สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
คุณอย่าไปเอาการศึกษามาเป็นแพะรับบาปในสาเหตุที่คุณด้อยกว่าเพื่อนในเรื่องฐานะการเงิน
การที่เพื่อนเรียนไม่เก่ง ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้มีดีอย่างอื่น หากคุณเป็นคนที่วัดทุกอย่างด้วยการเรียน มันก็เป็นอะไรที่โลกแคบมาก ๆ
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แต่การศึกษาเรียนรู้สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ใช่แค่ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือวัดด้วย GPA อย่างที่คุณคิด
เพื่อนคุณกล้าเริ่มต้นทำธุรกิจ ในขณะที่คุณยังเป็นแค่ลูกจ้างกินเงินเดือน แค่นี้ก็มากพอแล้ว
หากคุณต้องการซื้อ Cayenne ได้ซักคัน คุณควรจะมีรายได้เดือนละ 3 แสนอย่างต่ำสุด ๆ
คุณไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ แต่เพื่อนคุณกล้าที่จะเริ่มต้นเดินเข้าหารายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่คุณทำงานแล้วหวังว่าเงินเดือนจะปรับขึ้นปีละ 10-15% ไปปีต่อปี
พอเห็นเพื่อนสำเร็จ แทนที่จะยินดี และกระตือรือร้นขอคำแนะนำ
คุณกลับมี ego ที่ยังติดภาพความเหนือกว่า สุดท้ายก็ต้องกลับมา fail เงียบ ๆ คนเดียวที่บ้าน
ถ้าจะถามว่าเพื่อนคุณมีอะไรที่คุณไม่มี
1. ความกล้าที่จะคิด และปฏิบัติ
2. ทัศนคติเชิงบวก
เรื่องอื่น ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงหรอก
หากคุณยังไม่สามารถปลูกความคิด 2 อย่างนี้ในใจคุณได้
คุณจะไม่มีวันได้แตะเท้าเข้าไปอยู่ในโลกของเพื่อนที่คุณอิจฉาเลย ตลอดชีวิตของคุณ
แต่อย่าไปคิดมาก
คนที่เรียนไม่เก่ง แล้วประสบความสำเร็จน่ะ มันก็แค่ส่วนน้อย
แต่เป็นส่วนน้อยที่คนส่วนมาก ไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจว่า คนกลุ่มนี้ มีอย่างอื่นที่ดีและเจ๋งกว่าปริญญามากมายนัก
การที่เพื่อนเรียนไม่เก่ง ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้มีดีอย่างอื่น หากคุณเป็นคนที่วัดทุกอย่างด้วยการเรียน มันก็เป็นอะไรที่โลกแคบมาก ๆ
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แต่การศึกษาเรียนรู้สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ใช่แค่ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือวัดด้วย GPA อย่างที่คุณคิด
เพื่อนคุณกล้าเริ่มต้นทำธุรกิจ ในขณะที่คุณยังเป็นแค่ลูกจ้างกินเงินเดือน แค่นี้ก็มากพอแล้ว
หากคุณต้องการซื้อ Cayenne ได้ซักคัน คุณควรจะมีรายได้เดือนละ 3 แสนอย่างต่ำสุด ๆ
คุณไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ แต่เพื่อนคุณกล้าที่จะเริ่มต้นเดินเข้าหารายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่คุณทำงานแล้วหวังว่าเงินเดือนจะปรับขึ้นปีละ 10-15% ไปปีต่อปี
พอเห็นเพื่อนสำเร็จ แทนที่จะยินดี และกระตือรือร้นขอคำแนะนำ
คุณกลับมี ego ที่ยังติดภาพความเหนือกว่า สุดท้ายก็ต้องกลับมา fail เงียบ ๆ คนเดียวที่บ้าน
ถ้าจะถามว่าเพื่อนคุณมีอะไรที่คุณไม่มี
1. ความกล้าที่จะคิด และปฏิบัติ
2. ทัศนคติเชิงบวก
เรื่องอื่น ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงหรอก
หากคุณยังไม่สามารถปลูกความคิด 2 อย่างนี้ในใจคุณได้
คุณจะไม่มีวันได้แตะเท้าเข้าไปอยู่ในโลกของเพื่อนที่คุณอิจฉาเลย ตลอดชีวิตของคุณ
แต่อย่าไปคิดมาก
คนที่เรียนไม่เก่ง แล้วประสบความสำเร็จน่ะ มันก็แค่ส่วนน้อย
แต่เป็นส่วนน้อยที่คนส่วนมาก ไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจว่า คนกลุ่มนี้ มีอย่างอื่นที่ดีและเจ๋งกว่าปริญญามากมายนัก
ความคิดเห็นที่ 15
คุณตีความหมายของคำว่าความสำเร็จอย่างไรล่ะครับ จากตัวอย่างที่คุณยกมา คุณให้ความหมายว่าเป็นเงินใช่หรือเปล่า
ทุกวันนี้คุณยังมีความสุขดีอยู่ไหมครับ ได้อยู่กับพ่อแม่ไหม มีแฟนหรือยัง แต่งงานหรือยัง นอนหลับสนิทไหม ได้กินของที่ชอบบ่อยไหม
ที่ผมถามมันจับต้องไม่ได้เหมือนเงิน แต่คุณรู้เรื่องเพื่อนคุณไหม กว่าจะมาตรงนั้นเขาเผชิญอะไรบ้าง เขาเครียดทุกวันไหม
เพื่อนผมที่ตอนเรียนดูเหมือนเรียนไม่เก่งนัก แต่ผมเห็นเขาพยายาม เขากล้าเสี่ยง ทำงานหนัก เขาคือคนเก่งครับ แต่หลักสูตรการเรียนวัดตรงนั้นไม่ได้
มีเงินดีกว่าไม่มีแน่ครับ แต่ใช้เงินหาความสุขดีกว่า ให้เงินมาเป็นตัวชี้วัด
ความสุขรอบตัวคุณที่มีทุกวัน เรียกว่าความสำเร็จได้ไหมล่ะ
เมื่อก่อนผมทำงานหนัก ป่วยแล้วก็มีแต่ครอบครัว เพื่อนสนิทเท่านั้นล่ะที่ดูแลห่วงใย
ได้ทำงานตำแหน่งที่ดี บริษัทที่ดี เวลาเราป่วยเขาไม่มาใส่ใจเราหรอกนะครับ
ความสุขผมคือครอบครัวกับสุขภาพนั่นล่ะครับ
ลองพยายามหาลู่ทาง หาทางพัฒนาเส้นทางชีวิตดูครับ
ถ้าช่วงนี้ยังตัดใจไม่คิดมากได้ลำบาก ก็หาอะไรสนุกๆ ทำนะครับ ขี่จักรยาน ท่องเที่ยว ไปต่างจังหวัดบ้าง เล่นเกมส์ ถ่ายรูป เยอะแยะ
ทุกวันนี้คุณยังมีความสุขดีอยู่ไหมครับ ได้อยู่กับพ่อแม่ไหม มีแฟนหรือยัง แต่งงานหรือยัง นอนหลับสนิทไหม ได้กินของที่ชอบบ่อยไหม
ที่ผมถามมันจับต้องไม่ได้เหมือนเงิน แต่คุณรู้เรื่องเพื่อนคุณไหม กว่าจะมาตรงนั้นเขาเผชิญอะไรบ้าง เขาเครียดทุกวันไหม
เพื่อนผมที่ตอนเรียนดูเหมือนเรียนไม่เก่งนัก แต่ผมเห็นเขาพยายาม เขากล้าเสี่ยง ทำงานหนัก เขาคือคนเก่งครับ แต่หลักสูตรการเรียนวัดตรงนั้นไม่ได้
มีเงินดีกว่าไม่มีแน่ครับ แต่ใช้เงินหาความสุขดีกว่า ให้เงินมาเป็นตัวชี้วัด
ความสุขรอบตัวคุณที่มีทุกวัน เรียกว่าความสำเร็จได้ไหมล่ะ
เมื่อก่อนผมทำงานหนัก ป่วยแล้วก็มีแต่ครอบครัว เพื่อนสนิทเท่านั้นล่ะที่ดูแลห่วงใย
ได้ทำงานตำแหน่งที่ดี บริษัทที่ดี เวลาเราป่วยเขาไม่มาใส่ใจเราหรอกนะครับ
ความสุขผมคือครอบครัวกับสุขภาพนั่นล่ะครับ
ลองพยายามหาลู่ทาง หาทางพัฒนาเส้นทางชีวิตดูครับ
ถ้าช่วงนี้ยังตัดใจไม่คิดมากได้ลำบาก ก็หาอะไรสนุกๆ ทำนะครับ ขี่จักรยาน ท่องเที่ยว ไปต่างจังหวัดบ้าง เล่นเกมส์ ถ่ายรูป เยอะแยะ
ความคิดเห็นที่ 23
ความสำเร็จมันแล้วแต่นิยามครับ
สำหรับผม
ต่อให้เพื่อนผมได้แฟนสวย ได้เงินเดือนนึงเป็นล้านๆ ผมก็คงอิจฉามันนิดๆ แต่ไม่เฟลกับตัวเองนะ
เพราะความประสบความสำเร็จในนิยามของผมคือการไล่ตามความฝันและทำอะไรบางอย่างที่ดีไว้ให้วงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งหมายถึงความก้าวหน้าโดยองค์รวมของมนุษยชาตินี่แหละ
เรื่องเงินเป็นรอง ไม่ขัดสนผมก็พอใจแล้ว แฟนก็ไม่ต้องการ ผมอยู่กับโลก 2D ได้
สำหรับผม
ต่อให้เพื่อนผมได้แฟนสวย ได้เงินเดือนนึงเป็นล้านๆ ผมก็คงอิจฉามันนิดๆ แต่ไม่เฟลกับตัวเองนะ
เพราะความประสบความสำเร็จในนิยามของผมคือการไล่ตามความฝันและทำอะไรบางอย่างที่ดีไว้ให้วงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งหมายถึงความก้าวหน้าโดยองค์รวมของมนุษยชาตินี่แหละ
เรื่องเงินเป็นรอง ไม่ขัดสนผมก็พอใจแล้ว แฟนก็ไม่ต้องการ ผมอยู่กับโลก 2D ได้
ความคิดเห็นที่ 4
ลองคิดเป็นอัตราส่วนของคนที่เรียนไม่จบแล้วประสบความสำเร็จเทียบกับคนที่เรียนจบสิ คุณคิดมากเพราะคุณเห็นเฉพาะส่วนที่อยากเห็น เบื้องหลังคนที่ประสบความสำเร็จมีความยากลำบาก มีคนล้มเหลวอยู่มากมาย ที่คุณไม่ยอมมอง การเรียนมันก็เหมือนกับซื้อประกัน คือต่อให้คุณไม่ประสบความสำเร็จก็อาจจะมีชีวิตแบบกลางๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เรียนถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จก็อาจจะล้มเหลวยากจนไปเลย
ผมเชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จจากติดลบนั้นมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่คือความกล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย มีความเป็นนักพนันอยู่ในตัว สิ่งเหล่านี้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของนักธุรกิจส่วนใหญ่ ดังนั้นอย่างที่บอกแล้วว่าข้างหลังคนที่ประสบความสำเร็จ มีคนอีกมากกว่าที่เสี่ยงแล้วล้มเหลว ถ้าคุณอยากสำเร็จคุณก็ต้องเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีก ทำนอง High Risk High Return หรือคุณจะเลือกทางไต่เต้าขึ้นไปเรื่อยๆแบบ Slow but Sure ก็เลือกเอาเองแล้วกัน
ผมเชื่อว่าทั้งสองทางไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยและสภาพของแต่ละคนว่าเหมาะกับแบบไหนมากกว่า
ผมเชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จจากติดลบนั้นมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่คือความกล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย มีความเป็นนักพนันอยู่ในตัว สิ่งเหล่านี้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของนักธุรกิจส่วนใหญ่ ดังนั้นอย่างที่บอกแล้วว่าข้างหลังคนที่ประสบความสำเร็จ มีคนอีกมากกว่าที่เสี่ยงแล้วล้มเหลว ถ้าคุณอยากสำเร็จคุณก็ต้องเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีก ทำนอง High Risk High Return หรือคุณจะเลือกทางไต่เต้าขึ้นไปเรื่อยๆแบบ Slow but Sure ก็เลือกเอาเองแล้วกัน
ผมเชื่อว่าทั้งสองทางไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยและสภาพของแต่ละคนว่าเหมาะกับแบบไหนมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
คนที่เรียนแย่ แต่ทำไมประสบความสำเร็จ คนที่เรียนดีกลับสู้ไม่ได้
ย้อนกลับไป มีเพื่อนคนนึง ตอนเรียนแย่มาก เกรดเฉลี่ยออกมาแย่กว่าห้องรอง ๆ อีก เอ็นไม่ติด จากนั้นก็ได้ข่าวว่าไปเรียนมหาลัยเอกชนที่นึง แล้วก็เรียนไม่จบ
ผ่านไปประมาณ 10 ปี ตอนนี้ผมอายุ 28 แล้ว ไปงานแต่งงานเพื่อนก็เห็นเพื่อนคนนี้มากับเพื่อนผู้หญิงอีกคน คือ 2 คนนี้เค้าเป็นแฟนกันและจะแต่งงานกันปีหน้า เพื่อนผู้หญิงคนนี้สวยมาก ผมเคยจีบอยู่ตอนเรียนแต่จีบไม่ติด ยังงงอยู่ไอ้นี่จีบติดได้ไง ทั้ง 2 คนนี่เพื่อน ๆ ต่างงงมาก ว่ามาเป็นแฟนกันได้ยังไง เพราะทั้ง 2 คนนี้หายหน้าหายตาไปเลย Facebook ก็ไม่เล่น เบอร์โทรก็เปลี่ยน ไม่มีใครติดต่อได้
มาตอนนี้เท่าที่ได้ฟังจากที่ผู้หญิงเล่ามา คนผู้ชายเป็นเจ้าของบริษัทอยู่ 2 ที่ แล้วมีโรงงานอีกแห่งนึง คนผู้หญิงเปิด Ipad โชว์ให้ดูว่าบ้านเป็นยังไง คอนโดที่หัวหินเป็นยังไง บริษัทเป็นยังไง และคนผู้ชายเคยมีนิตยสาร (ที่ไม่ค่อยดัง) ไปสัมภาษณ์เค้าอยู่ 4 - 5 เล่ม ก็รู้สึกทึ่งนิด ๆ ว่าทำไมแค่ผ่านไป 10 ปี จากคนที่ผมเคยคิดว่าต้องล้มเหลวแน่ ๆ โดยที่เค้าเรียนไม่จบ ต้องออกจากการเรียนตั้งแต่ปี 1 กลับมามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมเทียบไม่ได้ ทั้งเรื่องแฟนสวย มีรถดี ๆ อย่างปอร์เช่ คาเยน ที่ทั้งชีวิตผมคิดว่าซื้อไม่ได้ แล้วก็ยังมีรถสปอร์ตที่บ้านอีกหลายคัน ผมเองตอนซื้อ Civic ยังต้องให้ที่บ้านช่วยเลย และมีบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพ ผมเองอยู่หอใกล้ที่ทำงาน รายได้คงเทียบกันไม่ติด
มองดูแล้วทุกอย่างเหนือกว่าหมด ทำให้ผมรู้สึก Fail ไปเลย เหมือนกับว่าผมเรียนมาหนัก ตลอดเวลาตั้งใจเรียนมาตลอด อยากจะมีหน้าที่การงานดี ๆ แต่กลับแพ้คนที่แย่กว่าในตอนเรียน ในใจก็คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จอยู่ ได้ตามที่หวัง ทำงานอยู่บริษัทที่ดี มั่นคง แต่พอไปเทียบกับเพื่อนคนนั้นแล้ว รู้สึกล้มเหลวทันที
ตอนนี้เลยรู้สึกว่าตัวเอง Fail มากเลย ที่ผ่านมาตั้งใจไปเพื่ออะไร ผมควรทำยังไงถึงจะประสบความสำเร็จบ้าง ตอนนี้มาคิดดูเงินเดือนจากที่เคยว่าเยอะ มันช่างน้อยนิดจริง ๆ