การปฏิบัติของหลวงปู่มั่น กับหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ที่ต่างกัน

ลองอ่านข้อความเรื่องหลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในนิพพาน โดย สมเด็จพระสังฆราชฯ  กับฟังหลวงพ่อพุธ ท่านเทศน์เรื่อง พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน แล้วรู้สึกว่าจะต่างกันคนละขั้วเลย หรือว่าผมตีนัยยะผิดไปนะครับ ถ้าเป็นนักปริยัติตีความจากพระไตรปิฎกไม่เหมือนกัน ผมก็ยังเข้าใจว่า อาจจะตีความด้านภาษาคนละมุม หรือถ้านักปฏิบัติที่อยู่คนละสาย อาจจะเพราะปฏิบัติไม่เหมือนกัน เลยเห็นไม่ตรงกัน แต่ทั้งหลวงปู่มั่น และหลวงพ่อพุธก็เป็นนักปฏิบัติสายเดียวกัน  ผมเลยสับสนว่าแท้จริงน่าจะเป็นอย่างไร

หลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน โดย สมเด็จพระญาณสังวรฯ

มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้ว ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ
     ท่านเคยเล่า ว่าคืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์ และสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์
ได้เฝ้าพระพุทธบาทรับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาทได้เห็นพระพุทธองค์ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น
ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่า ว่าท่านทีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่านที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใดแต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่าน
แล้วจริงโปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์
แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้
เป็นที่รู้กันอยู่ในบรรดาผู้ใส่ใจในการปฏิบัติธรรมทุกถ้วนหน้า เรื่องนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เล่าไว้ ไม่เพียงทำให้ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้สอนธัมมะสำคัญแก่ศิษยานุศิษย์มากหลาย แต่ทำให้ได้ความเข้าใจที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ในเมืองพระนิพพานแน่ ยังทรงได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ที่ควรแก่การได้รับพระพุทธเมตตา เช่นท่านอาจารย์มั่นท่านนั่นเอง ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านควรที่สุดแน่นอนแล้วที่จะได้รับพระมหากรุณา ผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายย่อมเห็นด้วยกับความจริงนี้แน่นอน.

: แสงส่องใจ วิสาขบูชา ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1405:2010-01-14-17-45-16&catid=68:2012-03-31-07-37-30&Itemid=199

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย,021 พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน,www TANIYO com
http://www.youtube.com/watch?v=UyDOODbj7K0
(ผมพิมพ์จากเสียงนับจาก 2:45 นะครับ ถ้าใครจะฟังจากต้นเลยก็ได้)
        ...ถ้าท่านตั้งความรู้สึก ไว้ในเบื้องต้นว่า พระพุทธเจ้า คือคุณธรรม พระธรรม ก็คือคุณธรรม พระอริยสงฆ์ก็คือ คุณธรรม แล้วท่านก็บำเพ็ญปฏิบัติไปตามวิถีทางแห่งการบำเพ็ญจิต เมื่อจิตท่านสงบลงไปแล้ว ท่านก็รู้ ท่านรู้สัมผัสถึงคุณธรรมของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น แต่ถ้าท่านตั้งปนิธานเอาไว้ว่า เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติบำเพ็ญแล้วขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาหาข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า เมื่อปฏิบัติจิตสงบ สว่างลงไปแล้ว  กระแสจิตส่งออกไปข้างนอก ท่านจะมองเห็นพระพุทธเจ้า เสด็จเข้ามาหาท่าน เมื่อท่านเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาหาท่าน ความรู้สึกของท่านจะรู้สึกว่า พระพุทธเจ้ามีรูปร่างเป็นตัวเป็นต้น เพราะอาศัยกิเลสคือตัวอุปาทานคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตนนั่นเอง เมื่อพระพุทธเจ้าเข้ามาประทับภายในจิตใจของท่าน  บางทีท่านจะพบกับพระพุทธเจ้าปลอม คือปลอมกายเป็นพระพุทธเจ้าเข้ามาทรงภายในจิต แล้วก็จะแสดงอาการไปต่างๆ นาๆ ซึ่งสุดแท้แต่วิถีจิตของท่านจะปรุงไปตามโมหะ คือความหลง เพราะท่านหลงว่า พระพุทธเจ้ามีตัวมีตน จิตของท่านเป็นผู้หลง ในเมื่อจิตของท่านหลง  จิตของท่านก็ต้องสร้างพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา ทั้งสองอย่างนี้ อะไรผิด อะไรถูก การได้สร้างพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมานั้นเอง เป็นสิ่งที่ผิด เหตุว่าเคลื่อนคลาดจากพุทธพจน์อย่างให้อภัยไม่ได้ เพราะฉะนั้นนักปฏิบัติทั้งหลายพึงสังวรณ์ระวัง เกี่ยวกับเรื่องนิมิตต่างๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่