ปิโตรเคมีขาขึ้น! PTTGC-IRPC ผงาด
https://www.facebook.com/home.php#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376
เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หลังยุโรป-สหรัฐ-ญี่ปุ่น-จีน ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีต่อเนื่อง ดันความต้องการสินค้าปิโตรเคมีพุ่ง หนุนเสปรดกลุ่มโอเลฟินส์ทะยานโดดเด่น ขณะที่กลุ่มอะโรเมติกส์ทรงตัว ทว่าเชื่อเพียงพอหนุนงบไตรมาสสามกลับมาแจ่มใส ด้านเศรษฐกิจเอเชียดีต่อเนื่องแดนมังกรส่องประกายผงาดอีกครั้ง หลังผลผลิตภาคอุตสาหกรรม-ยอดค้าปลีก-การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในจีนขยายตัวหนุนความเชื่อมั่น โบรกเกอร์ชี้หุ้นเด่นประจำกลุ่ม PTTGC - IRPC
หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยดีดแรงมาได้ 2 วันติด ต่างชาติกลับมาซื้อมากอีกครั้งล่าสุดเย็นวานนี้ โกยเก็บไปอีก 3,527.09 ล้านบาท หนุน SET Index ขยับขึ้นมา 1,393.17 จุด บวกไป 8.86 จุด หรือ 0.64% หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่เคยหนักอึ้งเช่นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กลับมาหนุนนำตลาดได้อีกครั้ง สวนกระแสความเชื่อจากที่ก่อนหน้านี้ถูกกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัวรวมถึงภาวะอุปสงค์อ่อนแอ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ไม่ได้ดีนัก ทว่าเมื่อเศรษฐกิจทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และที่จีนมีสัญญาณที่ดีเพิ่มมากขึ้น นั่นยอมนำมาสู่มุมมองที่ดีขึ้นและช่วงเวลาที่น่าจะสดใสของกิจการที่กำลังจะสลัดพ้นภาพเงาขาลงที่ได้ผ่านไปแล้ว
***เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวศก.จีนส่งซิกผงาดอีกครั้ง
รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 13.4% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ขยายตัว 20.3% โดยตัวเลขทั้งหมดสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยออกมาในวันนี้ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมากขึ้น หลังจากส่งสัญญาณการชะลอตัวในครึ่งปีแรก เนื่องจากรัฐบาลจีนปรับนโยบายเศรษฐกิจเป็นมุ่งเน้นคุณภาพมากขึ้น
'ตัวเลขเศรษฐกิจจีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาค่อนข้างน่าพอใจ เป็นการฟื้นตัวที่ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด ขณะที่ความต้องการกำลังฟื้นตัวขึ้นจากที่ลดลงไปก่อนหน้า' นายซื่อ ไห่ปินหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่เจพีมอร์แกนเชสแอนด์โคกล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนในเดือนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 9.2%-10.2% ขณะที่ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 13.3% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจะขยายตัว 20.2%
***ชี้ราคาปิโตรเลี่ยม ทั้งน้ำมัน และถ่านหินฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดได้แล้ว
บทวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลได้ช่วยหนุนให้ความต้องการโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้นสะท้อนได้จากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม ทั้งน้ำมัน และถ่านหิน ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดไปแล้ว นักวิเคราะห์กลุ่มปิโตรเคมีของ ASP ได้ตรวจสอบราคาปิโตรเคมีขั้นปลายพบว่า ส่วนใหญ่กำลังปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดเช่นกัน โดยเฉพาะราคาเม็ดพลาสติก (สายโอเลฟินส์ PTTGC, IRPC, SCC) HDPE ที่ปรับตัวขึ้น 2.4% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และ LDPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3%(สายอะโรเมติกส์ ยังขึ้นลงสลับกัน คือ ราคา Px ลดลง 1.5% แต่ Benzine เพิ่มขึ้นในอัตราใกล้เคียงกัน) ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้ประกอบการในกลุ่มนี้
***สายปิโตรเคมี PTTGC ได้ประโยชน์เต็ม ส่วน IRPC น่าเก็บสุด
บทวิเคราะห์ระบุต่อไปว่า ชื่นชอบ SCC(FV@B545) มากสุด เนื่องจากมีการกระจายรายได้ที่ดี กล่าวคือรายได้จากธุรกิจวัสดุก่อสร้างในประเทศ ต่อ ธุรกิจปิโตรเคมี สัดส่วน 50/50 ขณะที่ PTTGC(FV@B74.38) อาจจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เพราะผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ สัดส่วนราว 40% ของยอดขายที่อิงเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก แต่เนื่องจากราคาหุ้นเหลือ upside น้อย และเช่นเดียวกับ IRPC(FV@B4.0) แม้จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ไม่มาก เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีสัดส่วนไม่เกิน 20%ของยอดขาย แต่หากพิจารณา ราคาตลาดของหุ้นดังกล่าว เปรียบเทียบกับ upside พบว่า IRPC ยังมี upside มากกว่า PTTGC
ทั้งนี้แนะนำให้เก็งกำไรในหุ้น IRPC โดยเลือก SCC และ IRPC เป็น Top picks
***Spread กลุ่มโอเลฟินส์กลับมาครองความโดดเด่น
Spread ผลิตภัณฑ์กลุ่มฯในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นโดดเด่นสุด โดยเฉพาะ Spread ผลิตภัณฑ์ขั้นปลายเม็ดพลาสติก (HDPE-Naptha) และ (LDPE-Naptha) ที่ดีดตัวขึ้นถึง 4.7%wow และ 5.9%wow มาอยู่ที่ 540 และ 660 เหรียญฯต่อตัน ตามลำดับ ถึงแม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบแนฟทาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1%wow มาอยู่ที่ 970 เหรียญฯต่อตัน ก็ตาม ซึ่งถือเป็นบวกต่อทั้ง PTTGC และ IRPC แต่ PTTGC จะได้รับอานิสงค์มากกว่าเพราะสามารถใช้ก๊าซฯเป็นวัตถุดิบ (ราคาไม่ผันผวนเหมือนกับราคาน้ำมัน) ได้ในสัดส่วนที่สูงถึง 80%-90% ขณะที่ IRPC ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบทั้งหมด 100%
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์ขั้นปลายชนิดพิเศษ (Specialty) อาทิ PP, PS และ SM (ผลิตภัณฑ์หลักของ IRPC สัดส่วน 30-40%) พบว่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ขั้นปลายชนิด Commodity grade เช่นกันเฉลี่ย 0.5%wow แต่ถ้าพิจารณา Spread อาจพบว่ากลับปรับตัวลงเล็กน้อยเพราะราคาวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่า กลุ่มอะโรเมติกส์ (TOP, PTTGC, ESSO, IRPC) : Spread โดยรวมของกลุ่มฯในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงทรงตัว โดยราคาพาราไซลีน (Px) และ Spread (Px-Naptha) ปรับตัวลดลง 0.8%wow และ 4.0%wow มาอยู่ที่ 1.5 พันเหรียญฯต่อตัน และ 534 เหรียญฯต่อตัน ตามลำดับ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ส่วนราคาเบนซีน (Bz) และ Spread (Bz-Naptha) กลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5%wow และ 2.7%wow มาอยู่ที่ 1.5 พันเหรียญฯต่อตัน และ 343 เหรียญฯต่อตัน นอกจากนี้หากพิจารณา Spread ผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย PET (IVL) ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.4%wow และ 12.9%wow มาอยู่ที่ 340 และ 68 เหรียญฯต่อตัน สำหรับ Spread (PET-PTA) และ Spread (PTA-Px) ตามลำดับ เช่นเดียวกับ Spread (PET-PTA-MEG) ที่ติดลบลดลงเหลือ 30 จาก 49 เหรียญฯต่อตัน ในงวดก่อนหน้า
สำหรับในส่วนของกลุ่ม PVC (VNT, TPC) นั้น ราคาผลิตภัณฑ์ PVC ปรับตัวลดลง 1.0%wow มาอยู่ที่ 1.02 พันเหรียญฯต่อตัน สวนทางกับราคาวัตถุดิบเอทิลีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7%wow ส่งผลให้ Spread (PVC-0.5 Ethylene) และ Spread (PVC-Ethylene+Caustic Soda) ลดลง 4.3%wow และ 2.1%wow มาอยู่ที่ 335 และ 705 เหรียญฯต่อตัน ตามลำดับ
***แนวโน้มกำไรกลุ่มฯ 3Q56 กลับมาเติบโต
ฝ่ายวิจัย เอเซีย พลัส คาดกำไรงวด 3Q56 ของกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่นจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยฟื้นตัวในหลายๆประเทศทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมี กลับมาเติบโต นอกจากนี้ยังมีผลของฤดูกาลที่คาดว่าจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้ปรับตัวสูงขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นคาดจะได้รับอานิสงค์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ เทศกาลรอมฎอนในประเทศอินโดนีเซีย และต่อเนื่องสำหรับช่วงฤดูหนาว ส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีนั้นคาดในช่วงปลายงวด 3Q56 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นงวด 4Q56 จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลิตสินค้าเพื่อเตรียมไว้สำหรับเทศกาลปีใหม่และฤดูหนาว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะกลับมาสต็อกวัตถุดิบในระดับที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และค่าการกลั่น โดยรวมอยู่ในทิศทางขาขึ้นหากเทียบกับช่วง 1H56 ที่ผ่านมา
อีกทั้งในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นยังคาดหวังการพลิกกลับมาบันทึกเป็นกำไรจาก สต็อกน้ำมันตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสุงขึ้น อย่างไรก็ตามในงวด 3Q56 อาจจะมีปัจจัยกดดันจาก PTTGC ที่จะต้องเผชิญผลกระทบจากทั้งการปิดโรงงาน LDPE และโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 5 เป็นการฉุกเฉิน รวมทั้งการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายสำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลลงทะเล
http://www.efinancethai.com/hotnews/hot/index.aspx?name=h_100913h&release=y
ปิโตรเคมีขาขึ้น!-Hot News Efinancethai
https://www.facebook.com/home.php#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376
เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หลังยุโรป-สหรัฐ-ญี่ปุ่น-จีน ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีต่อเนื่อง ดันความต้องการสินค้าปิโตรเคมีพุ่ง หนุนเสปรดกลุ่มโอเลฟินส์ทะยานโดดเด่น ขณะที่กลุ่มอะโรเมติกส์ทรงตัว ทว่าเชื่อเพียงพอหนุนงบไตรมาสสามกลับมาแจ่มใส ด้านเศรษฐกิจเอเชียดีต่อเนื่องแดนมังกรส่องประกายผงาดอีกครั้ง หลังผลผลิตภาคอุตสาหกรรม-ยอดค้าปลีก-การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในจีนขยายตัวหนุนความเชื่อมั่น โบรกเกอร์ชี้หุ้นเด่นประจำกลุ่ม PTTGC - IRPC
หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยดีดแรงมาได้ 2 วันติด ต่างชาติกลับมาซื้อมากอีกครั้งล่าสุดเย็นวานนี้ โกยเก็บไปอีก 3,527.09 ล้านบาท หนุน SET Index ขยับขึ้นมา 1,393.17 จุด บวกไป 8.86 จุด หรือ 0.64% หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่เคยหนักอึ้งเช่นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กลับมาหนุนนำตลาดได้อีกครั้ง สวนกระแสความเชื่อจากที่ก่อนหน้านี้ถูกกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัวรวมถึงภาวะอุปสงค์อ่อนแอ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ไม่ได้ดีนัก ทว่าเมื่อเศรษฐกิจทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และที่จีนมีสัญญาณที่ดีเพิ่มมากขึ้น นั่นยอมนำมาสู่มุมมองที่ดีขึ้นและช่วงเวลาที่น่าจะสดใสของกิจการที่กำลังจะสลัดพ้นภาพเงาขาลงที่ได้ผ่านไปแล้ว
***เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวศก.จีนส่งซิกผงาดอีกครั้ง
รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 13.4% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ขยายตัว 20.3% โดยตัวเลขทั้งหมดสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยออกมาในวันนี้ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมากขึ้น หลังจากส่งสัญญาณการชะลอตัวในครึ่งปีแรก เนื่องจากรัฐบาลจีนปรับนโยบายเศรษฐกิจเป็นมุ่งเน้นคุณภาพมากขึ้น
'ตัวเลขเศรษฐกิจจีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาค่อนข้างน่าพอใจ เป็นการฟื้นตัวที่ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด ขณะที่ความต้องการกำลังฟื้นตัวขึ้นจากที่ลดลงไปก่อนหน้า' นายซื่อ ไห่ปินหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่เจพีมอร์แกนเชสแอนด์โคกล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนในเดือนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 9.2%-10.2% ขณะที่ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 13.3% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจะขยายตัว 20.2%
***ชี้ราคาปิโตรเลี่ยม ทั้งน้ำมัน และถ่านหินฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดได้แล้ว
บทวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลได้ช่วยหนุนให้ความต้องการโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้นสะท้อนได้จากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม ทั้งน้ำมัน และถ่านหิน ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดไปแล้ว นักวิเคราะห์กลุ่มปิโตรเคมีของ ASP ได้ตรวจสอบราคาปิโตรเคมีขั้นปลายพบว่า ส่วนใหญ่กำลังปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดเช่นกัน โดยเฉพาะราคาเม็ดพลาสติก (สายโอเลฟินส์ PTTGC, IRPC, SCC) HDPE ที่ปรับตัวขึ้น 2.4% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และ LDPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3%(สายอะโรเมติกส์ ยังขึ้นลงสลับกัน คือ ราคา Px ลดลง 1.5% แต่ Benzine เพิ่มขึ้นในอัตราใกล้เคียงกัน) ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้ประกอบการในกลุ่มนี้
***สายปิโตรเคมี PTTGC ได้ประโยชน์เต็ม ส่วน IRPC น่าเก็บสุด
บทวิเคราะห์ระบุต่อไปว่า ชื่นชอบ SCC(FV@B545) มากสุด เนื่องจากมีการกระจายรายได้ที่ดี กล่าวคือรายได้จากธุรกิจวัสดุก่อสร้างในประเทศ ต่อ ธุรกิจปิโตรเคมี สัดส่วน 50/50 ขณะที่ PTTGC(FV@B74.38) อาจจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เพราะผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ สัดส่วนราว 40% ของยอดขายที่อิงเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก แต่เนื่องจากราคาหุ้นเหลือ upside น้อย และเช่นเดียวกับ IRPC(FV@B4.0) แม้จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ไม่มาก เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีสัดส่วนไม่เกิน 20%ของยอดขาย แต่หากพิจารณา ราคาตลาดของหุ้นดังกล่าว เปรียบเทียบกับ upside พบว่า IRPC ยังมี upside มากกว่า PTTGC
ทั้งนี้แนะนำให้เก็งกำไรในหุ้น IRPC โดยเลือก SCC และ IRPC เป็น Top picks
***Spread กลุ่มโอเลฟินส์กลับมาครองความโดดเด่น
Spread ผลิตภัณฑ์กลุ่มฯในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นโดดเด่นสุด โดยเฉพาะ Spread ผลิตภัณฑ์ขั้นปลายเม็ดพลาสติก (HDPE-Naptha) และ (LDPE-Naptha) ที่ดีดตัวขึ้นถึง 4.7%wow และ 5.9%wow มาอยู่ที่ 540 และ 660 เหรียญฯต่อตัน ตามลำดับ ถึงแม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบแนฟทาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1%wow มาอยู่ที่ 970 เหรียญฯต่อตัน ก็ตาม ซึ่งถือเป็นบวกต่อทั้ง PTTGC และ IRPC แต่ PTTGC จะได้รับอานิสงค์มากกว่าเพราะสามารถใช้ก๊าซฯเป็นวัตถุดิบ (ราคาไม่ผันผวนเหมือนกับราคาน้ำมัน) ได้ในสัดส่วนที่สูงถึง 80%-90% ขณะที่ IRPC ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบทั้งหมด 100%
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์ขั้นปลายชนิดพิเศษ (Specialty) อาทิ PP, PS และ SM (ผลิตภัณฑ์หลักของ IRPC สัดส่วน 30-40%) พบว่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ขั้นปลายชนิด Commodity grade เช่นกันเฉลี่ย 0.5%wow แต่ถ้าพิจารณา Spread อาจพบว่ากลับปรับตัวลงเล็กน้อยเพราะราคาวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่า กลุ่มอะโรเมติกส์ (TOP, PTTGC, ESSO, IRPC) : Spread โดยรวมของกลุ่มฯในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงทรงตัว โดยราคาพาราไซลีน (Px) และ Spread (Px-Naptha) ปรับตัวลดลง 0.8%wow และ 4.0%wow มาอยู่ที่ 1.5 พันเหรียญฯต่อตัน และ 534 เหรียญฯต่อตัน ตามลำดับ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ส่วนราคาเบนซีน (Bz) และ Spread (Bz-Naptha) กลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5%wow และ 2.7%wow มาอยู่ที่ 1.5 พันเหรียญฯต่อตัน และ 343 เหรียญฯต่อตัน นอกจากนี้หากพิจารณา Spread ผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย PET (IVL) ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.4%wow และ 12.9%wow มาอยู่ที่ 340 และ 68 เหรียญฯต่อตัน สำหรับ Spread (PET-PTA) และ Spread (PTA-Px) ตามลำดับ เช่นเดียวกับ Spread (PET-PTA-MEG) ที่ติดลบลดลงเหลือ 30 จาก 49 เหรียญฯต่อตัน ในงวดก่อนหน้า
สำหรับในส่วนของกลุ่ม PVC (VNT, TPC) นั้น ราคาผลิตภัณฑ์ PVC ปรับตัวลดลง 1.0%wow มาอยู่ที่ 1.02 พันเหรียญฯต่อตัน สวนทางกับราคาวัตถุดิบเอทิลีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7%wow ส่งผลให้ Spread (PVC-0.5 Ethylene) และ Spread (PVC-Ethylene+Caustic Soda) ลดลง 4.3%wow และ 2.1%wow มาอยู่ที่ 335 และ 705 เหรียญฯต่อตัน ตามลำดับ
***แนวโน้มกำไรกลุ่มฯ 3Q56 กลับมาเติบโต
ฝ่ายวิจัย เอเซีย พลัส คาดกำไรงวด 3Q56 ของกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่นจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยฟื้นตัวในหลายๆประเทศทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมี กลับมาเติบโต นอกจากนี้ยังมีผลของฤดูกาลที่คาดว่าจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้ปรับตัวสูงขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นคาดจะได้รับอานิสงค์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ เทศกาลรอมฎอนในประเทศอินโดนีเซีย และต่อเนื่องสำหรับช่วงฤดูหนาว ส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีนั้นคาดในช่วงปลายงวด 3Q56 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นงวด 4Q56 จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลิตสินค้าเพื่อเตรียมไว้สำหรับเทศกาลปีใหม่และฤดูหนาว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะกลับมาสต็อกวัตถุดิบในระดับที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และค่าการกลั่น โดยรวมอยู่ในทิศทางขาขึ้นหากเทียบกับช่วง 1H56 ที่ผ่านมา
อีกทั้งในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นยังคาดหวังการพลิกกลับมาบันทึกเป็นกำไรจาก สต็อกน้ำมันตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสุงขึ้น อย่างไรก็ตามในงวด 3Q56 อาจจะมีปัจจัยกดดันจาก PTTGC ที่จะต้องเผชิญผลกระทบจากทั้งการปิดโรงงาน LDPE และโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 5 เป็นการฉุกเฉิน รวมทั้งการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายสำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลลงทะเล
http://www.efinancethai.com/hotnews/hot/index.aspx?name=h_100913h&release=y