{แบ่งปันความรู้} process ของการอนิเมท และกฏ 12 ข้อของ animation


เนื่องจากกระทู้ก่อนๆที่มีเกรียนคนนึง พยายามมาเถียงเหล่าคนที่เคยทำงานจริง เรื่องการอนิเมทในสายงาน 3d animation
ผมเลยตั้งใจจะมาแบ่งปันความรู้ เท่าที่มีอยู่ให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

เรื่องแรกเลยเกรียนคนนั้นเค้าพูดว่า งานอนิเมชั่นทำไมต้องเสียเวลามาก แค่ขยับตัวละครให้มันสมจริง
แบบี่ปุ่นก็พอแล้วนี่นา!?

จริงครับการอนิเมทงานนั้นทำให้ดูรู้เรื่องว่า ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไรก็เพียงพอแล้ว
แต่เค้าพูดผิดไปอย่างนึงครับ การอนิเมทแบบญี่ปุ่นของเค้าคือการอนิเมทธรรมดาๆ
ไม่ได้ผ่านการคิดและไม่ได้มีหลักการของอนิเมชั่นเข้ามาช่วยปรับให้งานดูดีขึ้น!
เปรียบได้กับการวางแผนก่อนออกรบครับ ถ้าปราศจากการวางแผนแล้ว การรบคงล้มเหลวไม่เป็นท่า

เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ โปรเซสก่อนการอนิเมทคืออะไร และมีอะไรบ้าง ซึ่ง ณ ที่นี้ผมจะพูดในลักษณะของงานที่เป็นงานส่วนตัวทำกันเล่น ฝึกฝีมือ
เพราะถ้าเข้าระบบสตูดิโอแล้ว อนิเมเตอร์นั้นจะไม่ได้มีอิสระมากในการคิดงาน คิดเรื่องราว เพราะต้องผ่านขั้นตอนการคิดมาจากผู้กำกับมาก่อนแล้ว
เพียงแต่อาจจะใส่ดีเทลล์เล็กน้อยให้งานสมบูรณ์ได้ แต่ไม่มากเพราะอาจจะทำให้ภาพรวมของงานเสียไป

เหล่าอนิเมเตอร์ดังๆ หรือแม้กระทั่งทำประกวดเล่นๆ ในเว็บ www.secondsclub.com นั้น
เมื่อเค้าได้โจทย์มา สิ่งแรกที่เค้าจะทำ ไม่ใช่เปิดคอมนะครับ!! เค้าจะไม่ไปยุ่งกับโปรแกรมมายาเลย
ถ้าหากไม่ผ่านกระบวนการคิดก่อน
ซึ่งอย่างแรกก็คือ

1.คิดไอเดีย เมื่ออนิเมเตอร์ได้โจทย์งานมาอย่างนึง สมมติละกันว่าเป็น อนิเมชั่นของคาแรคเตอร์ที่ปวดขี้แล้วไปเข้าห้องน้ำ
   มันก้คงจะน่าเบื่อนะครับ ถ้าหากเป็นอนิเมชั่นที่มีแต่คนเดินง่อยๆไปขี้ในห้องน้ำ จึงเป็นหน้าที่ของอนิเมเตอร์ที่จะคิด "เรื่องราว"
   ที่พูดไปลอยๆก็ฟังดูธรรมดา ให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างงานของอนิเมเตอร์ไทยคนนึงที่ผมนับถือนะครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




เป้นไงครับอนิเมชั่นคนปวดขี้ สนุกนะครับ โจทย์ง่ายๆ keep it simple stupid.

2.วาด Thumbnail เมื่อมีไอเดียอยู่ในหัวเราก็รู้เรื่องของเราเพียงคนเดียวครับ การวาดธัมพ์เนลล์ก็เหมือนกับการวาด สตอร์รี่บอร์ด
ซึ่งถ้าไม่มีแต่เราทำงานคนเดียวก็ไม่เป็นอะไรครับมันอยู่ในหัวเรา แต่ถ้าคุณจะขายไอเดียให้ใครฟัง คุณคงไม่มีช่องเสียบโปรเจ็คเตอร์ฉายออกมาทางลูกตานี่ครับ
ธัมพ์เนลล์จึงเป็นสื่อกลางให้ผู้รับสารคนอื่นเข้าใจในไอเดียของเรา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



นี่คือตัวอย่างของธัมพ์เนลล์ครับ ไม่ต้องวาดสวยมาก แต่ดูรู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น คือสื่อสารได้อย่างชัดเจน

3.ถ่าย video reference สำคัญอย่างยิ่งยวดเลยครับ คุณจะเข้าใจในการเคลื่อนไหว ,motion และ dynamic ของสิ่งต่างๆได้อย่างไร
ถ้าคุณไม่เคยเห็น
แล้วถ้าไม่มีเรฟทำงานได้มั้ย
ได้ครับ เพียงแต่คุณจะทำออกมาได้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
เพราะงานอนิเมชั่นมีคำขวัญคือ don't make it real,make it beliveable (อย่าทำให้เหมือนจริงแต่ทำให้น่าเชื่อถือ)
การเคลื่อนไหวของคนอ้วนและคนผอมไม่เหมือนกันครับ เรฟเฟอร์เร้นซ์ตรงนี้จึงสำคัญมาก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



คลิปนี้สรุปการทำงานและความเวิร์คของการมีวิดิโอเรฟเฟอร์เร้นซ์ได้ดีมากครับ

ซึ่งหมดขั้นตอนพวกนี้แล้ว เหล่าอนิเมเตอร์ถึงจะไปจับโปรแกรมทำมายาครับ.

โปรเซสที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้จะไม่ทำก็ได้นะครับ ถ้าหากคุณเก๋าเกมส์มากๆแล้ว
อย่างเช่นอนิเมเตอร์คนนึงผมจำชื่อไม่ได้แล้วว่าใคร เค้าพูดไว้ว่า
ผมไม่ใช่นักวาดรูป ผมวาดรูปไม่ได้ แต่ผมเป็นนักเชิดหุ่นที่เก่งมาก!!


เดี๋ยวผมมาต่อในเรื่องของกฏ 12 ข้อนะครับ

ปล.ขาดตกบกพร่องอะไรไป บอกผมได้เลยนะครับ ยิ้ม
ปล. 2 กฏทั้ง 12 ข้อตามอ่านได้ในความเห็นเหล่านี้นะครับ
         กฏข้อที่ 1 Timing & spacing     ความเห็นที่ 13 ครับ
         กฏข้อที่ 2 Slow in - Slow out    ความเห็นที่ 17
         กฏข้อที่ 3 Arcs                        ความเห็นที่ 21
         กฏข้อที่ 4 anticipation              ความเห็นที่ 22
          กฏข้อที่ 5 exaggeration              ความเห็นที่ 23
         กฏข้อที่  6 Squash and Stretch              ความเห็นที่ 24

ปล.3 เพิ่มเติมสไตล์การอนิเมททั้งสามแบบที่ คห. 43 ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่