ผมเคยให้ความเห็นไปแล้ว ว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มันไมไ่ด้มาจาก รัฐประหาร 49 ม.112 พรรคปชป. หรือ นักการเมืองหน้าไหน อมาตย์หน้าไหน ทั้งนั้น
มันเกิดจากแค่เพียง "ความเชื่อ" ของ ประชาชนแต่ล่ะคน ที่ แตกต่างกัน เท่านั้นเอง ... และ เมื่อ เรา "เชื่อ" ต่างกันแล้ว เรากลับไม่ เคารพให้ ความเชื่อของคนอื่น ความขัดแย้งมันก็เลยเกิด
เราเอา ความเชื่อ ของเรา ของพวกเราเป็นที่ตั้ง ในการชี้หน้ากล่าวโทษคนอื่นว่า กระทำชั่ว กระทำเลว มีความผิด ด้วยเพียงแค่ "ความเชื่อ" เป็น เหตุ ก็ เท่านั้นเอง
ความเชื่อจะไ้ดรับการยอมรับ ก็ ต่อเมื่อ ผ่านกระบวนการพิสูจน์ จนกลายเป็น "ข้อเท็จจริง" แต่ ด้วย พื้นฐานความเชื่อ อันสุดโต่ง ของแต่ล่ะคน ทำให้ กระบวนการพิสูจน์ใด ๆ ก็ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ความเชื่อ ดังกล่าว ให้ กลาย เป็น ข้อเท็จจริงไปได้เลย
ตัวอย่างมีเยอะ ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ยิ่งมีเยอะ ผมคงไม่จำเป็นต้องยกเอามาให้เป็นประเด็นกันในนี้ ( แต่ถ้า เพื่อนสมาชิกยินดีจะแชร์ ก็ น้อมรับ )
ผมขอเสนอวิธีที่ เราจะ ผสมผสาน ความเชื่อของเรา กับ คนอื่น และ อาจจะ บรรเทา ความขัดแย้ง ลงได้ ดังนี้
1. ขอให้ เราแน่ใจเสียก่อนว่า สิ่งที่เรากับคนอื่นกำลังขัดแ้ย้งกันอยู่นั้นเป็นความเชื่อจริง ๆ .... แม้บางอย่างจะเป็นข้อเท็จจริงไปแล้วก็ตาม
2. ให้เราพยามยามเปิดใจ เชื่อในสิ่งที่คนอื่นเชื่อให้ได้เสียก่อน แล้ว มา ไตร่ตรองดูว่า ทำไม คนอื่น จึงมีความเชื่อในเรื่องดังกล่าว ไม่เหมือนกับเรา
3. หาเหตุผลประกอบจาก องค์ประกอบภายนอก เช่น หน้าที่การงาน สถานะภาพทางสังคม กลุ่มคนแวดล้อม
ถ้า เรา ทำได้ดังนี้แล้ว เราจะมองได้ออกว่า ทำไม คนนี้ จึง เชื่อไม่เหมือนเรา แต่ .... กับคนบางคนนั้น แม้เราจะเปิดใจ และ พยายามเชื่อในแบบที่เค้าเชื่อ เราก็ยังหาเหตุผลดี ๆ สนับสนุนไม่ได้เลย นั้น .......กับคนแบบนี้ ก็ ขอให้ เรา ปล่อยวาง อย่าได้ข้องแวะ โต้ตอบ
เราพบว่า ยังมีหลายคนที่พยายามเอา อคติในใจตัวเอง มาเป็นเหตุผลสนับสนุนความเชื่อในทางไม่ดี หลายเรื่อง และ หลายคน .... บุคคลเหล่านั้นเค้าไม่ใช่ บัวใต้น้ำ หรือ กบในกะลา ที่ ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก ขอให้รู้ไว้เถอะครับ ว่า คนเหล่านั้น เค้ารู้ดี รู้จักผิดชอบชั่วดี อย่างแน่นอน หากแต่ เค้าเลือกที่จะทำชั่ว เพื่อตอบสนอง อคติในใจของตัวเอง หรือ แม้กระทั่งปกป้องศักดิ์ศรีปลอม ๆ ที่ตัวเองคิดว่ามี เท่านั้นเอง
อยากให้คนอื่น เชื่อเหมือนที่เรา เชื่อ ... ก็ แค่ พิสูจน์ แค่นั้นเอง
มันเกิดจากแค่เพียง "ความเชื่อ" ของ ประชาชนแต่ล่ะคน ที่ แตกต่างกัน เท่านั้นเอง ... และ เมื่อ เรา "เชื่อ" ต่างกันแล้ว เรากลับไม่ เคารพให้ ความเชื่อของคนอื่น ความขัดแย้งมันก็เลยเกิด
เราเอา ความเชื่อ ของเรา ของพวกเราเป็นที่ตั้ง ในการชี้หน้ากล่าวโทษคนอื่นว่า กระทำชั่ว กระทำเลว มีความผิด ด้วยเพียงแค่ "ความเชื่อ" เป็น เหตุ ก็ เท่านั้นเอง
ความเชื่อจะไ้ดรับการยอมรับ ก็ ต่อเมื่อ ผ่านกระบวนการพิสูจน์ จนกลายเป็น "ข้อเท็จจริง" แต่ ด้วย พื้นฐานความเชื่อ อันสุดโต่ง ของแต่ล่ะคน ทำให้ กระบวนการพิสูจน์ใด ๆ ก็ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ความเชื่อ ดังกล่าว ให้ กลาย เป็น ข้อเท็จจริงไปได้เลย
ตัวอย่างมีเยอะ ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ยิ่งมีเยอะ ผมคงไม่จำเป็นต้องยกเอามาให้เป็นประเด็นกันในนี้ ( แต่ถ้า เพื่อนสมาชิกยินดีจะแชร์ ก็ น้อมรับ )
ผมขอเสนอวิธีที่ เราจะ ผสมผสาน ความเชื่อของเรา กับ คนอื่น และ อาจจะ บรรเทา ความขัดแย้ง ลงได้ ดังนี้
1. ขอให้ เราแน่ใจเสียก่อนว่า สิ่งที่เรากับคนอื่นกำลังขัดแ้ย้งกันอยู่นั้นเป็นความเชื่อจริง ๆ .... แม้บางอย่างจะเป็นข้อเท็จจริงไปแล้วก็ตาม
2. ให้เราพยามยามเปิดใจ เชื่อในสิ่งที่คนอื่นเชื่อให้ได้เสียก่อน แล้ว มา ไตร่ตรองดูว่า ทำไม คนอื่น จึงมีความเชื่อในเรื่องดังกล่าว ไม่เหมือนกับเรา
3. หาเหตุผลประกอบจาก องค์ประกอบภายนอก เช่น หน้าที่การงาน สถานะภาพทางสังคม กลุ่มคนแวดล้อม
ถ้า เรา ทำได้ดังนี้แล้ว เราจะมองได้ออกว่า ทำไม คนนี้ จึง เชื่อไม่เหมือนเรา แต่ .... กับคนบางคนนั้น แม้เราจะเปิดใจ และ พยายามเชื่อในแบบที่เค้าเชื่อ เราก็ยังหาเหตุผลดี ๆ สนับสนุนไม่ได้เลย นั้น .......กับคนแบบนี้ ก็ ขอให้ เรา ปล่อยวาง อย่าได้ข้องแวะ โต้ตอบ
เราพบว่า ยังมีหลายคนที่พยายามเอา อคติในใจตัวเอง มาเป็นเหตุผลสนับสนุนความเชื่อในทางไม่ดี หลายเรื่อง และ หลายคน .... บุคคลเหล่านั้นเค้าไม่ใช่ บัวใต้น้ำ หรือ กบในกะลา ที่ ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก ขอให้รู้ไว้เถอะครับ ว่า คนเหล่านั้น เค้ารู้ดี รู้จักผิดชอบชั่วดี อย่างแน่นอน หากแต่ เค้าเลือกที่จะทำชั่ว เพื่อตอบสนอง อคติในใจของตัวเอง หรือ แม้กระทั่งปกป้องศักดิ์ศรีปลอม ๆ ที่ตัวเองคิดว่ามี เท่านั้นเอง