เรื่องในซีรียส์เดียวกัน บ่มไวน์ใส่รัก
http://pantip.com/topic/30777946
บทก่อนหน้า
บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/30935459
บทที่ ๒
http://pantip.com/topic/30940219
บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/30942490
บทที่ ๔
http://pantip.com/topic/30944733
บทที่ ๕
http://pantip.com/topic/30948641
บทที่ ๖
http://pantip.com/topic/30951508
บทที่ ๗
http://pantip.com/topic/30953842
ไลลายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาเมื่องานชิ้นสุดท้ายสำหรับวันนี้เสร็จสิ้นลง และพบว่าใกล้จะได้เวลาที่นัดไว้กับผู้จัดการไร่หนุ่มแล้ว เมื่อเช้าในตอนที่รับประทานอาหารเช้าพร้อมกับมาร์โค เมื่อเธอปรารภว่างานวันนี้จะไม่ยุ่งมาก เขาก็ชวนเธอไปดูต้นองุ่นในไร่ซึ่งลงดินมาได้เดือนกว่าแล้ว และเจริญเติบโตอย่างน่าพอใจ หญิงสาวเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นการเจริญเติบโตขององุ่นให้สมกับเป็นผู้จัดการไร่องุ่นบ้าง จึงตอบตกลง และอดรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆไม่ได้ เพราะถึงแม้เธอจะไม่ได้ลงมือปลูกองุ่นด้วยตัวเอง หากนี่ก็เป็นไร่องุ่นภายใต้การบริหารจัดการของเธอ หลังจากจัดเก็บโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย หญิงสาวก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปพบกับชายหนุ่มตามนัด
ลิลลดากับสามีกลับไปที่คอร์เนลลี่ได้พักใหญ่ๆแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชายหนุ่มผู้จัดการไร่ก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นมาก ในตอนเช้าเขาและเธอจะเข้าไปในครัวแทบจะในเวลาเดียวกันเพื่อรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ได้ตกลงนัดกันอย่างเป็นกิจลักษณะ หากแต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเขาและเธอจะถือเป็นกิจวัตรที่ต้องทำร่วมกันก่อนที่จะแยกย้ายไปทำงานของแต่ละคน มาร์โคอาสาทำอาหารเช้าให้เธอโดยให้เหตุผลว่า เธอเป็นคนทำอาหารเย็นแล้ว อาหารเช้าจึงควรเป็นหน้าที่ของเขา และเขาก็ทำให้เธอต้องรับประทานอาหารเช้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าแค่ขนมปังปิ้งและกาแฟอย่างที่เคย
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ บางครั้งเธอก็พาเขาไปเที่ยวในบริเวณรอบๆซันไชน์โคสท์และเข้าบริสเบนบ้าง หรือบางทีเขาก็ชวนเธอให้ไปช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อ และบางหนก็ให้เธอไปช่วยดูสวนดอกไม้บนดาดฟ้าอีกด้วย มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่เขาหายไปในวันหยุดซึ่งหญิงสาวคิดว่าเขาคงไปค้างที่เพนท์เฮาสท์ที่ซื้อไว้ ในขณะที่บางทีเธอก็กลับไปค้างกับมารดาที่ซันไชน์โคสท์บ้างเช่นกัน
มาร์โคยังคงเป็นผู้ชายท่าทางจริงจัง พูดน้อย และพูดด้วยสายตาเช่นเดิม แต่เธอไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนกับตอนแรกที่เพิ่งรู้จักเขาแล้ว เธอรู้ว่าภายใต้ท่าทีเรียบเฉยของเขานั้น มีความเอื้ออาทรในแบบของเขา ถ้าเขาจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดบ้าง ก็คงจะเป็นในตอนที่เขามองเธอด้วยประกายตาวิบวับสีเขียวมรกตที่เธอไม่เคยจะเข้าใจความหมายนั่นเสียทีนั่นล่ะ
เมื่อนึกถึงประกายวิบวับในหน่วยตาเรียวของชายหนุ่ม ไลลาก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาเห็นเธอถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือ นัยน์ตาคู่นั้นเป็นต้องส่องประกายระยิบระยับในทันที เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หากแต่ทุกครั้งที่เขามองเธอแบบนั้น มันก็ทำให้เธออดคิดถึงคืนที่เธอท้าให้เขาจูบเธอไม่ได้เสียที และแม้ว่าเธอจะบอกตัวเองว่าจะไม่แตะต้องแอลกอฮอล์อีกเด็ดขาด แต่มาร์โคก็ทำให้เธอยอมดื่มจนได้
“ผมไม่จูบคุณตอนเมาหรอกน่ะ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงรำคาญใจเมื่อเธอปฏิเสธที่จะดื่มเป็นเพื่อนเขาหลายหนเข้า
“ฉันไมได้กลัวคุณ” หญิงสาวว่า ไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้า เธอกลัวตัวเองจะไปท้าให้เขาจูบอีกต่างหากเล่า และดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าเธอคิดอะไรอยู่ เพราะเสือยิ้มยากอย่างเขาถึงกับยิ้มกว้างจนแทบจะฉีกไปถึงใบหู
“งั้นผมสัญญาว่าจะไม่จูบคุณ ถ้าคุณท้าผมตอนเมา ตกลงไหม” เขาถามยิ้มๆ ยิ้มทั้งปากทั้งตา และก็ทำให้ไลลาตาพร่าจนตอบตกลงโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อดูนาฬิกาอีกครั้งแล้วพบว่า เป็นเวลานัดแล้วแต่เธอยังเดินไม่ถึงไหนเลย
มาร์โคกำลังจับกิ่งองุ่นให้เลื้อยขึ้นไปบนค้างในตอนที่หญิงสาวเดินไปถึง เขาลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเธอ
“ไลลา” ชายหนุ่มทักทายพร้อมรอยยิ้ม เป็นสิ่งใหม่ที่เธอเริ่มคุ้นเคย มาร์โคกับรอยยิ้ม! ใครจะคิดล่ะว่าผู้ชายท่าทางไม่อยากเสวนากับเธอในตอนแรกที่พบกัน ตอนนี้จะทักทายเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้แบบนี้
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ แค่กำลังเทรนกิ่งองุ่นน่ะ” ชายหนุ่มบอก
“เทรนกิ่งองุ่น?” หญิงสาวพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“ก็หมายถึงการทำให้กิ่งเลื้อยไปตามที่เราต้องการน่ะครับ” เขาบอก ก่อนจะชี้ให้เธอดูกิ่งองุ่นที่อยู่บนหลักตรงหน้า
“เห็นกิ่งนี้ไหม แรกๆที่แตกกิ่งออกมา เราต้องให้กิ่งมันเลื้อยขึ้นไปบนหลักไม้ก่อน พอกิ่งมันเลื้อยขึ้นสูงไปจนถึงค้าง” พูดพลางชี้ให้ดูเส้นลวดสองเส้นที่ขึงเรียงกันขึ้นไปอยู่เหนือหลักไม้ ก่อนจะพูดต่อ
“เราก็ต้องทำให้มันเลื้อยไปบนเส้นลวดพวกนี้” พูดพลางจับกิ่งองุ่นให้วางอยู่บนเส้นลวดประกอบคำพูด
“ลองดูสิครับ” ชายหนุ่มบอก ไลลานั่งคุกเข่าลงข้างๆแปลงองุ่น และยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ ก็รู้สึกว่าชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ แม้จะไม่ได้แนบชิดแต่ก็ใกล้พอที่จะรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างใหญ่ มือหนายื่นออกมาจับกิ่งองุ่นที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวทำให้ต้องโน้มตัวลงมาเพื่อให้คว้าถึงยอดองุ่นที่ยื่นไกลออกไป ส่งผลให้สองร่างแนบชิดจนหญิงสาวเกรงว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นตูมตามอยู่ในอกของตัวเอง
“วางยอดองุ่นลงบนเส้นลวดแบบนี้” เสียงนุ่มอธิบายอยู่แนบหู หญิงสาวรู้สึกว่าริมฝีปากคู่ที่กำลังเอื้อนเอ่ยคำนั้นสัมผัสแก้มนวลอยู่บางเบา ไลลาเอียงหน้าออกจากสัมผัสที่ทำให้ขนในกายลุกชันไปทั้งร่าง ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่พยายามสาธิตวิธีการทำไร่องุ่นให้กับเธอ พลันก็ตัวแข็งทื่อและรู้สึกราวกับต้องมนต์เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาเรียวสีเขียวมรกตที่อยู่ห่างไปไม่กี่นิ้ว หญิงสาวพยายามจะหันหน้ากลับหากแต่รู้สึกราวกับถูกตรึงด้วยมือที่มองไม่เห็น เมื่อใบหน้าเรียวค่อยๆโน้มเข้ามาหาราวกับเป็นภาพสโลวโมชั่น และเมื่อไม่สามารถหลบเลี่ยงสัมผัสที่กำลังจะมาถึงได้.. เพราะไม่อยากหลบ.. หญิงสาวจึงหลับตารอรับสัมผัสจากเขาอย่างเต็มใจ หากแต่ก่อนที่ริมฝีปากสองคู่จะสัมผัสกัน เสียงของใครบางคนที่ส่งมาจากด้านหลังก็ทำให้มนตราที่ปกคลุมบรรยากาศที่ทั้งสองหลงวนอยู่นั้นคลายออกอย่างฉับพลัน
“มาร์โคคะ!”
ไลลาและมาร์โคหันไปตามเสียงเรียกพร้อมกัน และพบว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวรูปร่างดีและหน้าตาสวยจัด เส้นผมดัดเป็นลอนใหญ่สีมะฮอกกานีที่ถูกเซทไว้อย่างเป็นทรงนั้นเข้ากันกับใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีนู้ดที่เป็นมันวาวด้วยกลอสที่ฉาบอยู่ โหนกแก้มสูงรับกับแว่นกันแดดอันโตอย่างเหมาะเจาะ หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อรัดรูปเกาะอกสีดำที่ยิ่งเน้นหน้าอกขนาดใหญ่นั่นให้ปรากฏต่อสายตาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กางเกงยีนส์สกินนี่ที่แนบไปกับหุ่นเพรียวระหง และผายออกตรงสะโพกกลมกลึง รองเท้าส้นสูงขนาดที่กะด้วยสายตาว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสี่นิ้ว ส่งให้รูปร่างระหงนั้นดูสูงเด่นขึ้นไปอีก และแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่ไลลาก็ยอมรับว่า คนมาใหม่เป็นผู้หญิงที่สวยจัดและมีรูปร่างที่มีเสน่ห์ทางเพศอย่างล้นเหลือ
“ลิซ่า คุณมาได้ยังไง” มาร์โคทักขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจระคนโกรธเกรี้ยว เขาเรียกผู้หญิงคนนี้ด้วยชื่อ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขารู้จักผู้หญิงคนนี้น่ะสิ และก่อนที่ไลลาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ลิซ่าก็เดินตรงเข้าไปหามาร์โคอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะรองเท้าส้นเข็มที่จมลงไปบนพื้นดินขณะก้าวเดินนั่นไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก
“ก็ฉันคิดถึงคุณ” หญิงสาวว่าขณะยื่นแขนตรงไปยังชายหนุ่มเพื่อสวมกอด หากแต่เขากลับปัดมือเธอออกพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“กลับไป”
น้ำเสียงที่ชายหนุ่มใช้พูดกับผู้หญิงที่ท่าทางจะดีใจเหลือเกินเมื่อพบเขานั้นทำให้ไลลาถึงกับขนลุก เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครสามารถพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบราวกับจะสามารถทำให้สิ่งที่อยู่รอบๆกลายเป็นน้ำแข็งได้ขนาดนี้ แต่ดูเหมือนผู้หญิงที่เพิ่งมาถึงและเป็นเป้าหมายของน้ำเสียงเยียบเย็นนั้นจะไม่สะทกสะท้าน
“ลิซ่ามาเพราะคิดถึงคุณนะคะ ที่นี่ไม่ใช่คอร์เนลลี่เสียหน่อย คุณไม่เห็นต้องกลัวใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรานี่คะ” ว่าก่อนที่จะปรายตามายังคนที่ยืนเป็นใบ้อยู่ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัว
“หรือว่ามีคนที่คุณไม่อยากให้รู้อยู่ตรงนี้ ไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนรสนิยมมาชอบผู้หญิงจืดๆแล้วเหรอคะ”
ไลลามองเห็นประกายของสีเขียวมรกตที่วาวโรจน์ขึ้นจนแทบจะลุกเป็นไฟ และคราวนี้เธอสามารถอ่านออกว่าเป็นประกายแห่งความโกรธที่เธอไม่เคยเห็นในหน่วยตาของเขามาก่อน ชายหนุ่มกัดฟันพูดอย่างพยายามข่มอารมณ์
“ถ้าคุณก้าวร้าวไลลาอีกแม้แต่ครั้งเดียว อย่าหาว่าผมไม่เตือน” น้ำเสียงจริงจังนั้นทำให้ผู้หญิงคนนั้นถึงกับชะงักไปเหมือนกัน
“เราตกลงกันแล้วลิซ่า และคุณก็กำลังล้ำเส้น กลับไปซะ ผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีก” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะหมุนตัวเดินตรงไปยังที่ตั้งของบ้านหลังใหญ่กลางไร่ โดยมีลิซ่าวิ่งตามอย่างกระย่องกระแย่งเพราะรองเท้าที่ไม่เป็นใจ และรั้งท้ายด้วยไลลา
หญิงสาวทั้งสองยังเดินไม่ทันถึงบ้าน ในตอนที่เห็นรถเอกซ์ห้าสปอร์ตมันปลาบเคลื่อนออกจากโรงรถก่อนจะแล่นตรงไปยังทางออกไร่อย่างรวดเร็ว
อุ่นไอรัก บทที่ ๘
บทก่อนหน้า
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/30935459
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/30940219
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/30942490
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/30944733
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/30948641
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/30951508
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/30953842
ไลลายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาเมื่องานชิ้นสุดท้ายสำหรับวันนี้เสร็จสิ้นลง และพบว่าใกล้จะได้เวลาที่นัดไว้กับผู้จัดการไร่หนุ่มแล้ว เมื่อเช้าในตอนที่รับประทานอาหารเช้าพร้อมกับมาร์โค เมื่อเธอปรารภว่างานวันนี้จะไม่ยุ่งมาก เขาก็ชวนเธอไปดูต้นองุ่นในไร่ซึ่งลงดินมาได้เดือนกว่าแล้ว และเจริญเติบโตอย่างน่าพอใจ หญิงสาวเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นการเจริญเติบโตขององุ่นให้สมกับเป็นผู้จัดการไร่องุ่นบ้าง จึงตอบตกลง และอดรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆไม่ได้ เพราะถึงแม้เธอจะไม่ได้ลงมือปลูกองุ่นด้วยตัวเอง หากนี่ก็เป็นไร่องุ่นภายใต้การบริหารจัดการของเธอ หลังจากจัดเก็บโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย หญิงสาวก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปพบกับชายหนุ่มตามนัด
ลิลลดากับสามีกลับไปที่คอร์เนลลี่ได้พักใหญ่ๆแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชายหนุ่มผู้จัดการไร่ก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นมาก ในตอนเช้าเขาและเธอจะเข้าไปในครัวแทบจะในเวลาเดียวกันเพื่อรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ได้ตกลงนัดกันอย่างเป็นกิจลักษณะ หากแต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเขาและเธอจะถือเป็นกิจวัตรที่ต้องทำร่วมกันก่อนที่จะแยกย้ายไปทำงานของแต่ละคน มาร์โคอาสาทำอาหารเช้าให้เธอโดยให้เหตุผลว่า เธอเป็นคนทำอาหารเย็นแล้ว อาหารเช้าจึงควรเป็นหน้าที่ของเขา และเขาก็ทำให้เธอต้องรับประทานอาหารเช้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าแค่ขนมปังปิ้งและกาแฟอย่างที่เคย
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ บางครั้งเธอก็พาเขาไปเที่ยวในบริเวณรอบๆซันไชน์โคสท์และเข้าบริสเบนบ้าง หรือบางทีเขาก็ชวนเธอให้ไปช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อ และบางหนก็ให้เธอไปช่วยดูสวนดอกไม้บนดาดฟ้าอีกด้วย มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่เขาหายไปในวันหยุดซึ่งหญิงสาวคิดว่าเขาคงไปค้างที่เพนท์เฮาสท์ที่ซื้อไว้ ในขณะที่บางทีเธอก็กลับไปค้างกับมารดาที่ซันไชน์โคสท์บ้างเช่นกัน
มาร์โคยังคงเป็นผู้ชายท่าทางจริงจัง พูดน้อย และพูดด้วยสายตาเช่นเดิม แต่เธอไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนกับตอนแรกที่เพิ่งรู้จักเขาแล้ว เธอรู้ว่าภายใต้ท่าทีเรียบเฉยของเขานั้น มีความเอื้ออาทรในแบบของเขา ถ้าเขาจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดบ้าง ก็คงจะเป็นในตอนที่เขามองเธอด้วยประกายตาวิบวับสีเขียวมรกตที่เธอไม่เคยจะเข้าใจความหมายนั่นเสียทีนั่นล่ะ
เมื่อนึกถึงประกายวิบวับในหน่วยตาเรียวของชายหนุ่ม ไลลาก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาเห็นเธอถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือ นัยน์ตาคู่นั้นเป็นต้องส่องประกายระยิบระยับในทันที เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หากแต่ทุกครั้งที่เขามองเธอแบบนั้น มันก็ทำให้เธออดคิดถึงคืนที่เธอท้าให้เขาจูบเธอไม่ได้เสียที และแม้ว่าเธอจะบอกตัวเองว่าจะไม่แตะต้องแอลกอฮอล์อีกเด็ดขาด แต่มาร์โคก็ทำให้เธอยอมดื่มจนได้
“ผมไม่จูบคุณตอนเมาหรอกน่ะ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงรำคาญใจเมื่อเธอปฏิเสธที่จะดื่มเป็นเพื่อนเขาหลายหนเข้า
“ฉันไมได้กลัวคุณ” หญิงสาวว่า ไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้า เธอกลัวตัวเองจะไปท้าให้เขาจูบอีกต่างหากเล่า และดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าเธอคิดอะไรอยู่ เพราะเสือยิ้มยากอย่างเขาถึงกับยิ้มกว้างจนแทบจะฉีกไปถึงใบหู
“งั้นผมสัญญาว่าจะไม่จูบคุณ ถ้าคุณท้าผมตอนเมา ตกลงไหม” เขาถามยิ้มๆ ยิ้มทั้งปากทั้งตา และก็ทำให้ไลลาตาพร่าจนตอบตกลงโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อดูนาฬิกาอีกครั้งแล้วพบว่า เป็นเวลานัดแล้วแต่เธอยังเดินไม่ถึงไหนเลย
มาร์โคกำลังจับกิ่งองุ่นให้เลื้อยขึ้นไปบนค้างในตอนที่หญิงสาวเดินไปถึง เขาลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเธอ
“ไลลา” ชายหนุ่มทักทายพร้อมรอยยิ้ม เป็นสิ่งใหม่ที่เธอเริ่มคุ้นเคย มาร์โคกับรอยยิ้ม! ใครจะคิดล่ะว่าผู้ชายท่าทางไม่อยากเสวนากับเธอในตอนแรกที่พบกัน ตอนนี้จะทักทายเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้แบบนี้
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ แค่กำลังเทรนกิ่งองุ่นน่ะ” ชายหนุ่มบอก
“เทรนกิ่งองุ่น?” หญิงสาวพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“ก็หมายถึงการทำให้กิ่งเลื้อยไปตามที่เราต้องการน่ะครับ” เขาบอก ก่อนจะชี้ให้เธอดูกิ่งองุ่นที่อยู่บนหลักตรงหน้า
“เห็นกิ่งนี้ไหม แรกๆที่แตกกิ่งออกมา เราต้องให้กิ่งมันเลื้อยขึ้นไปบนหลักไม้ก่อน พอกิ่งมันเลื้อยขึ้นสูงไปจนถึงค้าง” พูดพลางชี้ให้ดูเส้นลวดสองเส้นที่ขึงเรียงกันขึ้นไปอยู่เหนือหลักไม้ ก่อนจะพูดต่อ
“เราก็ต้องทำให้มันเลื้อยไปบนเส้นลวดพวกนี้” พูดพลางจับกิ่งองุ่นให้วางอยู่บนเส้นลวดประกอบคำพูด
“ลองดูสิครับ” ชายหนุ่มบอก ไลลานั่งคุกเข่าลงข้างๆแปลงองุ่น และยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ ก็รู้สึกว่าชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ แม้จะไม่ได้แนบชิดแต่ก็ใกล้พอที่จะรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างใหญ่ มือหนายื่นออกมาจับกิ่งองุ่นที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวทำให้ต้องโน้มตัวลงมาเพื่อให้คว้าถึงยอดองุ่นที่ยื่นไกลออกไป ส่งผลให้สองร่างแนบชิดจนหญิงสาวเกรงว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นตูมตามอยู่ในอกของตัวเอง
“วางยอดองุ่นลงบนเส้นลวดแบบนี้” เสียงนุ่มอธิบายอยู่แนบหู หญิงสาวรู้สึกว่าริมฝีปากคู่ที่กำลังเอื้อนเอ่ยคำนั้นสัมผัสแก้มนวลอยู่บางเบา ไลลาเอียงหน้าออกจากสัมผัสที่ทำให้ขนในกายลุกชันไปทั้งร่าง ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่พยายามสาธิตวิธีการทำไร่องุ่นให้กับเธอ พลันก็ตัวแข็งทื่อและรู้สึกราวกับต้องมนต์เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาเรียวสีเขียวมรกตที่อยู่ห่างไปไม่กี่นิ้ว หญิงสาวพยายามจะหันหน้ากลับหากแต่รู้สึกราวกับถูกตรึงด้วยมือที่มองไม่เห็น เมื่อใบหน้าเรียวค่อยๆโน้มเข้ามาหาราวกับเป็นภาพสโลวโมชั่น และเมื่อไม่สามารถหลบเลี่ยงสัมผัสที่กำลังจะมาถึงได้.. เพราะไม่อยากหลบ.. หญิงสาวจึงหลับตารอรับสัมผัสจากเขาอย่างเต็มใจ หากแต่ก่อนที่ริมฝีปากสองคู่จะสัมผัสกัน เสียงของใครบางคนที่ส่งมาจากด้านหลังก็ทำให้มนตราที่ปกคลุมบรรยากาศที่ทั้งสองหลงวนอยู่นั้นคลายออกอย่างฉับพลัน
“มาร์โคคะ!”
ไลลาและมาร์โคหันไปตามเสียงเรียกพร้อมกัน และพบว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวรูปร่างดีและหน้าตาสวยจัด เส้นผมดัดเป็นลอนใหญ่สีมะฮอกกานีที่ถูกเซทไว้อย่างเป็นทรงนั้นเข้ากันกับใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีนู้ดที่เป็นมันวาวด้วยกลอสที่ฉาบอยู่ โหนกแก้มสูงรับกับแว่นกันแดดอันโตอย่างเหมาะเจาะ หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อรัดรูปเกาะอกสีดำที่ยิ่งเน้นหน้าอกขนาดใหญ่นั่นให้ปรากฏต่อสายตาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กางเกงยีนส์สกินนี่ที่แนบไปกับหุ่นเพรียวระหง และผายออกตรงสะโพกกลมกลึง รองเท้าส้นสูงขนาดที่กะด้วยสายตาว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสี่นิ้ว ส่งให้รูปร่างระหงนั้นดูสูงเด่นขึ้นไปอีก และแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่ไลลาก็ยอมรับว่า คนมาใหม่เป็นผู้หญิงที่สวยจัดและมีรูปร่างที่มีเสน่ห์ทางเพศอย่างล้นเหลือ
“ลิซ่า คุณมาได้ยังไง” มาร์โคทักขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจระคนโกรธเกรี้ยว เขาเรียกผู้หญิงคนนี้ด้วยชื่อ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขารู้จักผู้หญิงคนนี้น่ะสิ และก่อนที่ไลลาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ลิซ่าก็เดินตรงเข้าไปหามาร์โคอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะรองเท้าส้นเข็มที่จมลงไปบนพื้นดินขณะก้าวเดินนั่นไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก
“ก็ฉันคิดถึงคุณ” หญิงสาวว่าขณะยื่นแขนตรงไปยังชายหนุ่มเพื่อสวมกอด หากแต่เขากลับปัดมือเธอออกพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“กลับไป”
น้ำเสียงที่ชายหนุ่มใช้พูดกับผู้หญิงที่ท่าทางจะดีใจเหลือเกินเมื่อพบเขานั้นทำให้ไลลาถึงกับขนลุก เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครสามารถพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบราวกับจะสามารถทำให้สิ่งที่อยู่รอบๆกลายเป็นน้ำแข็งได้ขนาดนี้ แต่ดูเหมือนผู้หญิงที่เพิ่งมาถึงและเป็นเป้าหมายของน้ำเสียงเยียบเย็นนั้นจะไม่สะทกสะท้าน
“ลิซ่ามาเพราะคิดถึงคุณนะคะ ที่นี่ไม่ใช่คอร์เนลลี่เสียหน่อย คุณไม่เห็นต้องกลัวใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรานี่คะ” ว่าก่อนที่จะปรายตามายังคนที่ยืนเป็นใบ้อยู่ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัว
“หรือว่ามีคนที่คุณไม่อยากให้รู้อยู่ตรงนี้ ไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนรสนิยมมาชอบผู้หญิงจืดๆแล้วเหรอคะ”
ไลลามองเห็นประกายของสีเขียวมรกตที่วาวโรจน์ขึ้นจนแทบจะลุกเป็นไฟ และคราวนี้เธอสามารถอ่านออกว่าเป็นประกายแห่งความโกรธที่เธอไม่เคยเห็นในหน่วยตาของเขามาก่อน ชายหนุ่มกัดฟันพูดอย่างพยายามข่มอารมณ์
“ถ้าคุณก้าวร้าวไลลาอีกแม้แต่ครั้งเดียว อย่าหาว่าผมไม่เตือน” น้ำเสียงจริงจังนั้นทำให้ผู้หญิงคนนั้นถึงกับชะงักไปเหมือนกัน
“เราตกลงกันแล้วลิซ่า และคุณก็กำลังล้ำเส้น กลับไปซะ ผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีก” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะหมุนตัวเดินตรงไปยังที่ตั้งของบ้านหลังใหญ่กลางไร่ โดยมีลิซ่าวิ่งตามอย่างกระย่องกระแย่งเพราะรองเท้าที่ไม่เป็นใจ และรั้งท้ายด้วยไลลา
หญิงสาวทั้งสองยังเดินไม่ทันถึงบ้าน ในตอนที่เห็นรถเอกซ์ห้าสปอร์ตมันปลาบเคลื่อนออกจากโรงรถก่อนจะแล่นตรงไปยังทางออกไร่อย่างรวดเร็ว