ซัวสะได-ซำบายดี.......
กลับมาแล้วนะครับ-เมื่อวานไปส่งลูกสาวที่สนามบินสุวรรณภูมิ...เลยไม่ได้กลับมาคุยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา......เขาได้รับการคัดเลือกจากรร.ให้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนะธรรมในกลุ่มประเทศอาเชียนที่เกาหลี.....(เกาหลีเขาคงอยากเข้ามามีส่วนร่วมในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยน่ะ)......เรื่องของเขา....เราไม่เกี่ยว แต่น้าหยอยต้องไปในฐานะประธานฯ(วัยรุ่นซะไม่มี........ใครแซวน้าหยอยหว่า...คุ้นๆแฮะ)
สรุปแล้วเรากลับมาคุยตามหัวเรื่องที่ผมไปสืบสานตำนานไตลื้ออย่างที่บอกไว้ก็แล้วกัน.....เพราะเท่าที่ฟังๆดูจากเม้นต์ต่างๆนั่น ทุกคนต่างลงเนื้อความเหมือนๆกันว่า ปล่อยให้ผมเขียนไปตามยถากรรม.....(โอย......ไงตัดหางปล่อยวัดงี้ล่ะ)......งั้นก็ต้องเริ่มตรงที่เรากลับจากเมืองหงสาแล้วมานอนค้างที่บ้านแม่ยายของผมก็แล้วกัน......
รุ่งขึ้น เราและพวกก็แยกย้ายกันกลับกรุงเทพฯ.......แต่ตัวผมและน้านายห้าง(มิตรใหม่ของเราทั้งคู่).........ที่บอกว่ามิตรใหม่ของเราทั้งคู่นั้น......สาเหตุก็เพราะน้านายห้างแกมีปิ่นโตซ้อนท้ายไปด้วย(แฟนแท้ๆของน้านายห้างแกเป็นโรคหืดหอบต้องนอนให้อ็อกซิเย่นกันไม่เว้นชั่วโมง-ผมรู้จักดีและคุ้นเคยกับเจ๊แกดี-ก็เลยเข้าใจน้านายห้างว่าที่แกต้องพกปิ่นโตไปรองท้องนั่น เพราะมีเหตุที่พอรับได้)
เรื่องของแกนะครับ.......เราไม่เกี่ยว......ที่จะเกี่ยวด้วยก็เพราะเราชอบขี่รถเที่ยวเหมือนกัน.....สรุปแล้ว เรายังไม่กลับกรุงเทพ แต่จะขอแวะพักไปตามรายทาง-สนุกที่ไหนก็นอนที่นั่น......จากเมืองน่าน ผมก็ขี่เป็นพี่เลี้ยงน้านายห้าง(น้านายห้างขี่ BMW R80 ส่วนผมขี่ LS125) พูดแล้วเหมือนลิเก........แต่เป็นของจริงครับ เนื่องจากรถของน้านายห้างนั้น สูบข้างซ้ายของแกพัง.......วิ่งควันโขมงโฉงเฉง ตั้งแต่ออกมาจากกรุงเทพ......แต่แกไม่รู้สาเหตุ...... เพราะอารมณ์ของแกกำลังแตกเปลี่ยวที่ได้วีซ่าชนิดพิเศษออกมาจากบ้าน.....
ผมเองนั้นก็เห็นปัญหา-เลยขี่เป็นพี่เลี้ยงมาดังที่อธิบายไปแล้ว(ไว้จะค่อยๆเล่าขยายความออกไปทีหลังนะครับ)
ขอส่งรูปเข้ามาก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวมัน Error แล้วจะเซ็งกันทั้งหมด
อยากให้กระทู้มีสาระ(ไปสืบสานตำนานไตลื้อ)
กลับมาแล้วนะครับ-เมื่อวานไปส่งลูกสาวที่สนามบินสุวรรณภูมิ...เลยไม่ได้กลับมาคุยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา......เขาได้รับการคัดเลือกจากรร.ให้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนะธรรมในกลุ่มประเทศอาเชียนที่เกาหลี.....(เกาหลีเขาคงอยากเข้ามามีส่วนร่วมในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยน่ะ)......เรื่องของเขา....เราไม่เกี่ยว แต่น้าหยอยต้องไปในฐานะประธานฯ(วัยรุ่นซะไม่มี........ใครแซวน้าหยอยหว่า...คุ้นๆแฮะ)
สรุปแล้วเรากลับมาคุยตามหัวเรื่องที่ผมไปสืบสานตำนานไตลื้ออย่างที่บอกไว้ก็แล้วกัน.....เพราะเท่าที่ฟังๆดูจากเม้นต์ต่างๆนั่น ทุกคนต่างลงเนื้อความเหมือนๆกันว่า ปล่อยให้ผมเขียนไปตามยถากรรม.....(โอย......ไงตัดหางปล่อยวัดงี้ล่ะ)......งั้นก็ต้องเริ่มตรงที่เรากลับจากเมืองหงสาแล้วมานอนค้างที่บ้านแม่ยายของผมก็แล้วกัน......
รุ่งขึ้น เราและพวกก็แยกย้ายกันกลับกรุงเทพฯ.......แต่ตัวผมและน้านายห้าง(มิตรใหม่ของเราทั้งคู่).........ที่บอกว่ามิตรใหม่ของเราทั้งคู่นั้น......สาเหตุก็เพราะน้านายห้างแกมีปิ่นโตซ้อนท้ายไปด้วย(แฟนแท้ๆของน้านายห้างแกเป็นโรคหืดหอบต้องนอนให้อ็อกซิเย่นกันไม่เว้นชั่วโมง-ผมรู้จักดีและคุ้นเคยกับเจ๊แกดี-ก็เลยเข้าใจน้านายห้างว่าที่แกต้องพกปิ่นโตไปรองท้องนั่น เพราะมีเหตุที่พอรับได้)
เรื่องของแกนะครับ.......เราไม่เกี่ยว......ที่จะเกี่ยวด้วยก็เพราะเราชอบขี่รถเที่ยวเหมือนกัน.....สรุปแล้ว เรายังไม่กลับกรุงเทพ แต่จะขอแวะพักไปตามรายทาง-สนุกที่ไหนก็นอนที่นั่น......จากเมืองน่าน ผมก็ขี่เป็นพี่เลี้ยงน้านายห้าง(น้านายห้างขี่ BMW R80 ส่วนผมขี่ LS125) พูดแล้วเหมือนลิเก........แต่เป็นของจริงครับ เนื่องจากรถของน้านายห้างนั้น สูบข้างซ้ายของแกพัง.......วิ่งควันโขมงโฉงเฉง ตั้งแต่ออกมาจากกรุงเทพ......แต่แกไม่รู้สาเหตุ...... เพราะอารมณ์ของแกกำลังแตกเปลี่ยวที่ได้วีซ่าชนิดพิเศษออกมาจากบ้าน.....
ผมเองนั้นก็เห็นปัญหา-เลยขี่เป็นพี่เลี้ยงมาดังที่อธิบายไปแล้ว(ไว้จะค่อยๆเล่าขยายความออกไปทีหลังนะครับ)
ขอส่งรูปเข้ามาก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวมัน Error แล้วจะเซ็งกันทั้งหมด