-เปิดตอนมาที่ร้านโมสึยะ คินุก็บอกให้พนักงานทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม เพราะตอนนี้ใกล้จะถึงช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของวันแล้ว และเป็นช่วงที่ทำกำไรให้ร้านได้มากที่สุดด้วย ในตอนนั้นลูกน้องของคินุคนหนึ่งก็เข้ามา แล้วก็บอกเรื่อง ที่ปรึกษาของร้านเรียกเก็บเงิน ทำให้คินุไม่สบอารมณ์ พร้อมกับคิดว่าคงได้เวลาตัดความสัมพันธ์กับเจ้าเด็กนั่นซะทีแล้วละมั้ง อีกอย่างร้านของเรามีทั้งซอสชั้นเลิศสูตรลับ แล้วก็สุดยอดทำเลที่อยู่ในสถานีรถไฟ ยังไงก็ไม่มีทางแพ้ใครง่ายๆได้แน่
-ว่าแล้วเธอก็ย่ามใจเหมือนเดิมก่อนจะคิดว่า วันนี้ร้านโมสึยะของเธอก็จะยืนเด่นที่สุดในสถานีเช่นเคย และดูดเงินจากคนเมืองนี้ไปจนหมด ว่าแล้วคินุก็สังเกตเห็นกลุ่มเด็กนักเรียนเดินผ่านตัวเองไปแล้วถืออะไรบางอย่างไปด้วย ทำให้เธอถึงกับสงสัยว่า นั้นมันคาราอาเกะเหรอ?
-2วันต่อมา คินุก็ถึงกับตกใจ ที่คาราอาเกะที่ว่านั้นดันแพร่หลายเข้าไปจนทั่ว จนในตอนนี้แม้แต่ร้านในสถานีก็ยังมีคนที่ถือคาราอาเกะที่ซองถือมีตราของสุมิเระ(ย่านการค้า) อยู่เต็มไปหมด ซึ่งตอนนั้นลูกน้องของคินุก็เข้ามารายงานว่ายอดขายของวันนี้ลดลงไปจากเมื่อวานถึง20% ทำให้คินุโวยกลับมาว่าพวกเธอขายภาษาอะไรกัน ถ้าแย่กว่านี้อีกฉันเอาเธอตายแน่ๆ ว่าแล้วก็หันไปต้อนรับลูกค้าให้ดูเป็นแบบอย่างทันที
-แต่ว่า ลูกค้าที่มากลับถามว่า ที่นี้คือร้านสุมิเระคาราอาเกะ รึเปล่า? ทำให้คินุยิ่งโมโหเข้าไปอีก แต่ก็พยามตอบไปอย่างสุภาพว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้ว นี้คือร้านโมสึยะคาราอาเกะที่ขึ้นชื่อในภูมิภาคคันไซ ร้านสุมิเระคาราอาเกะที่คุณว่า น่าจะหมายถึงร้านในย่านการค้าร้างๆข้างๆนี้มากกว่า ซึ่งพวกเขาก็ขอบคุณแล้วจากไปที่ย่านสุมิเระทันที ซึ่งในตอนนั้นเองก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งเดินผ่านมา คนแม่ถามลูกว่าจะซื้อคาราอาเกะของโมสุยะไปกินเป็นของเคียงข้าวเย็นดีไหม แต่ลูกสาวบอกว่าไปซื้อที่สุมิเระดีกว่า ซึ่งคนแม่ก็เห็นด้วย ทำให้คิรุถึงกับเดือดสุดๆเข้าไปอีก จนลูกน้องของเธอต้องเสนอว่าควรจะรายงานเรื่องนี้ไปไหม(รายงานไปให้สิบสุดยอด) ทำให้คินุนึกถึงตอนที่คุยกับเจ้าเด็กอวดดีคนนั้น(สิบสุดยอด)ขึ้นมาได้ สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกก่อนจะบอกว่าเธอจะไปที่ย่านการค้าไปตรวจสอบดูซะหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
-พอไปถึงย่านการค้าก็ทำให้เธอตกใจ ไม่กี่วันที่นี้ยังร้างคนอยู่เลยไม่ใช่รึไง ว่าแล้วเธอก็หันไปเห็นต้นเหตุ โซมะนั้นเอง เขากำลังทอดคาราอาเกะให้กับลูกค้าทั้งหลายที่กำลังรอซื้ออยู่
-โซมะนั้นเริ่มจากการหั่นเนื้อน่องไก่เป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นจึงนำไปหมักด้วยซอสของนิคุมิที่ใช้โชยุแล้วก็พริกไทยคาเยนในการหมัก ว่าแล้วนิคุมิก็ส่งเนื้อไก่ที่ชุบแป้งมันฝรั่งเรียบร้อยแล้วให้กับโซมะนำไปทอด ซึ่งโซมะก็ใช้วิธีการทอดสองรอบเพื่อเพิ่มความกรบกรอบให้กับตัวไก่ ในขั้นตอนที่ทอดนี้เหล่าเด็กๆที่รอกินอยู่กับน้ำลายไหลกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นจึงนำเอาแผ่นแป้งมาวาง ตามด้วยผักกาดและสมุนไพรนาๆชนิดวางรองแล้วเอาคาราอาเกะวางลงไปจากนั้นจึงห่อเข้าด้วยกัน ตามด้วยราดซอสพริกพิเศษที่ใส่"น้ำปลา"ลงไปผสมด้วย ก่อนจะปิดด้วยการโรยพริกไทยดำตำละเอียดลงไปเป็นการปิดท้าย
(อ่านไม่ผิดหรอกครับ โซมะใส่น้ำปลาเข้าไปในซอสจริงๆ คาดว่าเพื่อให้มีกลิ่น+เพิ่มความเค็มเล็กน้อยด้วย)
-จากนั้น โซมะเลยเอาตราเหล็กจี่แผ่นแป้งให้เป็นรอยตราของย่านการค้า ก่อนจะส่งให้ลูกค้าเป็นอันเสร็จ "สุมิเระคาราอาเกะโรล"เสร็จเรียบร้อยแล้ว! ซึ่งลูกค้าเด็กที่ได้รับนั้นก็ดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะมันพึ่งจะเสร็จใหม่ๆเลยนินะ ว่าแล้วเขาก็ลองกัดมันดูทันที
-รสชาติที่พุ่งเข้ามาคือรสอร่อยของไก่ที่ชุ่มฉ่ำ เนื้อไก่นุ่มแต่ด้านนอกกรอบอร่อย ตามด้วยรสผักและสมุนไพรทั้งหลายที่พัวพันกันอย่างละมุนลิ้นเสริมความอร่อยให้เนื้อไก่เข้าไปอีก บรรดาลูกค้าทั้งหลายหน้าร้านเอง พอชิมของอร่อยแบบนี้เข้าไปแล้วเลยขอซื้อเพิ่มกันเป็นการใหญ่จนโซมะต้องบอกให้ต่อคิวรอ ก่อนจะเดินเข้าไปหายูยะแล้วบอกว่าของที่ให้เตรียมเสร็จแล้วรึยัง ซึ่งยูยะก็บ่นงึมงำว่ารออีกแป็บหนึ่ง(งานหนักมาสินะ)จนโซมะต้องบอกให้รีบๆเข้าเพราะหลังจากนี้ยูยะต้องเป็นคนทำคาราอาเกะของย่านการค้าแล้วนะ
-มายูมิเดินเอาผักมาให้โซมะพร้อมกับบอกว่าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาก็ขอบใจ ทำให้มายูมิรู้สึกดีที่เป็นกำลังให้กับโซมะพร้อมได้เข้ามาใกล้ชิดเขาได้ แต่พอเห็นสายตามุ่งมั่นของโซมะก็ทำให้มายูมิรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาทันที ซึ่งดูเหมือนโซมะจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเลยฝากให้ยูยะคอยทอดคาราอาเกะให้ด้วย ทางด้านของคินุนอกร้าน เธอก็กำลังคิดว่าไอ้แป้งที่ห่ออยู่นั้นมันคืออะไร มันคือเครปหรือ? รึว่าจะเป็นทอร์ทิล่าของแม็กซิโก้? ยังไงก็ตามเธอไม่เคยเห็นคาราอาเกะแบบนี้มาก่อน แต่แล้วเธอก็โดนทักจากโซมะทำให้สะดุ้งออกมาทันที
-ซึ่งโซมะก็พูดออกไปว่า ไม่เห็นต้องทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ก็ได้ อยากกินคาราอาเกะก็ไปเข้าแถวตามปกติสิ (อันนี้เป็นการล้อเอาคืนครับ ในตอนที่36 คินุพูดแบบนี้กับยูยะเจ้าของร้านข้าวกล่อง มาตอนนี้โซมะเลยพูดย้อนเอาคืน) ซึ่งคินุก็ถามว่าพวกโซมะวางแผนทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งโซมะก็บอกว่าสามวันก่อน ทำเอาคินุถึงกับตะลึง ก่อนที่โซมะจะบอกว่า เขาได้ดีปฟลายเออร์(ตะแกรงทอด)กับพวกภาชนะมาจากร้านขายเครื่องครัวในย่านการค้า ส่วนตราของย่านการค้าก็ให้ร้านโลหะทำให้ เนื้อกับผักก็ได้มาจากคนขายโดยตรง(ผ่านทางนิคุมิ) ส่วนใบปลิวกับหีบห่อก็ทำโดยร้านพิมม์ของย่านการค้า(ออกแบบโดยมายูมิ) ว่าแล้วตอนนั้นมายูมิก็วิ่งไปร้านปริ้นท์แล้วบอกว่าพวกเขาอยากได้ตัวห่อเพิ่ม ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกว่าจะปริ้นท์ออกมาจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้เลย ส่วนบรรดาลูกค้าเองก็ชมเปราะว่า คาราอาเกะโรลนี้เป็นความคิดที่ดีจริงๆ ถ้าทานคู่กับเครื่องดื่ม(เหล้า)ละก็จะเยี่ยมยิ่งกว่านี้อีก
-ว่าแล้วเจ้าของร้านเบียร์ก็เปิดประตูร้านออกมาเอ่ยว่ามีใครอยากจะทานเบียร์บ้างไหม ทำให้คนที่อยากกินคาราอาเกะคู่กับเบียร์เฮกันเป็นแถบ นั้นทำให้คินุถึงกับหน้าซีดพร้อมกับสงสัยว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เพราะคาราอาเกะ?ไม่สิ ทั้งหมดมาจากกลยุทธ์ของโซมะต่างหาก จากค่ายที่เคยอ่อนแอ(ย่านการค้า)กลายมาเป็นปราสาทหลังใหญ่ทานการโจมตีของพวกตน(ร้านโมสึยะ)ได้ภายในค่ำคืนเดียว
-ว่าแล้วโซมะก็เอ่ยตอกไปว่า คินุเคยพูดเอาไว้สินะ ว่าย่านการค้าที่ไม่มีพลังในการรับมือหรือปรับปรุงยุคสมัยให้เข้ากับสิ่งใหม่ๆ สมควรที่จะต้องหายไปแต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว...
โซมะ - พวกเราย่านการค้ามี"พลัง"แล้ว!
ซึ่งคินุก็ปรี้ดแตกบอกออกไปว่า ยังไงคาราอาเกะที่พึ่งลูกเล่นแบบนี้ก็เอาชนะโมสึยะไม่ได้หรอก รสชาติของโมสึยะน่ะ อร่อยกว่าอยู่แล้ว แต่พอพูดแบบนั้น เด็กๆที่ยืนอยู่ข้างๆก็เลยลองยื่นคาราอาเกะโรลให้คินุกินดู
-ซึ่งพวกเขาก็มารุมล้อมคินุกันใหญ่แล้วบอกว่า คุณป้าลองกินดูสิ (ทำให้คินุต้องบ่นออกมาว่าใครเป็นป้ากัน) ซึ่งโซมะก็ยื่นให้เหมือนกันแล้วเอ่ยว่า รอบที่แล้วเราลองกินของโมสึยะไปแล้ว รอบนี้คุณลองมาทานของเราดูบ้างสิ ซึ่งคินุก็ไม่มีทางเลือกต้องจำใจกินจนได้และ...
-คินุก็ได้รับรีแอคชั่น ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า ไอ้แป้งที่ห่อนี้มันคือ "บั๊ญแส่ว"ที่ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า เป็นอาหารเวียดนามนิน่า ซึ่ง บั๊ญแส่ว หรืออีกชื่อคือขนมเบื้องญวน เป็นแผ่นแป้งห่อที่ทำจาก แป้งข้าวเจ้า น้ำ กะทิหรือผงขมิ้น นำไปทอดให้สุกแล้วยัดไส้ด้วยเนื้อหมูหรือถั่วงอก รู้ดังนี้คินุเลยรู้คอนเซ็ปส์ของอาหารจานนี้ทันที นั้นก็คือคาราอาเกะที่ชุ่มฉ่ำกับข้าวสวยร้อนๆจนมีไอร้อนโชยออกมา (โซมะใช้บั๊ญแส่วแทนข้าวสวยนั้นเอง)
(ถ้าเป็นทางภาคใต้ของเวียดนาม บั๊ญแส่วจะมีชื่อเรียกต่างออกไปแล้วก็จะมีการใส่ไข่ลงไปด้วย)
-คินุคิดว่ามันเป็นการผสมที่สุดยอดจริงๆ เพราะคาราอาเกะกับข้าวสวยเป็นของที่กินกันในโต๊ะอาหารญี่ปุ่นทุกๆมื้ออยู่แล้ว ชวนให้นึกถึงเหล่าเด็กๆที่กำลังเดินทางกลับบ้าน แม่บ้านที่เร่งรีบเตรียมอาหารเย็น พนักงานเงินเดือนที่หาร้านนั่งจิบเบียร์กัน เสียงเซ็งแซ่ของเมืองในเวลาเย็นๆ กำไร ผลประกอบการ...ไอ้ของพวกนั้นให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เลยสักนิด...ราวกับว่า...
"เป็นรสชาติสมัยยังเป็นเด็กๆ"
"แค่ของพื้นๆน่ะครับ!"
-ว่าแล้วพอตกเย็น โซมะก็มาขอบคุณนิคุมิที่มาช่วยพร้อมกับเอ่ยถามว่า รอบหน้าถ้ามีแบบนี้อีกเขาเรียกนิคุมิมาช่วยได้เหมือนกันสินะ ซึ่งเธอก็บอกแบบอายๆว่าถ้าเธอว่างนะ ซึ่งมายูมิที่แอบดูอยู่ก็อดอิจฉาไม่ได้ แต่แล้วโซมะก็เดินเข้ามาหาเธอแล้วบอกว่าขอบคุณมากนะที่คอยช่วยไม่งั้นก็คงไม่สำเร็จหรอก
-ว่าแล้วโซมะก็ถามเธอว่า ทำไมไม่ลองมาทำงานพิเศษที่ร้านของคุณยูยะดูละ ทำให้มายูมิตกใจ โซมะก็เลยบอกออกไปว่าดูเหมือนคุณยูยะจะทำคาราอาเกะคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ ถ้ามีมายูมิคอยช่วยก็น่าจะดี แต่เธอก็ตอบปัดไปว่า เธอไม่เคยทำงานพิเศษมาก่อนเลยนะ ให้คนอื่นจะดีกว่า แต่โซมะก็บอกว่า คนใส่ใจมีความรับผิดชอบสูงอย่างมายูมิทำได้แน่ๆอยู่แล้วละ นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้โซมะเลือกให้เธอมาดูแลตรงนี้หลังจากเขากลับไปที่โทสึกิแล้ว ทำให้มายูมิแปลกใจ โซมะเลยพูดต่อออกมาว่า เขาเห็นอยู่เสมอเลยนะ มายูมิทำงานของคณะกรรมการนักเรียนอยู่จนดึกดื่นในตอนม.ต้น แล้วตอนประถมก็ไม่เคยลืมจะรดน้ำแปลงดอกไม้เลยสักครั้ง ได้ยินแบบนี้ มายูมิก็ถึงกลับปลื้ม ตัวตนของโซมะที่เธอเคยเห็นว่าอยู่ห่างไกลจากเธอเสมอ คอยเฝ้าดูเธออยู่ตลอดมาตั้งแต่เด็ก
-ว่าแล้วมายูมิเลยอาสาที่จะทำทันที พร้อมกับบอกว่าเธอจะทำให้ดีที่สุด โซมะก็ยิ้มพร้อมกับบอกว่า ช่วงวันหยุดเขาจะกลับมาที่ร้านยูกิฮิระบ่อยๆ ถ้ามายูมิสนใจละก็เขาอาจจะสอนอะไรที่ได้เรียนมาให้กับเธอด้วยนะ ซึ่งมายูมิก็ยิ้มตกลงทันที แน่นอนว่าพอโซมะหันไปหานิคุมิเห็นเธองอนอยู่ก็สงสัยขึ้นมาว่าเป็นอะไรแต่เธอตอบออกไปว่าไม่มี ขณะเดียวกัน หนุ่มแว่นปริศนาหนึ่งในสิบสุดยอด ดูผลประกอบการของร้านโมสึยะที่ดิ่งลงเหวแล้วก็เอ่ยออกมาว่า ร้านโมสึยะต้องมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ให้เขา!
จบตอน
เห็นอาหารของโซมะแล้ว นึกถึงทวิสเต็ดที่ขายในKFC แต่แค่เปลี่ยนไก่มาเป็นไก่คาราอาเกะเท่านั้นเอง แถม อาจารย์ยูโตะเริ่มจะเอาวัตถุดิบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรามาเล่นบ้างแล้ว น่าสนใจจริงๆ อยากให้มีตอนดวลอาหารไทยสักตอนเหมือนกันจริงๆนะเนี่ย
และตอนนี้เราก็ได้เห็นความสามารถในการบริหารของโซมะ ที่ใช้ข้อได้เปรียบร้านรวงต่างๆที่มีมากมาย ทำเลที่มีเด็กๆเดินผ่าน รสชาติที่คนคุ้นเคย มาสร้างเป็นจุดเด่นเอาขนะร้านโมสึยะได้อย่างน่าดูชม
สำหรับตอนหน้า กลับไปที่โทสึกิทันทีรึ? จะเจอกับสิบสุดยอดรึ? จะเข้าบทการคัดเลือกฤดูใบไม้ร่วงแล้วสินะ! ต้องติดตามกันต่อไป
<Spoil> ยอดนักปรุงโซมะ (Shokugeki no Souma) 38 -รสราคะคาราอาเกะ(4)-
-ว่าแล้วเธอก็ย่ามใจเหมือนเดิมก่อนจะคิดว่า วันนี้ร้านโมสึยะของเธอก็จะยืนเด่นที่สุดในสถานีเช่นเคย และดูดเงินจากคนเมืองนี้ไปจนหมด ว่าแล้วคินุก็สังเกตเห็นกลุ่มเด็กนักเรียนเดินผ่านตัวเองไปแล้วถืออะไรบางอย่างไปด้วย ทำให้เธอถึงกับสงสัยว่า นั้นมันคาราอาเกะเหรอ?
-2วันต่อมา คินุก็ถึงกับตกใจ ที่คาราอาเกะที่ว่านั้นดันแพร่หลายเข้าไปจนทั่ว จนในตอนนี้แม้แต่ร้านในสถานีก็ยังมีคนที่ถือคาราอาเกะที่ซองถือมีตราของสุมิเระ(ย่านการค้า) อยู่เต็มไปหมด ซึ่งตอนนั้นลูกน้องของคินุก็เข้ามารายงานว่ายอดขายของวันนี้ลดลงไปจากเมื่อวานถึง20% ทำให้คินุโวยกลับมาว่าพวกเธอขายภาษาอะไรกัน ถ้าแย่กว่านี้อีกฉันเอาเธอตายแน่ๆ ว่าแล้วก็หันไปต้อนรับลูกค้าให้ดูเป็นแบบอย่างทันที
-แต่ว่า ลูกค้าที่มากลับถามว่า ที่นี้คือร้านสุมิเระคาราอาเกะ รึเปล่า? ทำให้คินุยิ่งโมโหเข้าไปอีก แต่ก็พยามตอบไปอย่างสุภาพว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้ว นี้คือร้านโมสึยะคาราอาเกะที่ขึ้นชื่อในภูมิภาคคันไซ ร้านสุมิเระคาราอาเกะที่คุณว่า น่าจะหมายถึงร้านในย่านการค้าร้างๆข้างๆนี้มากกว่า ซึ่งพวกเขาก็ขอบคุณแล้วจากไปที่ย่านสุมิเระทันที ซึ่งในตอนนั้นเองก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งเดินผ่านมา คนแม่ถามลูกว่าจะซื้อคาราอาเกะของโมสุยะไปกินเป็นของเคียงข้าวเย็นดีไหม แต่ลูกสาวบอกว่าไปซื้อที่สุมิเระดีกว่า ซึ่งคนแม่ก็เห็นด้วย ทำให้คิรุถึงกับเดือดสุดๆเข้าไปอีก จนลูกน้องของเธอต้องเสนอว่าควรจะรายงานเรื่องนี้ไปไหม(รายงานไปให้สิบสุดยอด) ทำให้คินุนึกถึงตอนที่คุยกับเจ้าเด็กอวดดีคนนั้น(สิบสุดยอด)ขึ้นมาได้ สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกก่อนจะบอกว่าเธอจะไปที่ย่านการค้าไปตรวจสอบดูซะหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
-พอไปถึงย่านการค้าก็ทำให้เธอตกใจ ไม่กี่วันที่นี้ยังร้างคนอยู่เลยไม่ใช่รึไง ว่าแล้วเธอก็หันไปเห็นต้นเหตุ โซมะนั้นเอง เขากำลังทอดคาราอาเกะให้กับลูกค้าทั้งหลายที่กำลังรอซื้ออยู่
-โซมะนั้นเริ่มจากการหั่นเนื้อน่องไก่เป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นจึงนำไปหมักด้วยซอสของนิคุมิที่ใช้โชยุแล้วก็พริกไทยคาเยนในการหมัก ว่าแล้วนิคุมิก็ส่งเนื้อไก่ที่ชุบแป้งมันฝรั่งเรียบร้อยแล้วให้กับโซมะนำไปทอด ซึ่งโซมะก็ใช้วิธีการทอดสองรอบเพื่อเพิ่มความกรบกรอบให้กับตัวไก่ ในขั้นตอนที่ทอดนี้เหล่าเด็กๆที่รอกินอยู่กับน้ำลายไหลกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นจึงนำเอาแผ่นแป้งมาวาง ตามด้วยผักกาดและสมุนไพรนาๆชนิดวางรองแล้วเอาคาราอาเกะวางลงไปจากนั้นจึงห่อเข้าด้วยกัน ตามด้วยราดซอสพริกพิเศษที่ใส่"น้ำปลา"ลงไปผสมด้วย ก่อนจะปิดด้วยการโรยพริกไทยดำตำละเอียดลงไปเป็นการปิดท้าย
(อ่านไม่ผิดหรอกครับ โซมะใส่น้ำปลาเข้าไปในซอสจริงๆ คาดว่าเพื่อให้มีกลิ่น+เพิ่มความเค็มเล็กน้อยด้วย)
-จากนั้น โซมะเลยเอาตราเหล็กจี่แผ่นแป้งให้เป็นรอยตราของย่านการค้า ก่อนจะส่งให้ลูกค้าเป็นอันเสร็จ "สุมิเระคาราอาเกะโรล"เสร็จเรียบร้อยแล้ว! ซึ่งลูกค้าเด็กที่ได้รับนั้นก็ดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะมันพึ่งจะเสร็จใหม่ๆเลยนินะ ว่าแล้วเขาก็ลองกัดมันดูทันที
-รสชาติที่พุ่งเข้ามาคือรสอร่อยของไก่ที่ชุ่มฉ่ำ เนื้อไก่นุ่มแต่ด้านนอกกรอบอร่อย ตามด้วยรสผักและสมุนไพรทั้งหลายที่พัวพันกันอย่างละมุนลิ้นเสริมความอร่อยให้เนื้อไก่เข้าไปอีก บรรดาลูกค้าทั้งหลายหน้าร้านเอง พอชิมของอร่อยแบบนี้เข้าไปแล้วเลยขอซื้อเพิ่มกันเป็นการใหญ่จนโซมะต้องบอกให้ต่อคิวรอ ก่อนจะเดินเข้าไปหายูยะแล้วบอกว่าของที่ให้เตรียมเสร็จแล้วรึยัง ซึ่งยูยะก็บ่นงึมงำว่ารออีกแป็บหนึ่ง(งานหนักมาสินะ)จนโซมะต้องบอกให้รีบๆเข้าเพราะหลังจากนี้ยูยะต้องเป็นคนทำคาราอาเกะของย่านการค้าแล้วนะ
-มายูมิเดินเอาผักมาให้โซมะพร้อมกับบอกว่าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาก็ขอบใจ ทำให้มายูมิรู้สึกดีที่เป็นกำลังให้กับโซมะพร้อมได้เข้ามาใกล้ชิดเขาได้ แต่พอเห็นสายตามุ่งมั่นของโซมะก็ทำให้มายูมิรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาทันที ซึ่งดูเหมือนโซมะจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเลยฝากให้ยูยะคอยทอดคาราอาเกะให้ด้วย ทางด้านของคินุนอกร้าน เธอก็กำลังคิดว่าไอ้แป้งที่ห่ออยู่นั้นมันคืออะไร มันคือเครปหรือ? รึว่าจะเป็นทอร์ทิล่าของแม็กซิโก้? ยังไงก็ตามเธอไม่เคยเห็นคาราอาเกะแบบนี้มาก่อน แต่แล้วเธอก็โดนทักจากโซมะทำให้สะดุ้งออกมาทันที
-ซึ่งโซมะก็พูดออกไปว่า ไม่เห็นต้องทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ก็ได้ อยากกินคาราอาเกะก็ไปเข้าแถวตามปกติสิ (อันนี้เป็นการล้อเอาคืนครับ ในตอนที่36 คินุพูดแบบนี้กับยูยะเจ้าของร้านข้าวกล่อง มาตอนนี้โซมะเลยพูดย้อนเอาคืน) ซึ่งคินุก็ถามว่าพวกโซมะวางแผนทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งโซมะก็บอกว่าสามวันก่อน ทำเอาคินุถึงกับตะลึง ก่อนที่โซมะจะบอกว่า เขาได้ดีปฟลายเออร์(ตะแกรงทอด)กับพวกภาชนะมาจากร้านขายเครื่องครัวในย่านการค้า ส่วนตราของย่านการค้าก็ให้ร้านโลหะทำให้ เนื้อกับผักก็ได้มาจากคนขายโดยตรง(ผ่านทางนิคุมิ) ส่วนใบปลิวกับหีบห่อก็ทำโดยร้านพิมม์ของย่านการค้า(ออกแบบโดยมายูมิ) ว่าแล้วตอนนั้นมายูมิก็วิ่งไปร้านปริ้นท์แล้วบอกว่าพวกเขาอยากได้ตัวห่อเพิ่ม ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกว่าจะปริ้นท์ออกมาจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้เลย ส่วนบรรดาลูกค้าเองก็ชมเปราะว่า คาราอาเกะโรลนี้เป็นความคิดที่ดีจริงๆ ถ้าทานคู่กับเครื่องดื่ม(เหล้า)ละก็จะเยี่ยมยิ่งกว่านี้อีก
-ว่าแล้วเจ้าของร้านเบียร์ก็เปิดประตูร้านออกมาเอ่ยว่ามีใครอยากจะทานเบียร์บ้างไหม ทำให้คนที่อยากกินคาราอาเกะคู่กับเบียร์เฮกันเป็นแถบ นั้นทำให้คินุถึงกับหน้าซีดพร้อมกับสงสัยว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เพราะคาราอาเกะ?ไม่สิ ทั้งหมดมาจากกลยุทธ์ของโซมะต่างหาก จากค่ายที่เคยอ่อนแอ(ย่านการค้า)กลายมาเป็นปราสาทหลังใหญ่ทานการโจมตีของพวกตน(ร้านโมสึยะ)ได้ภายในค่ำคืนเดียว
-ว่าแล้วโซมะก็เอ่ยตอกไปว่า คินุเคยพูดเอาไว้สินะ ว่าย่านการค้าที่ไม่มีพลังในการรับมือหรือปรับปรุงยุคสมัยให้เข้ากับสิ่งใหม่ๆ สมควรที่จะต้องหายไปแต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว...
โซมะ - พวกเราย่านการค้ามี"พลัง"แล้ว!
ซึ่งคินุก็ปรี้ดแตกบอกออกไปว่า ยังไงคาราอาเกะที่พึ่งลูกเล่นแบบนี้ก็เอาชนะโมสึยะไม่ได้หรอก รสชาติของโมสึยะน่ะ อร่อยกว่าอยู่แล้ว แต่พอพูดแบบนั้น เด็กๆที่ยืนอยู่ข้างๆก็เลยลองยื่นคาราอาเกะโรลให้คินุกินดู
-ซึ่งพวกเขาก็มารุมล้อมคินุกันใหญ่แล้วบอกว่า คุณป้าลองกินดูสิ (ทำให้คินุต้องบ่นออกมาว่าใครเป็นป้ากัน) ซึ่งโซมะก็ยื่นให้เหมือนกันแล้วเอ่ยว่า รอบที่แล้วเราลองกินของโมสึยะไปแล้ว รอบนี้คุณลองมาทานของเราดูบ้างสิ ซึ่งคินุก็ไม่มีทางเลือกต้องจำใจกินจนได้และ...
-คินุก็ได้รับรีแอคชั่น ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า ไอ้แป้งที่ห่อนี้มันคือ "บั๊ญแส่ว"ที่ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า เป็นอาหารเวียดนามนิน่า ซึ่ง บั๊ญแส่ว หรืออีกชื่อคือขนมเบื้องญวน เป็นแผ่นแป้งห่อที่ทำจาก แป้งข้าวเจ้า น้ำ กะทิหรือผงขมิ้น นำไปทอดให้สุกแล้วยัดไส้ด้วยเนื้อหมูหรือถั่วงอก รู้ดังนี้คินุเลยรู้คอนเซ็ปส์ของอาหารจานนี้ทันที นั้นก็คือคาราอาเกะที่ชุ่มฉ่ำกับข้าวสวยร้อนๆจนมีไอร้อนโชยออกมา (โซมะใช้บั๊ญแส่วแทนข้าวสวยนั้นเอง)
(ถ้าเป็นทางภาคใต้ของเวียดนาม บั๊ญแส่วจะมีชื่อเรียกต่างออกไปแล้วก็จะมีการใส่ไข่ลงไปด้วย)
-คินุคิดว่ามันเป็นการผสมที่สุดยอดจริงๆ เพราะคาราอาเกะกับข้าวสวยเป็นของที่กินกันในโต๊ะอาหารญี่ปุ่นทุกๆมื้ออยู่แล้ว ชวนให้นึกถึงเหล่าเด็กๆที่กำลังเดินทางกลับบ้าน แม่บ้านที่เร่งรีบเตรียมอาหารเย็น พนักงานเงินเดือนที่หาร้านนั่งจิบเบียร์กัน เสียงเซ็งแซ่ของเมืองในเวลาเย็นๆ กำไร ผลประกอบการ...ไอ้ของพวกนั้นให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เลยสักนิด...ราวกับว่า...
"เป็นรสชาติสมัยยังเป็นเด็กๆ"
"แค่ของพื้นๆน่ะครับ!"
-ว่าแล้วพอตกเย็น โซมะก็มาขอบคุณนิคุมิที่มาช่วยพร้อมกับเอ่ยถามว่า รอบหน้าถ้ามีแบบนี้อีกเขาเรียกนิคุมิมาช่วยได้เหมือนกันสินะ ซึ่งเธอก็บอกแบบอายๆว่าถ้าเธอว่างนะ ซึ่งมายูมิที่แอบดูอยู่ก็อดอิจฉาไม่ได้ แต่แล้วโซมะก็เดินเข้ามาหาเธอแล้วบอกว่าขอบคุณมากนะที่คอยช่วยไม่งั้นก็คงไม่สำเร็จหรอก
-ว่าแล้วโซมะก็ถามเธอว่า ทำไมไม่ลองมาทำงานพิเศษที่ร้านของคุณยูยะดูละ ทำให้มายูมิตกใจ โซมะก็เลยบอกออกไปว่าดูเหมือนคุณยูยะจะทำคาราอาเกะคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ ถ้ามีมายูมิคอยช่วยก็น่าจะดี แต่เธอก็ตอบปัดไปว่า เธอไม่เคยทำงานพิเศษมาก่อนเลยนะ ให้คนอื่นจะดีกว่า แต่โซมะก็บอกว่า คนใส่ใจมีความรับผิดชอบสูงอย่างมายูมิทำได้แน่ๆอยู่แล้วละ นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้โซมะเลือกให้เธอมาดูแลตรงนี้หลังจากเขากลับไปที่โทสึกิแล้ว ทำให้มายูมิแปลกใจ โซมะเลยพูดต่อออกมาว่า เขาเห็นอยู่เสมอเลยนะ มายูมิทำงานของคณะกรรมการนักเรียนอยู่จนดึกดื่นในตอนม.ต้น แล้วตอนประถมก็ไม่เคยลืมจะรดน้ำแปลงดอกไม้เลยสักครั้ง ได้ยินแบบนี้ มายูมิก็ถึงกลับปลื้ม ตัวตนของโซมะที่เธอเคยเห็นว่าอยู่ห่างไกลจากเธอเสมอ คอยเฝ้าดูเธออยู่ตลอดมาตั้งแต่เด็ก
-ว่าแล้วมายูมิเลยอาสาที่จะทำทันที พร้อมกับบอกว่าเธอจะทำให้ดีที่สุด โซมะก็ยิ้มพร้อมกับบอกว่า ช่วงวันหยุดเขาจะกลับมาที่ร้านยูกิฮิระบ่อยๆ ถ้ามายูมิสนใจละก็เขาอาจจะสอนอะไรที่ได้เรียนมาให้กับเธอด้วยนะ ซึ่งมายูมิก็ยิ้มตกลงทันที แน่นอนว่าพอโซมะหันไปหานิคุมิเห็นเธองอนอยู่ก็สงสัยขึ้นมาว่าเป็นอะไรแต่เธอตอบออกไปว่าไม่มี ขณะเดียวกัน หนุ่มแว่นปริศนาหนึ่งในสิบสุดยอด ดูผลประกอบการของร้านโมสึยะที่ดิ่งลงเหวแล้วก็เอ่ยออกมาว่า ร้านโมสึยะต้องมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ให้เขา!
จบตอน
เห็นอาหารของโซมะแล้ว นึกถึงทวิสเต็ดที่ขายในKFC แต่แค่เปลี่ยนไก่มาเป็นไก่คาราอาเกะเท่านั้นเอง แถม อาจารย์ยูโตะเริ่มจะเอาวัตถุดิบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรามาเล่นบ้างแล้ว น่าสนใจจริงๆ อยากให้มีตอนดวลอาหารไทยสักตอนเหมือนกันจริงๆนะเนี่ย
และตอนนี้เราก็ได้เห็นความสามารถในการบริหารของโซมะ ที่ใช้ข้อได้เปรียบร้านรวงต่างๆที่มีมากมาย ทำเลที่มีเด็กๆเดินผ่าน รสชาติที่คนคุ้นเคย มาสร้างเป็นจุดเด่นเอาขนะร้านโมสึยะได้อย่างน่าดูชม
สำหรับตอนหน้า กลับไปที่โทสึกิทันทีรึ? จะเจอกับสิบสุดยอดรึ? จะเข้าบทการคัดเลือกฤดูใบไม้ร่วงแล้วสินะ! ต้องติดตามกันต่อไป