http://pantip.com/topic/30935905
ขอให้อ่านให้ละเอียดนะครับ สงสัยถามไว้ ผมจะไปตอบให้ทุกโพส
เห็นเจ้าของกระทู้นึงจะคิด อัตราวันกรีดยาง เดือนนึง 20 วัน ไม่ได้หรอกครับ ในความเป็นจริง มันทำไม่ได้แน่นอนเพราะส่วนใหญ่จะโดนฝนเล่นงาน
ถ้าเป็นภาคอีสาน หน้าฝนจะเริ่มตั้งแต่มิถุนายน ถึง ตุลาคม ในห้วงนี้ บางจังหวัดในอีสาน กรีดได้สูงสุด 10 วันต่อเดือน ต่ำสุด 6 วัน เพราะบางเดือนฝนตกตลอด หลังจากตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์ จะมีวันกรีดมากขึ้น เพราะหมดฝน หน้าหนาวผลผลิตจะออกเยอะมาก ยิ่งหนาวยิ่งเยอะ แต่ เดือนมกราคม เป็นต้นไป ผลผลิตเริ่มจะลดลง เพราะยางเริ่มพลัดใบ ดินเริ่มแห้ง ส่วนช่วงที่พักหน้ายางคือตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
สำหรับ ภาคใต้ ส่วนใหญ่จะใช้ระบบ กรีด 2-3 วันเว้น 1 วัน เริ่มเปิดกรีด เดือนพฤษภาคม ช่วงผลผลิตออกเยอะ คือช่วง พฤษภาคม ถึง กันยายน ของทุกปี แต่หลังจากตุลาคม ฝนจะเปลี่ยนจากอีสาน ไปลงภาคใต้แทน ยาวไปถึงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ ของทุกปี
เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ ที่ได้ผลผลิตจะได้เฉลี่ย 20 วันต่อเดือน เพราะสถิติที่สวนผม อยู่ที่อุบลราชธานี จดไว้ทุกปี ทุกเดือน ที่วัน และที่อื่นๆ ก็คงทำไม่ได้เช่นกัน ปีที่แล้วสวนยางของผม เฉลี่ย การกรีดยางตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึง กุมภาพันธ์ ปีถัดไป ใช้ระบบสองวันเว้น 1 วัน
ทั้งปีสวนผม ผมกรีดเฉลี่ยต่อเดือนได้ 15 วันเท่านั้น นะครับ ผมหารออกมาแล้ว เดือนที่ต่ำสุด คือ 12 วัน เป็นเดือน กันยายน เพราะฝนตก ฝนส่วนเดือนที่กรีดได้มากที่สุดคือ เดือน พฤศจิกายน คือ 19 วัน เป็นหน้าหนาว แล้วหน้าฝน วันที่กรีดใช้ว่าจะได้ผลผลิตนะครับ เช่น ไปกรีด ตี 1 เสร็จ ตี 5 หกโมงมาฝนตก แบบนี่ที่สวนเจอมาแล้ว มันเก็บไม่ทันครับ วันนั้นเท่ากับว่าเหนื่อยฟรี
สรุปการกรีดยางปีก่อนที่สวนผมที่อุบล ใช้ระบบ กรีด 2 วันเว้น 1 วัน (ถ้าหยุดบ่อยเพราะฝนตก อาจใช้ 3 พักหนึ่ง เพื่อให้ได้วันกรีดไม่ต่ำกว่า 10 วันต่อเดือน )
พฤษภาคม 55 - 10 วัน (เปิดหน้าใหม่ยางไม่ออก เริ่มเปิดกรีดกลางเดือนๆ ผลผลิตน้อย เดือนแรกเหมือนกระตุ้นน้ำยางไปก่อน มีฝนรบกวนบ้าง)
มิถุนายน 55 - 15 วัน (ฝนเริ่มมี แต่น้ำยางเริ่มออกแล้ว ฝนรบกวนบ้าง แต่ไม่ติดต่อกันเกิน 3 วัน)
กรกฎาคม 55 - 13 วัน (ฝนเริ่มชุกมากขึ้น บางที ได้กรีดวันเดียว แต่มีช่วงนึง ฝนตกตลอด ได้หยุดกรีด 10 วัน กลับมากรีดอีก น้ำยางออก แต่ไม่มาก เหมือนกระตุ้นหน้าใหม่อีก )
สิงหาคม 55 - 9 วัน (เดือนนี้ถือว่าฝนตกชุกมากในอุบล กรีดแทบนับวันได้ กรีดๆ หยุดๆ )
กันยายน 55 - 13 วัน (ช่วงปลายฝน แต่ยังมีฝนรบกวนอยู่ แต่ไม่ติดต่อกัน )
ตุลาคม 54 - 18 วัน (เข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ฝนตกมีบ้าง แต่นานๆ ที น้ำยางออกเยอะขึ้น เพราะอากาศเย็น แต่ก็แลกมาด้วยที่น้ำหนักยางต่อแผ่นเบาขึ้น การทำแผ่นจึงต้องผสมน้ำยางให้มากกขึ้น)
พฤศจิกายน - 19 วัน (แทบจะไม่มีฝนรบกวน เพราะหมดฝน แต่ไม่ครบ 20 วันเพราะ ยางมีหางฝนมาตกวันกรีดพอดี อากาศเย็นขึ้น แต่ก็แลกมาด้วย ดินเริ่มแห้ง เพราะใกล้เข้าสู่ช่วงพลัดใบ)
ธันวาคม - 18 วัน (ดินเริ่มแห้ง ยางเตรียมใกล้พลัดใบ ใบเริ่มเหลืองนิดหน่อย ผลผลิต ลดลงนิดหน่อย เพราะน้ำในดินลดลง เดือนนี้ไม่ได้ครบ 20 เพราะคนสวย ลางาน 1 วัน สองครั้ง )
มกราคม 55 - 18 วัน มีฝนรบกวนนิดหน่อย เดือนนี้น้ำยางลดลงพอสมควรหายไปประมาณ 20 % ต้นยางผลัดใบไปกว่า 30 % ของทั้งสวน
กุมภาพันธ์ 55 - 10 วัน (ตั้งใจว่าจะเอาให้หมดเดือน แต่ทำไม่ได้ ถึงช่วงกลางเดือนเลยหยุดกรีด เพราะมันพลัดใบเร็วมาก เดือนนี้ต้นยางพลัดใบกว่า 60-70% ของทั้งสวน ผลผลิตน้ำยางลงลงจากปกติประมาณ 30-40 %)
เดือนมีนาคม 55- พฤษภาคม 55 - หยุดพักหน้ายางครับ
รวมวันกรีดทั้งปี 125 วันนะครับ หากจะหารเป็นเดือนจริงๆ 9 เดือนครับ จะตกเฉลี่ยเดือนละ 13.55 วันครับ
เรื่องราคายาง
แล้ว ที่ว่ายางโลละ 80 อยู่ได้ ไม่หรอกครับ เฉลี่ยกรีดทั้งปีกรีดได้เดือนละ 13 วัน สมมุติมี 15 ไร่ ประมาณ 1,000 ต้น กรีดคนเดียว ทำแผ่น ตาก ขาย ทำไม่ได่แน่นอนครับ สกย เขาวิจัยออกมาแล้ว คนกรีดยาง กรีดได้เฉลี่ย 400-500 ต้นต่อวันเท่านั้น มากกว่านี้ ร่างกายไม่ไหวหรอกครับ ถ้าสวนมากกว่า 10 ไร่ ต้องใช้คนกรีด 2 คนขึ้นไปครับ เพราะเวลาเริ่มกรีดคือ
ตี1-ตี 5 ถึงจะเสร็จ (ถ้าคนเดียวทำไม่ทันแน่นอน)
7 -9 นาฬิกา ลุกมาเก็บน้ำยาง
9-12 นาฬิกา ทำแผ่นยาง
นอกเหนือจากนั้นเป็นเวลาพักผ่อน
คนกรีดยางส่วนใหญ่จะได้ส่วนแบ่ง 40 แต่อาชีพเขาทำงานกลางคืน ความเสียงเยอะนะครับ ต่อสัตว์มีพิษ
คนกรีดบอกเองเขาเจอ งู อย่างน้อย เดือนละครั้งเลยก็ว่าได้ ทั้งที่สวนสะอาด ไม่รกรงรุง แต่ งูมันก็ทำรังไว้ใต้ดิน
การทำงานกลางคืน สายตาต้องใช้มากกว่าปกติ อีกด้วยนะครับ
มีคนพูดว่าวันหยุดที่ไม่ได้ตัดยาง คนงานทำไร จะให้ทำไรได้ละครับ ก็ฝนมันตก มันจะทำงานที่ไหนได้ละครับ คิดตรงนี้ด้วยครับ
การลงทุน 7 ปีแรกของเจ้าของสวนถือว่ามากนะครับ ผมขอย้อยเมื่อ 7 ปีก่อนละกัน
1. ปี 2548 ซื้อที่ ถูกๆ ไร่ละ 60,000 บาท ถ้า 15 ไร่ก็ 9 แสนบาท ยังไม่นับค่าถางไม้ ถางป่า รวมๆ กว่าอีก 50,000 บาทส่วนนี้ เป็นทรัพย์สินที่ติดต่อเราตลอด ไม่ต้องมาคำนวณทั้งหมดในต้นทุนก็ได้
2. เบี้ยยาง ถ้าปลูก 1,000 ต้นต้องซื้อเบี้ยประมาณ 1,500 ต้น เผื่อซ่อมตอนมันตายด้วยครับ เบี้ยยางเมื่อเจ็ดปีก่อนน่าจะต้นละ
15 บาท 22,500 บาท
3. ปุ๋ย นี่ละคือสำคัญ ยาง 1 ต้น ต้องใส่ปุ๋ยต้นละ 1 กก ปีนึงใส่สองครั้ง และ 7 ปีก่อนปุ๋ยสอบละ 500-600 บาท สอบนึงได้ 50 กิโลกรัม
ถ้านับตอนปุ๋ยราคา 600 ยาง 1,000 ต้นจะต้องซื้อปุ๋ย 20 กระสอบ ปีนึงใส่สองครั้ง จะหมดปุ๋ยไปประมาณ 40 กระสอบ คิดเป็นเงิน 24,000 บาทต่อปี ทีนี้ ทุกๆ ปีราคาปุ๋ยราคาขึ้นเรื่อยๆ นะครับ จนตอนนี้ ปุ๋ยใส่ยางยี่ห้อเดียวกัน แบบเดียวกันกับปีก่อน ราคาสอบละ 900-1,100 บาทไปแล้ว ถ้าคิดค่าใส่ปุ๋ยปีนี้ สวนผมหมดค่าปุ๋ยเคมีไป เกือบๆ 50,000 กับยาง 15 ไร่ และปุ๋ยคอกมูลสัตว์ ก็ต้องใส่ด้วย หมดปีละ ประมาณ 20,000 บาท ถ้าคิดเจ็ดปีที่ผ่านมา เฉพาะค่าปุ๋ยหมดไปหลักแสนแล้วนะครับ
** ถามว่าใส่ปุ๋ยไรมากมายขนาดนั้น ก็ สกย เป็นคนบอกเองขั้นต่ำต้องใส่ 1 กก ต่อต้นนะครับ ต้นไม้ มันถูกรีดน้ำออกจากต้น สารอาหารหลัก อาหารเสริม มันต้องคอยบำรุง เพื่อให้ต้นยางอุดมสมบูรณ์นะครับ ต้นยางก็เหมือนคน ใช้พลังงาน ของต้นยางของเขาคือให้น้ำยางออกมา ก็ต้องทดแทนได้สารอาหารบำรุงเช่นกัน ไมต่างจากคนที่ใช้พลังงานไปก็ต้องกินข้าว เพื่อให้มีสารอาหารมีพลังงานทำงาน แต่ต้นยางดีหน่อย 6 เดือนครั้ง ถ้ากินข้าวทุกวันเหมือนคน เจ๊งแน่ๆ
4. ค่าครองชีพปัจจุบัน อย่ามาพูดว่าแต่ก่อนยางโลละ 50 บาททำไมอยู่ได้ ผมขอย้อนถามกลับว่าแต่ก่อน ทำไมข้าว จานละ 20 ก๋วยเตี๋ยว 20 มาม่าห่อละ 4-5 น้ำมันเบนซินลิตรละ 20 แก๊สลิตร 10 บาทต้นๆ เงินเดือน 5,000-6,000 บาท ทำไมอยู่กันได้ ....ตอนนี้ถามหน่อบ คุณเงินเดือน 5,000 อยู่ได้ไหมละครับ กับข้าวจานละ 30-35 ก๋วยเตี๋ยว 30-35 มาม่าห่อละ 7 น้ำมันเบนซินลิตรละเกือบ 40 แก๊สลิตรละเกือบ 20 บาท
5.เรื่องผลผลิต ผมเฉลี่ยทั้งสวนในหนึ่งปี ยางปีสอง 1,000 ต้นได้น้ำยางแห้งเป็นแผ่นประมาณ 25 กก ต่อวัน ปีนึงได้ 3,125 กก คิดเป็นผลผลิต 347 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ถือว่าเยอะหากเทียบกับค่าเฉลี่ยของ สกย ที่ 267 กก ต่อไร่ต่อปีเท่านั้น
หากคิดเป็นเงินที่โลละ 80 บาทจะขายเป็นเงินได้ 250,000 บาท
ทีนี้มาคิดกัน ในหนึ่งปี เจ้าของสวนจะได้เท่าไหร่ คนกรีดจะได้เท่าไหร่
การแบ่งรายได้ เจ้าของ 60 คนกรีด 40 ค่าปุ๋ยก็เช่นกัน เจ้าของจ่าย 60 คนกรีด 40 บาท
สรุป
ยอดขายทั้งหมด 250,000 บาท
-หักค่าปุ๋ย เจ้าของ 30,000 บาท
-หักค่าปุ๋ย คนกรีด 20,0000 บาท
คงเหลือ 200,000 บาท
หักค่าแรงคนกรีด 80,000 บาท (คิดจาก 12 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 6,666 บาท สองคน ตกคนละ 3,333 บาท)
คงเหลือ 120,000 บาท (คิดจาก 12 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท )
นี่ครับ เจ้าของสวนได้เท่านี้ละครับ เดือนละ 10,000 กว่าบาทกับยาง 15 ไร่ ถามว่า เมื่อไหร่จะคืนทุน ที่ซื้อที่ ถางหญ้าไป เขาบอกประมาณ ปีที่ 15 ครับ แล้วถามหน่อย ยางโลละ 80 ที่ว่าอยู่ได้ มันอาจจะได้ถ้าใช้จ่ายประหยัดกับค่าครองชีพแพงแบบนี้ แล้วเจ้าของสวนละครับ จะได้คืนทุนตอนไหน แล้วโลละ 80 นี่ใช่ว่า 80 คงที่ทั้งปีหนิครับ ตอนนี้ ราคายางแผ่นโลละ 79 เดือนก่อน สองเดือนก่อน โลละ 68-70 บาท
แล้วคิดเฉลี่ยราคาทั้งปี มันจะได้ 80 ได้เหรอครับ ถ้าคิด 80 ก็ตัวอย่างที่ผมคำนวณด้านบนแหละครับ แล้วคนกรีดยางวันที่ไม่ได้ตัดยางฝนตก เขาจะทำอาชีพอะไรละครับ ฝนตก มันทำงานกลางแจ้งที่ไหนได้บ้างละ ส่วนใหญ่ก็เห็นแต่แรงงานก่อสร้าง ถามว่า ไปทำอาชีพอื่น ไปๆมา ขาดๆ เขาจะให้ทำงานเหรอครับ คิดตรงนี้เพิ่มด้วย แล้ว คนทำงานกลางคืนติดต่อกัน ตั้งแต่ ตี 1-12.00 สามวันต่อวัน โดยการออกแรงใช้แรงงาน ไม่นั่งในแอร์เย็นๆ มันเหนื่อยนะครับ มันหยุดของเขาก็คือวันพักผ่อนของเขาได้ไปธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย
นี่คือข้อมูลจริงครับ ไม่อิงนิยายใดๆ ผมเจ้าของสวนยาง ผมก็อยากกรีดให้ได้ผลผลิต 20 วันต่อเดือนนะครับ เพราะมันจะทำให้สวนผม คนสวน ได้ยางขายมากขึ้น แต่มันทำไม่ได้ครับ ใครๆ ก็อยากได้ผลผลิตเยอะ ผมไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ใคร แต่แค่อยากแชร์ให้ฟัง ว่าเป็นยังไง ประกันราคายาง 120 ผมว่ามันก็สูงเกินไป ไม่อยากให้รัฐอุ้มเหมือนข้าวที่ราคาตลาดโลกตันละ 11,000 แต่เราจำนำถึง 15,000 บาท ทำให้ใช้เงินกว่า 2 แสนล้าน ราคายาง ตลาดโลก ตอนนี้ 90 บาท บ้านเรา 80 บาท แต่สองเดือนก่อน มันราคาต่ำจริงๆ ครับ โลละ 60-70 บาท เท่านั้น นี่คือสาเหตุนึงที่เขาออกมาเรียกร้อง เพราะรัฐบอกให้ยางเป็นตามกลไกตลาดโลก แต่ข้าวรัฐทำไมรัฐไม่ปล่อยตามกลไลตลาดโลกละครับ บ้านผมมีทั้งนา ทั้งสวนยาง รู้หมดว่า อะไรเป็นยังไง อย่าโทษชาวสวนยางเลยครับ การปลูกยางมันนานนะครับ กว่าจะได้กรีด 3-4 ปีแรกต้องประคบ ประหงม เหมือนเลียงลูกเลยนะครับ ห้ามหญ้าขึ้น รบกวน ใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ ถ้าดูแลไม่ดี ครบ 7 ปี ยางไม่ได้มาตรฐาน กรีดน้ำยางออกน้อยอีก คนที่เจ็บตัวจากราคายางตกต่ำคือ เจ้าของสวนครับ บ้านผมก็ทำนาด้วยครับ ขายราคาจำนำด้วย แต่ไม่เห็นด้วยที่รัฐเลือกอุ้มแต่ข้าว มันเปิดช่องทางทุจริตได้ง่าย ผมไม่บอกว่ารัฐต้องอุ้มราคายาง รัฐบาลเขาก็บอกแล้วจะช่วยค่าปุ๋ยแทน ซึ่งก็มองว่า น่าจะดี
แต่ ช่วยยกเลิกจำนำข้าว ด้วยไหมครับ สินค้าเกษตรทุกอย่างเช่นกัน ปล่อยให้เป็นตามกลไลของมัน รัฐบาลก็ช่วยเหลือเรื่องตุนทุนผลิตเหมือนยางสิครับ ชาวสวนเกษตรอื่นๆ เขาจะได้ไม่ว่าได้ว่ารัฐสองมาตราฐาน
ใครทึ่ว่า กรีดยางได้เดือนนึง 20 วัน กับยางโละ 80 อยู่ได้ ผมขอเถียงขาดใจครับ มันทำไม่ได้หรอกครับ
http://pantip.com/topic/30935905
ขอให้อ่านให้ละเอียดนะครับ สงสัยถามไว้ ผมจะไปตอบให้ทุกโพส
เห็นเจ้าของกระทู้นึงจะคิด อัตราวันกรีดยาง เดือนนึง 20 วัน ไม่ได้หรอกครับ ในความเป็นจริง มันทำไม่ได้แน่นอนเพราะส่วนใหญ่จะโดนฝนเล่นงาน
ถ้าเป็นภาคอีสาน หน้าฝนจะเริ่มตั้งแต่มิถุนายน ถึง ตุลาคม ในห้วงนี้ บางจังหวัดในอีสาน กรีดได้สูงสุด 10 วันต่อเดือน ต่ำสุด 6 วัน เพราะบางเดือนฝนตกตลอด หลังจากตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์ จะมีวันกรีดมากขึ้น เพราะหมดฝน หน้าหนาวผลผลิตจะออกเยอะมาก ยิ่งหนาวยิ่งเยอะ แต่ เดือนมกราคม เป็นต้นไป ผลผลิตเริ่มจะลดลง เพราะยางเริ่มพลัดใบ ดินเริ่มแห้ง ส่วนช่วงที่พักหน้ายางคือตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
สำหรับ ภาคใต้ ส่วนใหญ่จะใช้ระบบ กรีด 2-3 วันเว้น 1 วัน เริ่มเปิดกรีด เดือนพฤษภาคม ช่วงผลผลิตออกเยอะ คือช่วง พฤษภาคม ถึง กันยายน ของทุกปี แต่หลังจากตุลาคม ฝนจะเปลี่ยนจากอีสาน ไปลงภาคใต้แทน ยาวไปถึงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ ของทุกปี
เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ ที่ได้ผลผลิตจะได้เฉลี่ย 20 วันต่อเดือน เพราะสถิติที่สวนผม อยู่ที่อุบลราชธานี จดไว้ทุกปี ทุกเดือน ที่วัน และที่อื่นๆ ก็คงทำไม่ได้เช่นกัน ปีที่แล้วสวนยางของผม เฉลี่ย การกรีดยางตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึง กุมภาพันธ์ ปีถัดไป ใช้ระบบสองวันเว้น 1 วัน
ทั้งปีสวนผม ผมกรีดเฉลี่ยต่อเดือนได้ 15 วันเท่านั้น นะครับ ผมหารออกมาแล้ว เดือนที่ต่ำสุด คือ 12 วัน เป็นเดือน กันยายน เพราะฝนตก ฝนส่วนเดือนที่กรีดได้มากที่สุดคือ เดือน พฤศจิกายน คือ 19 วัน เป็นหน้าหนาว แล้วหน้าฝน วันที่กรีดใช้ว่าจะได้ผลผลิตนะครับ เช่น ไปกรีด ตี 1 เสร็จ ตี 5 หกโมงมาฝนตก แบบนี่ที่สวนเจอมาแล้ว มันเก็บไม่ทันครับ วันนั้นเท่ากับว่าเหนื่อยฟรี
สรุปการกรีดยางปีก่อนที่สวนผมที่อุบล ใช้ระบบ กรีด 2 วันเว้น 1 วัน (ถ้าหยุดบ่อยเพราะฝนตก อาจใช้ 3 พักหนึ่ง เพื่อให้ได้วันกรีดไม่ต่ำกว่า 10 วันต่อเดือน )
พฤษภาคม 55 - 10 วัน (เปิดหน้าใหม่ยางไม่ออก เริ่มเปิดกรีดกลางเดือนๆ ผลผลิตน้อย เดือนแรกเหมือนกระตุ้นน้ำยางไปก่อน มีฝนรบกวนบ้าง)
มิถุนายน 55 - 15 วัน (ฝนเริ่มมี แต่น้ำยางเริ่มออกแล้ว ฝนรบกวนบ้าง แต่ไม่ติดต่อกันเกิน 3 วัน)
กรกฎาคม 55 - 13 วัน (ฝนเริ่มชุกมากขึ้น บางที ได้กรีดวันเดียว แต่มีช่วงนึง ฝนตกตลอด ได้หยุดกรีด 10 วัน กลับมากรีดอีก น้ำยางออก แต่ไม่มาก เหมือนกระตุ้นหน้าใหม่อีก )
สิงหาคม 55 - 9 วัน (เดือนนี้ถือว่าฝนตกชุกมากในอุบล กรีดแทบนับวันได้ กรีดๆ หยุดๆ )
กันยายน 55 - 13 วัน (ช่วงปลายฝน แต่ยังมีฝนรบกวนอยู่ แต่ไม่ติดต่อกัน )
ตุลาคม 54 - 18 วัน (เข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ฝนตกมีบ้าง แต่นานๆ ที น้ำยางออกเยอะขึ้น เพราะอากาศเย็น แต่ก็แลกมาด้วยที่น้ำหนักยางต่อแผ่นเบาขึ้น การทำแผ่นจึงต้องผสมน้ำยางให้มากกขึ้น)
พฤศจิกายน - 19 วัน (แทบจะไม่มีฝนรบกวน เพราะหมดฝน แต่ไม่ครบ 20 วันเพราะ ยางมีหางฝนมาตกวันกรีดพอดี อากาศเย็นขึ้น แต่ก็แลกมาด้วย ดินเริ่มแห้ง เพราะใกล้เข้าสู่ช่วงพลัดใบ)
ธันวาคม - 18 วัน (ดินเริ่มแห้ง ยางเตรียมใกล้พลัดใบ ใบเริ่มเหลืองนิดหน่อย ผลผลิต ลดลงนิดหน่อย เพราะน้ำในดินลดลง เดือนนี้ไม่ได้ครบ 20 เพราะคนสวย ลางาน 1 วัน สองครั้ง )
มกราคม 55 - 18 วัน มีฝนรบกวนนิดหน่อย เดือนนี้น้ำยางลดลงพอสมควรหายไปประมาณ 20 % ต้นยางผลัดใบไปกว่า 30 % ของทั้งสวน
กุมภาพันธ์ 55 - 10 วัน (ตั้งใจว่าจะเอาให้หมดเดือน แต่ทำไม่ได้ ถึงช่วงกลางเดือนเลยหยุดกรีด เพราะมันพลัดใบเร็วมาก เดือนนี้ต้นยางพลัดใบกว่า 60-70% ของทั้งสวน ผลผลิตน้ำยางลงลงจากปกติประมาณ 30-40 %)
เดือนมีนาคม 55- พฤษภาคม 55 - หยุดพักหน้ายางครับ
รวมวันกรีดทั้งปี 125 วันนะครับ หากจะหารเป็นเดือนจริงๆ 9 เดือนครับ จะตกเฉลี่ยเดือนละ 13.55 วันครับ
เรื่องราคายาง
แล้ว ที่ว่ายางโลละ 80 อยู่ได้ ไม่หรอกครับ เฉลี่ยกรีดทั้งปีกรีดได้เดือนละ 13 วัน สมมุติมี 15 ไร่ ประมาณ 1,000 ต้น กรีดคนเดียว ทำแผ่น ตาก ขาย ทำไม่ได่แน่นอนครับ สกย เขาวิจัยออกมาแล้ว คนกรีดยาง กรีดได้เฉลี่ย 400-500 ต้นต่อวันเท่านั้น มากกว่านี้ ร่างกายไม่ไหวหรอกครับ ถ้าสวนมากกว่า 10 ไร่ ต้องใช้คนกรีด 2 คนขึ้นไปครับ เพราะเวลาเริ่มกรีดคือ
ตี1-ตี 5 ถึงจะเสร็จ (ถ้าคนเดียวทำไม่ทันแน่นอน)
7 -9 นาฬิกา ลุกมาเก็บน้ำยาง
9-12 นาฬิกา ทำแผ่นยาง
นอกเหนือจากนั้นเป็นเวลาพักผ่อน
คนกรีดยางส่วนใหญ่จะได้ส่วนแบ่ง 40 แต่อาชีพเขาทำงานกลางคืน ความเสียงเยอะนะครับ ต่อสัตว์มีพิษ
คนกรีดบอกเองเขาเจอ งู อย่างน้อย เดือนละครั้งเลยก็ว่าได้ ทั้งที่สวนสะอาด ไม่รกรงรุง แต่ งูมันก็ทำรังไว้ใต้ดิน
การทำงานกลางคืน สายตาต้องใช้มากกว่าปกติ อีกด้วยนะครับ
มีคนพูดว่าวันหยุดที่ไม่ได้ตัดยาง คนงานทำไร จะให้ทำไรได้ละครับ ก็ฝนมันตก มันจะทำงานที่ไหนได้ละครับ คิดตรงนี้ด้วยครับ
การลงทุน 7 ปีแรกของเจ้าของสวนถือว่ามากนะครับ ผมขอย้อยเมื่อ 7 ปีก่อนละกัน
1. ปี 2548 ซื้อที่ ถูกๆ ไร่ละ 60,000 บาท ถ้า 15 ไร่ก็ 9 แสนบาท ยังไม่นับค่าถางไม้ ถางป่า รวมๆ กว่าอีก 50,000 บาทส่วนนี้ เป็นทรัพย์สินที่ติดต่อเราตลอด ไม่ต้องมาคำนวณทั้งหมดในต้นทุนก็ได้
2. เบี้ยยาง ถ้าปลูก 1,000 ต้นต้องซื้อเบี้ยประมาณ 1,500 ต้น เผื่อซ่อมตอนมันตายด้วยครับ เบี้ยยางเมื่อเจ็ดปีก่อนน่าจะต้นละ
15 บาท 22,500 บาท
3. ปุ๋ย นี่ละคือสำคัญ ยาง 1 ต้น ต้องใส่ปุ๋ยต้นละ 1 กก ปีนึงใส่สองครั้ง และ 7 ปีก่อนปุ๋ยสอบละ 500-600 บาท สอบนึงได้ 50 กิโลกรัม
ถ้านับตอนปุ๋ยราคา 600 ยาง 1,000 ต้นจะต้องซื้อปุ๋ย 20 กระสอบ ปีนึงใส่สองครั้ง จะหมดปุ๋ยไปประมาณ 40 กระสอบ คิดเป็นเงิน 24,000 บาทต่อปี ทีนี้ ทุกๆ ปีราคาปุ๋ยราคาขึ้นเรื่อยๆ นะครับ จนตอนนี้ ปุ๋ยใส่ยางยี่ห้อเดียวกัน แบบเดียวกันกับปีก่อน ราคาสอบละ 900-1,100 บาทไปแล้ว ถ้าคิดค่าใส่ปุ๋ยปีนี้ สวนผมหมดค่าปุ๋ยเคมีไป เกือบๆ 50,000 กับยาง 15 ไร่ และปุ๋ยคอกมูลสัตว์ ก็ต้องใส่ด้วย หมดปีละ ประมาณ 20,000 บาท ถ้าคิดเจ็ดปีที่ผ่านมา เฉพาะค่าปุ๋ยหมดไปหลักแสนแล้วนะครับ
** ถามว่าใส่ปุ๋ยไรมากมายขนาดนั้น ก็ สกย เป็นคนบอกเองขั้นต่ำต้องใส่ 1 กก ต่อต้นนะครับ ต้นไม้ มันถูกรีดน้ำออกจากต้น สารอาหารหลัก อาหารเสริม มันต้องคอยบำรุง เพื่อให้ต้นยางอุดมสมบูรณ์นะครับ ต้นยางก็เหมือนคน ใช้พลังงาน ของต้นยางของเขาคือให้น้ำยางออกมา ก็ต้องทดแทนได้สารอาหารบำรุงเช่นกัน ไมต่างจากคนที่ใช้พลังงานไปก็ต้องกินข้าว เพื่อให้มีสารอาหารมีพลังงานทำงาน แต่ต้นยางดีหน่อย 6 เดือนครั้ง ถ้ากินข้าวทุกวันเหมือนคน เจ๊งแน่ๆ
4. ค่าครองชีพปัจจุบัน อย่ามาพูดว่าแต่ก่อนยางโลละ 50 บาททำไมอยู่ได้ ผมขอย้อนถามกลับว่าแต่ก่อน ทำไมข้าว จานละ 20 ก๋วยเตี๋ยว 20 มาม่าห่อละ 4-5 น้ำมันเบนซินลิตรละ 20 แก๊สลิตร 10 บาทต้นๆ เงินเดือน 5,000-6,000 บาท ทำไมอยู่กันได้ ....ตอนนี้ถามหน่อบ คุณเงินเดือน 5,000 อยู่ได้ไหมละครับ กับข้าวจานละ 30-35 ก๋วยเตี๋ยว 30-35 มาม่าห่อละ 7 น้ำมันเบนซินลิตรละเกือบ 40 แก๊สลิตรละเกือบ 20 บาท
5.เรื่องผลผลิต ผมเฉลี่ยทั้งสวนในหนึ่งปี ยางปีสอง 1,000 ต้นได้น้ำยางแห้งเป็นแผ่นประมาณ 25 กก ต่อวัน ปีนึงได้ 3,125 กก คิดเป็นผลผลิต 347 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ถือว่าเยอะหากเทียบกับค่าเฉลี่ยของ สกย ที่ 267 กก ต่อไร่ต่อปีเท่านั้น
หากคิดเป็นเงินที่โลละ 80 บาทจะขายเป็นเงินได้ 250,000 บาท
ทีนี้มาคิดกัน ในหนึ่งปี เจ้าของสวนจะได้เท่าไหร่ คนกรีดจะได้เท่าไหร่
การแบ่งรายได้ เจ้าของ 60 คนกรีด 40 ค่าปุ๋ยก็เช่นกัน เจ้าของจ่าย 60 คนกรีด 40 บาท
สรุป
ยอดขายทั้งหมด 250,000 บาท
-หักค่าปุ๋ย เจ้าของ 30,000 บาท
-หักค่าปุ๋ย คนกรีด 20,0000 บาท
คงเหลือ 200,000 บาท
หักค่าแรงคนกรีด 80,000 บาท (คิดจาก 12 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 6,666 บาท สองคน ตกคนละ 3,333 บาท)
คงเหลือ 120,000 บาท (คิดจาก 12 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท )
นี่ครับ เจ้าของสวนได้เท่านี้ละครับ เดือนละ 10,000 กว่าบาทกับยาง 15 ไร่ ถามว่า เมื่อไหร่จะคืนทุน ที่ซื้อที่ ถางหญ้าไป เขาบอกประมาณ ปีที่ 15 ครับ แล้วถามหน่อย ยางโลละ 80 ที่ว่าอยู่ได้ มันอาจจะได้ถ้าใช้จ่ายประหยัดกับค่าครองชีพแพงแบบนี้ แล้วเจ้าของสวนละครับ จะได้คืนทุนตอนไหน แล้วโลละ 80 นี่ใช่ว่า 80 คงที่ทั้งปีหนิครับ ตอนนี้ ราคายางแผ่นโลละ 79 เดือนก่อน สองเดือนก่อน โลละ 68-70 บาท
แล้วคิดเฉลี่ยราคาทั้งปี มันจะได้ 80 ได้เหรอครับ ถ้าคิด 80 ก็ตัวอย่างที่ผมคำนวณด้านบนแหละครับ แล้วคนกรีดยางวันที่ไม่ได้ตัดยางฝนตก เขาจะทำอาชีพอะไรละครับ ฝนตก มันทำงานกลางแจ้งที่ไหนได้บ้างละ ส่วนใหญ่ก็เห็นแต่แรงงานก่อสร้าง ถามว่า ไปทำอาชีพอื่น ไปๆมา ขาดๆ เขาจะให้ทำงานเหรอครับ คิดตรงนี้เพิ่มด้วย แล้ว คนทำงานกลางคืนติดต่อกัน ตั้งแต่ ตี 1-12.00 สามวันต่อวัน โดยการออกแรงใช้แรงงาน ไม่นั่งในแอร์เย็นๆ มันเหนื่อยนะครับ มันหยุดของเขาก็คือวันพักผ่อนของเขาได้ไปธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย
นี่คือข้อมูลจริงครับ ไม่อิงนิยายใดๆ ผมเจ้าของสวนยาง ผมก็อยากกรีดให้ได้ผลผลิต 20 วันต่อเดือนนะครับ เพราะมันจะทำให้สวนผม คนสวน ได้ยางขายมากขึ้น แต่มันทำไม่ได้ครับ ใครๆ ก็อยากได้ผลผลิตเยอะ ผมไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ใคร แต่แค่อยากแชร์ให้ฟัง ว่าเป็นยังไง ประกันราคายาง 120 ผมว่ามันก็สูงเกินไป ไม่อยากให้รัฐอุ้มเหมือนข้าวที่ราคาตลาดโลกตันละ 11,000 แต่เราจำนำถึง 15,000 บาท ทำให้ใช้เงินกว่า 2 แสนล้าน ราคายาง ตลาดโลก ตอนนี้ 90 บาท บ้านเรา 80 บาท แต่สองเดือนก่อน มันราคาต่ำจริงๆ ครับ โลละ 60-70 บาท เท่านั้น นี่คือสาเหตุนึงที่เขาออกมาเรียกร้อง เพราะรัฐบอกให้ยางเป็นตามกลไกตลาดโลก แต่ข้าวรัฐทำไมรัฐไม่ปล่อยตามกลไลตลาดโลกละครับ บ้านผมมีทั้งนา ทั้งสวนยาง รู้หมดว่า อะไรเป็นยังไง อย่าโทษชาวสวนยางเลยครับ การปลูกยางมันนานนะครับ กว่าจะได้กรีด 3-4 ปีแรกต้องประคบ ประหงม เหมือนเลียงลูกเลยนะครับ ห้ามหญ้าขึ้น รบกวน ใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ ถ้าดูแลไม่ดี ครบ 7 ปี ยางไม่ได้มาตรฐาน กรีดน้ำยางออกน้อยอีก คนที่เจ็บตัวจากราคายางตกต่ำคือ เจ้าของสวนครับ บ้านผมก็ทำนาด้วยครับ ขายราคาจำนำด้วย แต่ไม่เห็นด้วยที่รัฐเลือกอุ้มแต่ข้าว มันเปิดช่องทางทุจริตได้ง่าย ผมไม่บอกว่ารัฐต้องอุ้มราคายาง รัฐบาลเขาก็บอกแล้วจะช่วยค่าปุ๋ยแทน ซึ่งก็มองว่า น่าจะดี
แต่ ช่วยยกเลิกจำนำข้าว ด้วยไหมครับ สินค้าเกษตรทุกอย่างเช่นกัน ปล่อยให้เป็นตามกลไลของมัน รัฐบาลก็ช่วยเหลือเรื่องตุนทุนผลิตเหมือนยางสิครับ ชาวสวนเกษตรอื่นๆ เขาจะได้ไม่ว่าได้ว่ารัฐสองมาตราฐาน