กระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้บีโอไอเร่งสรุปเงื่อนไขลงทุนอีโคคาร์เฟส2 ดันเป้าผลิตรถ 3 ล้านคันปี 60
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางอรรชกา สีบุญเรือง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณารายละเอียดการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ระยะที่ 2 ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ซึ่งจะพิจารณาเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน คาดว่า ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน และจะเร่งประกาศนโยบาย เพื่อให้ผู้ประอบการตัดสินใจลงทุน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า หลังจากคณะทำงานพิจารณารายละเอียดส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ระยะที่ 2 ได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์ คาดว่า จะประกาศนโยบายส่งเสริมการลงทุนได้ภายในปี 56 และผู้ประกอบการสามารถขยายการลงทุนได้ในปี 57
สำหรับการกำหนดสิทธิประโยชน์อีโคคาร์ระยะที่ 2 ในส่วนของภาษีสรรพสามิตจะพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังที่ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จากระยะที่ 1 อยู่ที่ 17 % ซึ่งโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ของกระทรวงการคลังเป็นกรอบใหญ่ที่ใช้กับรถยนต์ทุกประเภท แต่สิทธิประโยชน์ของอีโคคาร์ จะแยกออกมา เพราะภาครัฐต้องการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประเภทนี้ให้เป็นโปรดักแชมเปี้ยน จึงต้องมีสิทธิประโยชน์อื่นเพิ่ม โดยมาตรการส่งเสริมการลงทุนนี้ จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากขึ้น และช่วยสนับสนุนให้การผลิตรถยนต์เป็นไปตามเป้าหมาย 3 ล้านคัน ภายในปี 60
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เงื่อนไขการขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ระยะที่ 1 กำหนดให้บริษัทรถยนต์ต้องมีการผลิตจริง 100,000 คัน ภายใน 5 ปี โดยอัตราการใช้น้ำมันต้องไม่เกิน 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร การปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม ต่อ กิโลเมตร รวมทั้งผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 หรือสูงกว่า และความปลอดภัยไม่น้อยกว่ามาตรฐานบังคับในยุโรป และต้องมีการผลิตเครื่องยนต์ การผลิตระบบส่งกำลัง การผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย
........................................................................................................................................................................................
รัฐกู้เพิ่ม2.7แสนล.จำนำข้าวรอบใหม่
รัฐกู้อีก 2.7 แสนล้าน รับจำนำข้าวฤดูใหม่ อ้างหนี้เพิ่มแค่ 2%
คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ก.ย. มีมติเห็นชอบมาตรการดูแลราคาสินค้าเกษตร 3 ประเภท คือ ข้าวเปลือก ยางพารา และข้าวโพด ภายใต้กรอบวงเงิน 3 แสนล้านบาท เฉพาะรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ปี 2556/2557 ใช้เงิน 2.7 แสนล้านบาท เป็นการกู้ใหม่ทั้งหมดทำให้การรับจำนำข้าว 3 ฤดูกาลในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เงินกู้รวม 7.7 แสนล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยืนยันว่า การกู้เงินก้อนใหม่ 2.7 แสนล้านบาท แยกจากของเดิม 5 แสนล้านบาท ไม่น่ากังวล และหนี้ที่เพิ่มคิดเป็น 1-2% ของจีดีพีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้เสนอความเห็นต่อ ครม. ว่า การรับจำนำข้าวปี 2556/2557 ควรใช้เงินในกรอบเดิม 5 แสนล้านบาท ที่ ครม.เคยอนุมัติไว้ และกระทรวงพาณิชย์ควรเร่งนำเงินจากการขายข้าวมาคืนคลังเพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลัง ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้พาณิชย์เร่งขายข้าวในฤดูกาลก่อนออกไป เพื่อให้มีพื้นที่เก็บข้าวใหม่ที่จะเข้ามา
........................................................................................................................................................................................
ขอบคุณที่มาจาก -
http://www.dailynews.co.th/businesss/222156
-
http://www.posttoday.com
นโยบายของ "รัฐบาล" ระหว่าง "อีโคคาร์เฟส 2" กับ "รัฐกู้เพิ่ม 2.7 แสนล.จำนำข้าวรอบใหม่" นโยบ
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางอรรชกา สีบุญเรือง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณารายละเอียดการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ระยะที่ 2 ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ซึ่งจะพิจารณาเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน คาดว่า ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน และจะเร่งประกาศนโยบาย เพื่อให้ผู้ประอบการตัดสินใจลงทุน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า หลังจากคณะทำงานพิจารณารายละเอียดส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ระยะที่ 2 ได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์ คาดว่า จะประกาศนโยบายส่งเสริมการลงทุนได้ภายในปี 56 และผู้ประกอบการสามารถขยายการลงทุนได้ในปี 57
สำหรับการกำหนดสิทธิประโยชน์อีโคคาร์ระยะที่ 2 ในส่วนของภาษีสรรพสามิตจะพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังที่ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จากระยะที่ 1 อยู่ที่ 17 % ซึ่งโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ของกระทรวงการคลังเป็นกรอบใหญ่ที่ใช้กับรถยนต์ทุกประเภท แต่สิทธิประโยชน์ของอีโคคาร์ จะแยกออกมา เพราะภาครัฐต้องการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประเภทนี้ให้เป็นโปรดักแชมเปี้ยน จึงต้องมีสิทธิประโยชน์อื่นเพิ่ม โดยมาตรการส่งเสริมการลงทุนนี้ จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากขึ้น และช่วยสนับสนุนให้การผลิตรถยนต์เป็นไปตามเป้าหมาย 3 ล้านคัน ภายในปี 60
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เงื่อนไขการขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ระยะที่ 1 กำหนดให้บริษัทรถยนต์ต้องมีการผลิตจริง 100,000 คัน ภายใน 5 ปี โดยอัตราการใช้น้ำมันต้องไม่เกิน 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร การปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม ต่อ กิโลเมตร รวมทั้งผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 หรือสูงกว่า และความปลอดภัยไม่น้อยกว่ามาตรฐานบังคับในยุโรป และต้องมีการผลิตเครื่องยนต์ การผลิตระบบส่งกำลัง การผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย
........................................................................................................................................................................................
รัฐกู้เพิ่ม2.7แสนล.จำนำข้าวรอบใหม่
รัฐกู้อีก 2.7 แสนล้าน รับจำนำข้าวฤดูใหม่ อ้างหนี้เพิ่มแค่ 2%
คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ก.ย. มีมติเห็นชอบมาตรการดูแลราคาสินค้าเกษตร 3 ประเภท คือ ข้าวเปลือก ยางพารา และข้าวโพด ภายใต้กรอบวงเงิน 3 แสนล้านบาท เฉพาะรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ปี 2556/2557 ใช้เงิน 2.7 แสนล้านบาท เป็นการกู้ใหม่ทั้งหมดทำให้การรับจำนำข้าว 3 ฤดูกาลในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เงินกู้รวม 7.7 แสนล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยืนยันว่า การกู้เงินก้อนใหม่ 2.7 แสนล้านบาท แยกจากของเดิม 5 แสนล้านบาท ไม่น่ากังวล และหนี้ที่เพิ่มคิดเป็น 1-2% ของจีดีพีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้เสนอความเห็นต่อ ครม. ว่า การรับจำนำข้าวปี 2556/2557 ควรใช้เงินในกรอบเดิม 5 แสนล้านบาท ที่ ครม.เคยอนุมัติไว้ และกระทรวงพาณิชย์ควรเร่งนำเงินจากการขายข้าวมาคืนคลังเพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลัง ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้พาณิชย์เร่งขายข้าวในฤดูกาลก่อนออกไป เพื่อให้มีพื้นที่เก็บข้าวใหม่ที่จะเข้ามา
........................................................................................................................................................................................
ขอบคุณที่มาจาก - http://www.dailynews.co.th/businesss/222156
- http://www.posttoday.com