เคยมีข่าวคนไทยรอบวางระเบิดเครื่องบินค่าเธ่แปซิฟิกเพื่อเอาเงินประกันมั่ยครับ

กระทู้คำถาม
พอดีผมเรียนวิชาประกันภัยกับอาจาร์ย  อาจาร์ยเล่าว่ามีเหตุการที่คนไทย ทีเป็นผู้ชายลักลอบวางระเบิดเครื่องบินของสายการบินค่าเธ่ ซึ่งมีภรรยาตัวเองเป็นผู้โดยสารอยู่ด้วย เพื่อหวังเอาเงินประกัน เหตุการณ์นั้นทำให้เครื่องบินระเบิดเสียชีวิตทั้งลำ เหตุกาคนี้น่าจะซักประมาณ20ปีได้ครับผม ผมหาข้อมูลไม่เจอเลยครับ ไม่ทราบว่าใครพอรู้หรือมีรายละเอียดบ้างครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เพิ่งจะทราบว่ามีแบบนี้ด้วยยยย น่ากลัวจังเลย .. เราไปหาข้อมูลมาเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2521

ผู้เอาประกันชีวิตระหว่างเดินทางเอาประกันไว้กับบริษัทหนึ่งแล้วขอเลื่อนวันเดินทาง บริษัทยังไม่อนุมัติ กับได้ขอเอาประกันกับอีกบริษัทซึ่งยังไม่ตอบรับ ผู้นั้นเอาประกันกับบริษัทจำเลยอีก ข้อความที่ว่าไม่เคยประกันภัยเกี่ยวกับอุบัติเหตุกับบริษัทอื่นก่อนเป็นข้อสำคัญที่จำเลยอาจบอกปัดไม่ยอมทำสัญญา แต่การประกันภัยครั้งนี้เป็นคนละระยะเวลากับครั้งก่อนที่ยังไม่อนุมัติเลื่อนการเดินทางจึงถือไม่ได้ว่าได้เอาประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นก่อน

การบอกล้างโมฆียะกรรมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 ต้องทำภายใน 1 เดือนหลังจากบริษัททราบเหตุที่ปกปิดข้อความจริง การบอกล้างหลังจากนั้นไม่มีผล

สัญญาประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทางโดยเครื่องบินมีเงื่อนไขให้จ่ายเงินในกรณีตายรวมทั้งบาดเจ็บนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้เงินอันอาศัยความมรณะ เป็น ประกันชีวิตตาม มาตรา 889 ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน ไม่มีการจ่ายเงินตามลำดับผู้รับประกันภัยก่อนหลัง ตาม มาตรา 870

โจทก์ขวนขวายออกเงินให้ผู้อื่นเอาประกันชีวิตโดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ ยังไม่พอเป็นข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันชีวิตของผู้อื่นนั้น ถือเป็นการที่ผู้เอาประกันซึ่งมีส่วนได้เสียเอาประกันชีวิตตนเอง

จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 3 เดือนกันยายนพุทธศักราช 2519 ….
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยขอแถลงการณ์ด้วยวาจาเห็นว่าไม่จำเป็นแก่คดี ให้งดเสีย
โจทก์นำสืบว่า โจทก์กับนางสมหวังอยู่กินฉันสามีภรรยา นางสมหวังกำหนดเดินทางไปฮ่องกงวันที่ 5 มิถุนายน 2515 ได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุไว้กับบริษัท แฮนโอเวอร์ จำกัด จำนวนเงิน 1,000,000 บาท กำหนดเวลาคุ้มครอง 3 วัน คือวันที่ 3, 4 และ 5 หรือ 5, 6 และ 7 มิถุนายน 2515 แต่ใบปลูกฝีฉีดยาไม่ครบ 7 วัน จึงเปลี่ยนกำหนดเดินทางเป็นวันที่ 14, 15หรือ 16 มิถุนายน 2515 นางสมหวังและโจทก์ติดต่อกับบริษัทแฮนโอเวอร์จำกัด ขอเลื่อนกำหนดเวลาคุ้มครองตามกรมธรรม์มาใน 3 วันหลัง แต่บริษัทยังไม่แจ้งมาว่าอนุมัติหรือไม่ วันที่ 12 มิถุนายน 2515 โจทก์และนางสมหวังไปหานางกรรณิการ์น้องสาวโจทก์ ซึ่งทำงานที่บริษัทจำเลยเพื่อจะถามว่าจะซื้ออะไรที่ฮ่องกงบ้าง โจทก์พบนายเลิศจิตพนักงานบริษัทจำเลย นายเลิศจิตทราบว่านางสมหวังจะเดินทางจึงถามโจทก์เรื่องประกันภัยโจทก์ว่านางสมหวังประกันภัยไว้กับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด แล้วเพ็งขอเลื่อนแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ นายเลิศจิตว่าที่ขอเลื่อนเขาไม่ยอมแน่ และชักชวนให้นางสมหวังประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางกับจำเลย นางสมหวังตกลงประกันในวงเงิน 1,000,000 บาท กำหนดเวลาคุ้มครองวันที่ 14, 15 และ16 มิถุนายน 2515 โจทก์กรอกข้อความในคำขอเอาประกันภัยหมาย ล.1เพราะนางสมหวังเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้ โดยนายเลิศจิตเป็นผู้ซักถามในคำขอ ล.1 ไม่มีข้อความว่าผู้ขอประกันเคยประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นหรือไม่นายเลิศจิตก็มิได้สอบถาม นางสมหวังลงชื่อและจ่ายเบี้ยประกัน 200 บาทเศษต่อมาประมาณครึ่งชั่วโมงนายเลิศจิตนำกรมธรรม์ประกันภัยตามสำเนาท้ายฟ้องมาให้ วันที่ 15 มิถุนายน 2515 นางสมหวังเดินทางไปฮ่องกงโดยเครื่องบินของบริษัท ซี.พี.เอ จำกัด เครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกที่ประเทศเวียดนามใต้นางสมหวังและผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิต วันที่ 4 กรกฎาคม 2515 โจทก์มีหนังสือแจ้งจำเลยให้ทราบถึงอุบัติเหตุตามเอกสาร จ.4 ต่อมาประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2515 โจทก์ไปพบนายมิน ธาดาสีห์ เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ นายมินให้โจทก์ทำหนังสือไว้แต่ให้รอเรื่องเข้าที่ประชุมก่อนครั้นปลายเดือนเดียวกัน จำเลยมีหนังสือบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยของนางสมหวังตามเอกสาร จ.1 และส่งเบี้ยประกันคืนตามเอกสาร จ.2 โจทก์แจ้งนายมินว่าไม่ยอมเลิกสัญญา เพราะเจ้าหน้าที่จำเลยทราบมาก่อนว่านางสมหวังเคยเอาประกันภัยไว้กับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด ทั้งเรื่องประกันภัยมาก่อน จำเลยไม่ถือเป็นข้อสารสำคัญ นอกจากนั้นนายมินทราบเรื่องนางสมหวังประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นหลังจากเครื่องบินตก 7 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มิถุนายน2515 แต่บอกล้างเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2515 เกินหนึ่งเดือน การบอกล้างไม่มีผล โจทก์เคยถูกฟ้องว่าเป็นผู้วางระเบิดเครื่องบิน แต่ศาลทหารกรุงเทพ(ศาลอาญา) และศาลทหารกลางพิพากษาว่าโจทก์มิได้กระทำผิด คดีถึงที่สุดตามคดีหมายเลขแดงที่ 2138/2517 และความจริงโจทก์ก็มิได้กระทำผิดในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังว่าเครื่องบินตกเพราะเกิดระเบิดจากภายในเครื่องบิน มิได้ตกเพราะสงครามหรือการสู้รบ กรณีของโจทก์ไม่ต้องตั้งอนุญาโตตุลาการชี้ขาด เพราะมิใช่ปัญหาข้อแตกต่างเกี่ยวกับจำนวนเงินเรื่องที่นางสมหวังขอเลื่อนกำหนดเวลาคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยกับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด บริษัทมิได้แจ้งให้ทราบว่าอนุมัติหรือไม่จนถึงวันเดินทาง นางสมหวังจึงประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางกับบริษัทแฮนโอเวอร์จำกัด อีกที่ดอนเมือง นางสมหวังเคยขอเอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด จำนวนเงิน 1,000,000 บาท ถ้าเกิดเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุจะได้รับเงิน 2,000,000 บาท แต่บริษัทก็ยังมิได้สนองรับประกันในวันที่ประกันภัยกับจำเลย ทั้งมิได้ส่งกรมธรรม์ประกันภัยให้นางสมหวังจนกระทั่งวันเดินทาง

ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ก่อนที่นางสมหวังจะประกันภัยกับจำเลยนางสมหวังประกันอุบัติเหตุเดินทางไว้กับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด กำหนดเวลาประกันภัย 3 วันคือวันที่ 3, 4, 5 หรือ 5, 6, 7 มิถุนายน 2515 แต่นางสมหวังมิได้เดินทางตามวันที่เอาประกันภัย จึงขอเปลี่ยนกำหนดเวลาประกันภัยเป็นวันที่ 14, 15, 16 มิถุนายน 2515 แต่บริษัทแฮนโอเวอร์จำกัด มิได้แจ้งให้ทราบว่าอนุมัติหรือไม่ จนกระทั่งนางสมหวังออกเดินทางในวันที่ 15 มิถุนายน 2515 นอกจากนั้นนางสมหวังขอเอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด ก่อนประกันภัยกับจำเลย แต่จนถึงวันประกันภัยกับจำเลย บริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ก็ยังมิได้ตอบสนองรับประกันภัย และมิได้ส่งกรมธรรม์ประกันภัยให้นางสมหวังหรือโจทก์ จนกระทั่งนางสมหวังออกเดินทาง

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ในปัญหาที่ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยสุจริตหรือไม่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ขวนขวายให้นางสมหวังเอาประกันภัยอุบัติเหตุในกรณีเดียวกันไว้กับบริษัทอื่นอีกสองบริษัท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์พฤติการณ์ของโจทก์ไม่สุจริต เห็นว่าการประกันภัยกับจำเลย ทำขึ้นในระหว่างที่นางสมหวังรอฟังผลการรับประกันชีวิตของบริษัทอเมริกันอินเตอร์ แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ซึ่งไม่เป็นที่แน่นอนว่าบริษัทจะรับประกันหรือไม่ และอยู่ในระหว่างรอฟังผลการเปลี่ยนกำหนดเวลาคุ้มครอง หรือกำหนดเวลาประกันภัยกับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด ซึ่งก็ไม่เป็นที่แน่นอนเช่นเดียวกัน ว่าบริษัทจะอนุมัติให้เปลี่ยนกำหนดเวลาประกันภัยหรือไม่ นางสมหวังมีเหตุผลที่จะประกันภัยกับจำเลย เพราะยังไม่มีบริษัทใดยืนยันว่าจะรับประกันภัยนางสมหวังเลย ส่วนที่นางสมหวังประกันภัยกับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด ซ้ำอีกครั้งหนึ่งในวันเดินทาง ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเป็นการประกันภัยไว้สองบริษัทเท่านั้น ส่วนบริษัทอเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัดยังเป็นปัญหา ดังนั้น แม้โจทก์จะมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องในการเอาประกันภัยของนางสมหวัง ก็ยังฟังไม่ถนัดว่าโจทก์ขวนขวายให้นางสมหวังเอาประกันภัยเพื่อหวังรับประโยชน์จากความตายของนายสมหวัง จะถือว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังข้อฎีกาของจำเลยหาได้ไม่
จำเลยฎีกาว่า นางสมหวังปกปิดความจริงมิได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นมาก่อน อันเป็นข้อสำคัญในการที่จำเลยจะพิจารณารับประกัน ในเรื่องนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัย นางสมหวังรับรองว่าไม่เคยประกันภัยเกี่ยวกับอุบัติเหตุทำให้ถึงแก่ความตายหรือร่างกายได้รับบาดเจ็บอื่นใดอีก ข้อความจริงเรื่องประกันภัยกับบริษัทอื่นก่อนระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยจึงเป็นข้อสำคัญที่จำเลยอาจบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาคดีมีปัญหาว่าที่นางสมหวังเอาประกันชีวิตกับบริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลเอสชัวรันส์ จำกัด และบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด เป็นการประกันภัยไว้ก่อนจำเลยหรือไม่ เห็นว่าบริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัดยังมิได้ตอบสนองรับประกันชีวิตนางสมหวังเมื่อนางสมหวังประกันภัยกับจำเลย ถือไม่ได้ว่านางสมหวังประกันชีวิตกับบริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด ก่อนจำเลย ส่วนบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด เป็นการประกันการเดินทางในวันที่ 3, 4, 5 หรือ 5, 6, 7 มิถุนายน 2515 หาใช่ในช่วงการเดินทางจากวันที่ 14 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2515 ซึ่งประกันภัยไว้กับจำเลยไม่ ทั้งบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด ก็ยังมิได้แจ้งอนุมัติให้เลื่อนเวลาประกันภัยมาในวันที่ 14, 15, 16 มิถุนายน 2515 ตามที่นางสมหวังร้องขอ ถือไม่ได้ว่านางสมหวังประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทางครั้งเดียวกันไว้กับบริษัทแฮนโอเวอร์ จำกัด ก่อนจำเลยเช่นกัน ที่นางสมหวังรับรองว่าไม่ได้ประกันภัยเกี่ยวกับอุบัติเหตุกรณีเดียวกันกับบริษัทอื่นอีก จึงหาใช่เป็นการปกปิดความจริงไม่ อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้จำเลยจะต้องใช้สิทธิบอกล้างภายในกำหนดหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคท้าย นายมิน ธาดาสีห์ ผู้มีอำนาจรับประกันภัยของจำเลย ทราบว่านางสมหวังประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นหลังจากเครื่องบินตกประมาณ 7 วัน คือประมาณวันที่ 22 มิถุนายน 2515 แต่จำเลยบอกล้างเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2515 อันเป็นเวลาร่วมสองเดือนเศษนับแต่วันที่จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้าง การบอกล้างของจำเลยไม่มีผลตามกฎหมาย สัญญาประกันภัยจึงยังมีผลบังคับอยู่

ปัญหาที่ว่า สัญญาประกันภัยรายนี้เป็นสัญญาประกันชีวิตหรือไม่ โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายที่แท้จริงและจะต้องบังคับเอากับผู้รับประกันภัยรายแรกก่อนหรือไม่ ตามกรมธรรม์ประกันภัยของจำเลยมีเงื่อนไขจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยทั้งในกรณีถึงแก่ความตายรวมทั้งบาดเจ็บ ในกรณีผู้เอาประกันภัยตายจะจ่ายให้ 1,000,000 บาท ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาประกันภัยในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้เงินอันอาศัยความมรณะของนางสมหวังผู้เอาประกันภัย ย่อมเป็นสัญญาประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 จำเลยต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนอันจะพึงใช้ตามมาตรา 890 คือ 1,000,000 บาท จะจ่ายตามจำนวนวินาศภัยอันแท้จริงโดยเกี่ยงให้บังคับเอาแก่ผู้รับประกันภัยรายแรกก่อนดังข้อฎีกาของจำเลยหาได้ไม่

จำเลยฎีกาว่า โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเงินตามกรมธรรม์ เพราะมิได้ทำคำเรียกร้องเป็นหนังสือภายใน 3 เดือนนับแต่เกิดอุบัติเหตุ คดีได้ความว่าโจทก์มีหนังสือลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2515 ตามเอกสาร จ.4 แจ้งให้จำเลยทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2515 และว่าถ้าได้หลักฐานการเสียชีวิตของผู้เอาประกัน จะมาดำเนินการเรียกร้องตามสิทธิต่อไป โจทก์เบิกความว่าประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2515 โจทก์ไปพบนายมิน ธาดาสีห์เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยนายมินให้โจทก์ทำหนังสือของเรียกร้องเงินไว้ บอกว่ารอเรื่องเข้าที่ประชุมก่อนแล้วจะแจ้งผลให้ทราบนายมินเบิกความรับว่าโจทก์เคยเรียกร้องให้จำเลยจ่ายเงินตามกรมธรรม์ แต่จำเลยไม่จ่ายเพราะบอกเลิกสัญญาแล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องเป็นหนังสือตามกำหนดเงื่อนไขในกรมธรรม์แล้ว หาใช่หมดสิทธิเรียกร้องไม่

ที่จำเลยฎีกาว่า นางสมหวังไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัยเพราะโจทก์ขวนขวายให้นางสมหวังเอาประกันภัย โดยโจทก์เป็นผู้ออกเบี้ยประกันและเป็นผู้รับประโยชน์ สัญญาประกันภัยไม่ผูกพันคู่สัญญานั้น เห็นว่านางสมหวังเอาประกันชีวิตและร่างกายของตนเอง ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย ส่วนเรื่องที่โจทก์ขวนขวายจัดให้นางสมหวังเอาประกันภัย อันหมายถึงว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันชีวิตนางสมหวังนั้น ข้อเท็จจริงหาได้เป็นดังข้อฎีกาของจำเลยไม่ ดังที่วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น

ความคิดเห็นที่ 1
สามีเป็นตำรวจ หิ้วกระเป๋าที่มีระเบิดเวลา ไปส่งภรรยาและลูกสาวถึงที่นั่งบนเครื่อง ไปฮ่องกง

ต้องการให้ระเบิดทำงาน ขณะที่เครื่องอยู่เหนือมหาสมุทร แต่เครื่องบินดีเลย์

เครื่องตกบนแผ่นดิน พบร่องรอยการระเบิด จากที่นั่งของภรรยา

ถ้าจำไม่ผิด บริษัทประกันหลายบริษัท ต้องจ่ายเงินจำนวนมาก

สามีออกจากราชการ ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ

ในที่สุด ก็กลับมาที่ประเทศไทย ปัจจุบันเสียชีวิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่