นัทว่า
“หลวงพี่นัท ครับนิมนต์ไปรับสังฆทานที่โบสถ์ด้วยครับ” จ้อนเด็กวัดของสมภารอุ่นเดินมาบอก
“เออ รู้แล้ว” พูดจบหลวงพี่นัทจึงได้ห่มผ้าแบบห่มดองของวัดนี้พาดสังฏาฏิรัดอกแล้วเดินออกไปรับหน้าแขกภายในโบสถ์
นพชัยขับรถมาจอดตรงลานต้นไม้กลางวัดแล้วก็ลงจากรถพร้อมกับสินธร สินธรกับนพชัยก็เดินตรงไปที่พระอุโบสถเห็นมีตู้ทำบุญค่ากระป๋องสังฆทานอยู่ สินธรควักแบงค์ร้อยสองใบหยอดลงไปในตู้พร้อมกับหยิบกระป๋องสังฆทานหนึ่งใบเดินเข้าพระอุโบสถพร้อมกับนพชัยเพื่อนรัก
พอคนทั้งสองเดินเข้าพระอุโบสถทั้งคู่ต่างก็กราบพระประธานในพระอุโบสถเรียบร้อยก็นั่งพับเพียบมองไปที่พระประธานเหมือนหาที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ พอครู่ใหญ่ก็มีพระภิกษุห่มดองเดินอาการสำรวมเข้ามาในพระอุโบสถมานั่งประจำที่อาสนะเพื่อที่จะมาปลดทุกข์ให้กับแขกผู้มาเยือน
"เจริญพรโยม จะมาถวายสังฆทานหรือ" พระภิกษุถามฆราวาสทั้งสอง พระภิกษุรูปนี้มีชื่อว่า นัท ซึ่งคนทั่วไปก็เรียกท่านว่า หลวงพี่นัท
"ใช่ครับหลวงพี่ แล้วผมอยากมาขอคำปรึกษากับหลวงพี่ครับ" สินธรพนมมือขึ้นเหนืออกแล้วเอ่ยบอกหลวงพี่นัท
"งั้นถวายสังฆทานก่อนแล้วกัน" หลวงพี่นัทพูดจบพร้อมกล่าวนำให้บุคคลทั้งสองกล่าวคำถวายสังฆทาน
"อิมานิ มะยังภันเต สังฆะทานานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโนภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ สะปะริวารานิ ปฏิคันหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย ซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวาร
ทั้งหลายเหล่านี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารกับของ ที่เป็นบริวารทั้งหลาย
เหล่านี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ " พอท่องจบหลวงพี่นัทก็กล่าวว่า สาธุ ดังขึ้นแล้วฆราวาสทั้งสองก็ได้เข้ามาประเคนสังฆทานให้กับหลวงพี่นัท หลังจากหลวงพี่นัทรับสังฆทานเรียบร้อยแล้วก็หยิบที่กรวดน้ำให้กับฆราวาสทั้งสองพร้อมกล่าวว่า
"โยมตั้งใจกรวดน้ำรับพรนะ" ฆราวาสทั้งสองเตรียมกรวดน้ำ
"ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง
เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ
อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ
สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา
มะณิ โชติระโส ยะถา
สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ
มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ
อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
สัพพะสังฆานุภาเวนะสะทา
โสตถี ภะวันตุ เต" พอสวดจบแล้วหลวงพี่นัทก็ให้สินธรเอาน้ำไปออกไปเทก่อน
"โยมเอาน้ำไปเทก่อนนะแล้วค่อยมาคุยกัน" หลวงพี่นัทพูดจบสินธรก็เดินเอาน้ำออกไปเท พอสินธรเดินเข้ามาเอาที่กรวดน้ำไปเก็บแล้วก็กราบหลวงพี่นัทสามหนแบบเบญจางคประดิษฐ์
"โยมมีอะไรว่ามา" หลวงพี่นัทเอ่ยถามขึ้น สินธรจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้หลวงพี่นัทฟัง พอสินธรเล่าจบหลวงพี่นัทก็เอ่ยถามนพชัยบ้าง
"แล้วโยมละมีปัญหาอะไรหรือเปล่า" หลวงพี่นัทถาม
"อ๋อไม่มีครับหลวงพี่คุยกับเพื่อนผมแล้วกันครับ" นพชัยตอบแบบอึกอักซึ่งเกิดเป็นข้อสงสัยให้กับสินธรยิ่งนัก
"กฏแห่งกรรมเลี่ยงไม่ได้นะโยม เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ให้อภัย กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนองไม่มีใครหนีพ้น แม้แต่ตัวอาตมาเอง" หลวงพี่นัทตอบกับสินธรแล้วก็มองมาทางนพชัยพร้อมพูดขึ้นว่า
"ส่วนโยมทำบุญบ่อยๆนะ ที่เขาตามมาเพราะแรงอาฆาต โยมหมั่นรักษาศีล
มาแล้วครับ กรรมหลอนของสมณะ ซีรี่ย์ชุดสุดท้ายของสามสยอง
http://pantip.com/topic/30819817 เมนูสุดสยอง ตอนแรก
http://pantip.com/topic/30831413 เมนูสุดสยองตอนจบ
http://pantip.com/topic/30862910 สัญญาณหลอนเสียงแห่งปีศาจ
บ่ายวันนั้นหลวงพี่นัทได้นั่งเหม่ออยู่ระเบียงหน้ากุฏิ เขาคิดถึงอดีตที่เคยได้ทำไว้ตอนเป็นฆราวาสก่อนเขาบวชใช่แล้ว ตอนนั้นเขายังไม่ได้บวชนายนัทนั้นเขาได้อยู่ที่ต่างจังหวัดในชนบทแห่งหนึ่งภายในภาคอีสานเขาชอบไปล่างูเพื่อเอามาดองเหล้าให้กับชายขี้เมาและก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เขานั้นได้ไปล่างูพร้อมกับไอ้แก่เพื่อนของเขา จนงูตัวล่าสุดที่เขาล่านั้นได้จ้องมองเขาอย่างอาฆาตมาดร้าย แต่นายนัทก็ไม่ได้สนใจยังทำบาปกรรมร่วมกับนายแก่ต่อไปจนถึงเวลากลับบ้าน
"เอ็งไปล่างูมาอีกแล้วใช่มั้ย" ผู้เป็นแม่ถามนายนัท
"ใช่แม่ ผมไปล่างูมา" ทันใดนั้นเสียงผู้เป็นพ่อก็ดังขึ้นพร้อมกับผู้เป็นพ่อเดินออกมาพูดว่า
"เอ็งทำแบบนี้ระวังกรรมจะตามสนองเอ็ง" ผู้เป็นพ่อว่าลูกชาย
“บาปกรรมอะไรละพ่อผมไม่เชื่อหรอกผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” นายนัทส่ายหัวพร้อมกับเดินขึ้นไปอาบน้ำบนบ้าน
“ไอ้ลูกคนนี้ซักวันมันจะต้องได้รับกรรมแน่” ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรมของลูกชาย
“เอาไงดีพ่อจะช่วยลูกได้อย่างไรบ้าง”ผู้เป็นแม่เดือดร้อนใจแทนผู้เป็นลูก
“ข้าว่าข้าจะให้นัทมันบวชเรียนซะเลยจะดีกว่าอย่างน้อยผ้าเหลืองก็จะทำให้มันสำนึกได้” ผู้เป็นพ่อกล่าวและผู้เป็นแม่ก็เห็นด้วยกับความคิด จนกระทั่ง
“อะไรนะพ่อจะให้ผมบวชเหรอ ไม่เอาหรอกผมยังมีความสุขกับชีวิตตอนนี้มากกว่า” นายนัทปฏิเสธที่จะบวชอยู่ท่าเดียว
“เอ็งต้องบวชนะ เพราะเอ็งทำกรรมเอาไว้เยอะมากแล้วและอีกอย่างตั้งแต่ครบอายุบวชเอ็งก็ยังไม่บวชให้พ่อกับแม่เลย” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าลูกชายตัวดีไม่ยอมบวช
“ลูกเอ้ยบวชทดแทนพระคุณให้พ่อกับแม่หน่อยละกันนะ ถือว่าเป็นค่าน้ำนมที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูเอ็งมา แม่ขอละ” ผู้เป็นแม่อ้อนวอนให้ลูกชายบวชให้ได้
“ก็ได้แม่ผมจะบวชแต่ผมบวชแค่พรรษาหนึ่งเท่านั้นนะแล้วผมจะสึกออกมา” นายนัทใจอ่อนเมื่อเห็นแววตาของผู้เป็นแม่และยอมตกลงที่จะไปบวชทดแทนพระคุณ
“เออดีงั้นพรุ่งนี้เอ็งไปวัดกับข้าที่กรุงเทพข้ามีพระที่รู้จักอยู่ที่นั่น”ผู้เป็นพ่อวางเป้าหมายไว้ให้ นายนัทถอนหายใจออกมาเพราะชีวิตของเขายังไม่พร้อมที่จะบวชเลยทีเดียว
ค่ำคืนวันนั้นทุกคนในบ้านนอนหลับสนิทกันหมดแล้วแต่นายนัทยังนอนไม่หลับเพราะใจจริงเขามีความสุขกับชีวิตทางโลกมากกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะบวชแต่ถ้าไม่บวชเขาก็ถือว่าเป็นลูกอกตัญญูทรพีไม่บวชเรียนทดแทนพระคุณของพ่อแม่ และคนในหมู่บ้านเขาต่างก็บวชกันไปแล้วและแต่งงานกันหมดมีแต่เขากับไอ้แก่เพื่อนสนิทเท่านั้นเขาหวังว่าหลังสึกออกมาเขาจะหาภรรยาซักคนและจะมีลูกมีหลานให้พ่อกับแม่เขาด้วยค่ำคืนนั้นจนผ่านไปจนถึงตอนเช้า พอคนในหมู่บ้านรู้ว่านายนัทจะไปบวชที่กรุงเทพแล้วนั้นพวกเขาทั้งหมดก็มาส่งนายนัทกับผู้เป็นพ่อที่ท่ารถรวมถึงไอ้แก่เพื่อนนายนัทด้วย
“เฮ้ยเอ็งบวชเสร็จแล้วรีบกลับมานะเว้ย ข้าเหงาแน่ระหว่างเอ้งไม่อยู่” ไอ้แก่พูดทีจริงทีเล่น
“แล้วเอ็งไม่คิดจะบวชบ้างเหรอวะไอ้แก่” นายนัทเป็นฝ่ายถาม
“ยังหรอกเอาไว้ข้าพร้อมก่อนและอีกอย่างพ่อกับแม่ข้ายังไม่ได้ขอข้าเลยข้าเลยยังไม่ตัดสินใจ” ไอ้แก่เป็นฝ่ายตอบนายนัท
“เอ้ามัวแต่พูดไปเร็วเดี๋ยวจะไม่มีรถเข้ากรุงเทพ”ผู้เป็นพ่อเป็นฝ่ายบอกเพราะมัวแต่เสียเวลาอยู่นานแล้ว และผู้เป็นพ่อกับนายนัทก็ขึ้นรถตรงไปที่กรุงเทพวิ่งเข้ามาถึงวัดในชานเมืองวัดหนึ่ง
“อ้าวโยมเป็นไงมาไงเนี่ย นั่นลูกชายเหรอ” สมภารอุ่นซึ่งเป็นเกลอเก่าของพ่อของนายนัทได้กล่าวทักขึ้น
“สบายดีครับท่าน แล้วท่านเป็นยังไงบ้าง เอ้าไอ้นัทไหว้หลวงลุงเขาสิ” ผู้เป็นพ่อกำชับนายนัทเลยยกมือไหว้สมภารอุ่นตามที่ผู้เป็นพ่อสั่ง
“เออ เจริญๆเถอะ แล้วมีอะไรละถึงได้มาหาข้าถึงที่นี่ละ” สมภารอุ่นเป็นฝ่ายถาม
“ผมว่าจะให้เจ้านัทเนี่ยมาบวชที่วัดของท่านแหละครับซักพรรษาหนึ่งมันเกเรเหลือเกินฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามากกลัวกรรมมันจะเล่นงานเอาเลยมาฝากกับท่านสมภารเนี่ยแหละ” ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมกับส่ายหัว
“เออ บวชได้ เท่าที่ข้ามองหน้าลูกชายเจ้านะ มันต้องมีเคราะห์แน่นอนเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ให้อภัย แต่ไม่เป็นไรบวชแล้วข้าจะให้มันทำกรรมฐานเลยเผื่อเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิให้ ไม่เป้นไรนะเอ็งอยู่กับหลวงลุงนะสบายใจได้เลยนะลูก” สมภารอุ่นบอกผู้เป็นพ่อและบอกกับนายนัท
“งั้นผมขอฝากเจ้านัทไว้กับท่านเลยนะครับส่วนตัวผมขอลากลับก่อน” ผู้เป็นพ่อพูดจบก็กราบท่านสมภารอุ่นแบบเบญจางคประดิษฐ์สามหนตามธรรมเนียมชาวพุทธ
“เอ็งอยู่นี่ต้องเชื่อหลวงลุงท่านนะ พ่อไปก่อนละ” ผู้เป็นพ่อพูดกับลูกชาย นายนัทได้แต่พยักหน้ารับ
หลังจากผู้เป็นพ่อกลับไปแล้วสมภารอุ่นจึงได้คุยกับนายนัทว่า
“เอ็งมีเคราะห์นะทำกรรมไว้มาก เจ้ากรรมนายเวรเขาจะมาเอาชีวิตเอ็ง เอ็งต้องเชื่อฟังข้านะ เพราะพ่อเอ็งเขาฝากเอ็งไว้กับข้าแล้ว” สมภารอุ่นพูดจบจึงได้เรียกให้ พระลูกวัดพานายนัทเข้ากุฏิ ก่อนไปสมภารอุ่นได้บอกกับนายนัทว่า
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเอ็งต้องมาหัดท่องขานนาคกับข้านะ พอเอ็งท่องแล้วข้าจะให้บวชเลย ไปเอาของเก็บไว้ในกุฏิก่อนแล้วไปกวาดลานวัดด้วยเลย” ผู้เป็นสมภารออกปาก นายนัทพยักหน้าแบบขอไปที ทำไมเขาต้องมาลำบากแบบนี้ด้วย อยู่บ้านเขาอิสระออกไปที่ไหนก็ตามใจแต่เขาต้องมาอยู่ในวัดถือศีลแปดอดข้าวเย็น แล้วต้องมานั่งท่องขานนาคทุกวันนายนัทได้แต่สังเวชใจ หลังจากไปเก็บของเข้ากุฏิเรียบร้อยแล้วนายนัทก็ได้มากวาดลานวัดตามคำสั่งหลวงลุง ซักพักหนึ่งมีพระลูกวัดเดินเข้ามาพร้อมยื่นหนังสือเล่มเล็กๆให้กับเขา
“เอ้าโยม ท่านสมภารให้เอาคำขานนาคมาให้ท่องแล้วพรุ่งนี้เป็นต้นไปโยมต้องปฏิบัติกิจของวัดนี้แล้วไปฝึกขานนาคกับท่านสมภารทุกวันด้วย” พูดจบพระลูกวัดก็เดินจากไปทันที นายนัทรับคำขานนาคมาแล้ว พอกวาดวัดเสร็จเก็บไม้กวาดแล้วนายนัทก็ได้มานั่งท่องคำขานนาคในกุฏิจนถึงเวลาทำวัตรเย็นนายนัทก็ต้องมาร่วมทำวัตรกับพระทั้งวัดด้วยในพระอุโบสถ จนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนนายนัทนั้นได้ทำกิจวัตรทุกอย่างตอนเช้าก็เดินตามพระออกบิณฑบาตรซึ่งเป็นกิจของสงฆ์อย่างหนึ่ง และกลับมาก็ต้องมาจัดอาหารถวายพระทั้งเช้าและเพล และต้องร่วมทำวัตรเช้า เย็นกับพระสงฆ์ด้วยแถมตอนค่ำๆต้องมาฝึกซ้อมขานนาคกับท่านสมภารอุ่นอีก ซึ่งนายนัทนั้นก็ทำได้ไม่บกพร่องและพร้อมที่จะได้รับการบวชพรุ่งนี้แล้ว
“เออ เอ็งท่องได้คล่องแล้วนี่นา พรุ่งนี้เอ็งก็บวชได้เลยนะ หลังพระทำวัตรเช้าเย็นเอ็งก็บวชเลย ไปนอนได้แล้วไป” สมภารอุ่นบอก
“ครับหลวงลุง” นายนัทพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผู้เป็นสมภาร
พอรุ่งเช้านายนัทเดินตามท่านสมภารออกบิณฑบาตรพอกลับมาท่านสมภารเลยจัดการปลงผมให้นายนัทจนหมดแล้วบอกกับนายนัทว่า
“หลังทำวัตรเช้าเสร็จทำพิธีบวชเลยนะ” สมภารอุ่นบอก
และถึงเวลานั้นหลังจากพระสงฆ์ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จสมภารอุ่นก็ได้เข้าพิธีเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระลูดวัดเป็นคู่สวด และก็เป็นพระอันดับส่วนหนึ่ง หลังจากเริ่มพิธีไปได้ซักระยะหนึ่งจนถึงขั้นตอนสุดท้ายหลังจากบอกอนุศาสตร์ให้กับพระบวชใหม่สมภารอุ่นได้บอกกับพระภิกษุนัทซึ่งตอนนี้ได้เป็นพระภิกษุแล้วว่า
“หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จเอ็งเข้ามาคุยกับหลวงลุงหน่อยนะ”
“ครับหลวงลุง” พระนัทซึ่งต่อไปจะเรียกหลวงพี่นัทนั้นรับคำ แต่ลึกๆเขาเสียดายพ่อของเขาอยากให้บวชแต่พ่อเขาก็กลับต่างจังหวัดไปแล้วไม่ได้อยู่ร่วมพิธีบวชด้วยนั้น แต่ไม่เป็นไรพรรษาเดียวก็สึก หลังจากนั้นหลวงพี่นัทก็ได้เข้ามาฟังกิจวัตรของสงฆ์และฝึกกรรมฐานกับหลวงลุงจนถึงตอนนี้หลวงพี่นัทรู้สึกสงบกับภายในผ้าเหลืองเลยยังไม่ลาสิกขาออกไปทั้งที่ตอนแรกจะอยู่แค่พรรษาเดียวเท่านั้นเองจนถึงตอนนี้ก็เลยมาถึง 7 พรรษาแล้ว และหลังจากฝึกกรรมฐานและเรียนรู้ชีวิตของสงฆ์แล้วเขาก็ได้รับรู้เรื่องกฏแห่งกรรมซึ่งเขาไม่อาจจะหนีพ้นไปได้ถ้าเข้ากรรมนายเวรเขามาตามทวงคืน เขารู้ได้ถึงตอนนี้เพราะเขาฝึกกรรมฐานมานั่นเอง หลวงพี่นัทนั่งคิดเพลินๆจนกระทั่งมีเสียงเดินเข้ามาเคาะกุฏิบอกพร้อมเปิดกุฏิเข้ามาบอกหลวงพี่นัทว่า
“หลวงพี่นัท ครับนิมนต์ไปรับสังฆทานที่โบสถ์ด้วยครับ” จ้อนเด็กวัดของสมภารอุ่นเดินมาบอก
“เออ รู้แล้ว” พูดจบหลวงพี่นัทจึงได้ห่มผ้าแบบห่มดองของวัดนี้พาดสังฏาฏิรัดอกแล้วเดินออกไปรับหน้าแขกภายในโบสถ์
นพชัยขับรถมาจอดตรงลานต้นไม้กลางวัดแล้วก็ลงจากรถพร้อมกับสินธร สินธรกับนพชัยก็เดินตรงไปที่พระอุโบสถเห็นมีตู้ทำบุญค่ากระป๋องสังฆทานอยู่ สินธรควักแบงค์ร้อยสองใบหยอดลงไปในตู้พร้อมกับหยิบกระป๋องสังฆทานหนึ่งใบเดินเข้าพระอุโบสถพร้อมกับนพชัยเพื่อนรัก
พอคนทั้งสองเดินเข้าพระอุโบสถทั้งคู่ต่างก็กราบพระประธานในพระอุโบสถเรียบร้อยก็นั่งพับเพียบมองไปที่พระประธานเหมือนหาที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ พอครู่ใหญ่ก็มีพระภิกษุห่มดองเดินอาการสำรวมเข้ามาในพระอุโบสถมานั่งประจำที่อาสนะเพื่อที่จะมาปลดทุกข์ให้กับแขกผู้มาเยือน
"เจริญพรโยม จะมาถวายสังฆทานหรือ" พระภิกษุถามฆราวาสทั้งสอง พระภิกษุรูปนี้มีชื่อว่า นัท ซึ่งคนทั่วไปก็เรียกท่านว่า หลวงพี่นัท
"ใช่ครับหลวงพี่ แล้วผมอยากมาขอคำปรึกษากับหลวงพี่ครับ" สินธรพนมมือขึ้นเหนืออกแล้วเอ่ยบอกหลวงพี่นัท
"งั้นถวายสังฆทานก่อนแล้วกัน" หลวงพี่นัทพูดจบพร้อมกล่าวนำให้บุคคลทั้งสองกล่าวคำถวายสังฆทาน
"อิมานิ มะยังภันเต สังฆะทานานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโนภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ สะปะริวารานิ ปฏิคันหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย ซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวาร
ทั้งหลายเหล่านี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารกับของ ที่เป็นบริวารทั้งหลาย
เหล่านี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ " พอท่องจบหลวงพี่นัทก็กล่าวว่า สาธุ ดังขึ้นแล้วฆราวาสทั้งสองก็ได้เข้ามาประเคนสังฆทานให้กับหลวงพี่นัท หลังจากหลวงพี่นัทรับสังฆทานเรียบร้อยแล้วก็หยิบที่กรวดน้ำให้กับฆราวาสทั้งสองพร้อมกล่าวว่า
"โยมตั้งใจกรวดน้ำรับพรนะ" ฆราวาสทั้งสองเตรียมกรวดน้ำ
"ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง
เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ
อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ
สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา
มะณิ โชติระโส ยะถา
สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ
มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ
อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
สัพพะสังฆานุภาเวนะสะทา
โสตถี ภะวันตุ เต" พอสวดจบแล้วหลวงพี่นัทก็ให้สินธรเอาน้ำไปออกไปเทก่อน
"โยมเอาน้ำไปเทก่อนนะแล้วค่อยมาคุยกัน" หลวงพี่นัทพูดจบสินธรก็เดินเอาน้ำออกไปเท พอสินธรเดินเข้ามาเอาที่กรวดน้ำไปเก็บแล้วก็กราบหลวงพี่นัทสามหนแบบเบญจางคประดิษฐ์
"โยมมีอะไรว่ามา" หลวงพี่นัทเอ่ยถามขึ้น สินธรจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้หลวงพี่นัทฟัง พอสินธรเล่าจบหลวงพี่นัทก็เอ่ยถามนพชัยบ้าง
"แล้วโยมละมีปัญหาอะไรหรือเปล่า" หลวงพี่นัทถาม
"อ๋อไม่มีครับหลวงพี่คุยกับเพื่อนผมแล้วกันครับ" นพชัยตอบแบบอึกอักซึ่งเกิดเป็นข้อสงสัยให้กับสินธรยิ่งนัก
"กฏแห่งกรรมเลี่ยงไม่ได้นะโยม เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ให้อภัย กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนองไม่มีใครหนีพ้น แม้แต่ตัวอาตมาเอง" หลวงพี่นัทตอบกับสินธรแล้วก็มองมาทางนพชัยพร้อมพูดขึ้นว่า
"ส่วนโยมทำบุญบ่อยๆนะ ที่เขาตามมาเพราะแรงอาฆาต โยมหมั่นรักษาศีล