การหายตัวไปของ ‘ลูกกวาด’
คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘ลูกอม’ ต้องเข้าไปพัวพันกับภารกิจลับ
ที่จะเปลี่ยนคืนวันของเธอ...ให้หวานตลอดไป
๒
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าส่องเข้ามาในห้องนอนโทนสีอบอุ่นของกัญชรสให้ดูน่าอยู่กว่าห้องของฝาแฝดคนน้องเป็นไหนๆ เสียงนกร้องอย่างหาฟังได้ยากในเมืองกรุงดังแผ่วไกลออกไปทุกที ใบไม้บนยอดกิ่งไหวกระทบกันน้อยๆเพราะกระแสลมรุ่งอรุณที่โชยมาเอื่อยๆ
มธุรสยืนนิ่งมองผ้าม่านผืนเบาสีครีมอ่อนยาวเรี่ยพื้นที่ ก่อนเดินไปแหวกม่านให้เปิดกว้าง แล้วระเบียงของห้องนอนบ้านหลังข้างๆก็ปรากฏแก่สายตา ม่านสีกรมท่าหนาทึบปิดสนิทอย่างที่เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องนั้นคงยังไม่ตื่น
ตื่นสายมาตั้งแต่เป็นเด็ก...จนโตก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ความคิดนั้นสามารถเรียกรอยยิ้มจางๆให้กระตุกขึ้นตรงมุมปาก ทั้งๆที่สมองยังคงเต็มไปด้วยเรื่องหนักชวนหนักใจ หญิงสาวปล่อยให้กระแสความทรงจำแห่งสมัยยังเยาว์วัยไหลผ่านเข้ามาในสมอง นึกถึงตอนที่เธอยังคงนอนห้องนี้ร่วมกับกัญชรสสมัยประถม
ตอนนั้นเธอชอบแหวกม่านตะโกนเรียกพี่นนท์ที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามนี้ให้ออกมานั่งตรงระเบียง แล้วชวนคุยเรื่องต่างๆนาๆตามประสาเด็กจนดึกดื่น ขณะที่กัญชรสมักจะหมกตัวอยู่อีกมุม นั่งอ่านการ์ตูนเสริมปัญญา ทำการบ้านอย่างขะมักเขม้น แล้วก็ชิงปิดไฟนอน ไม่ลืมที่จะส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือกมาให้คนทั้งสองที่คุยยังติดลมแล้วปิดม่านห้องนอนอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น แต่มธุรสเองก็ไม่สนใจเช่นกัน พอพักหนึ่งเริ่มง่วงก็ค่อยโบกมือแยกย้ายกลับเข้าห้องตัวเอง
และในทุกๆเช้าเช่นกัน...ที่เธอจะตื่นก่อนกัญชรส แหวกม่านออกแล้วตะโกนปลุกพี่ชายห้องตรงข้าม ก่อนจะส่งยิ้มทักทายกันเมื่อเขาโผล่หน้าพ้นจากม่านห้องตัวเองมาอย่างงัวเงีย
กิจกรรมเหล่านี้หายไปในวันที่เธอต้องแยกห้องกับกัญชรส
ความทรงจำนั้น... บัดนี้เป็นได้แค่เพียงความทรงจำสีจาง และไม่อาจจะกลับมามีสีสันสวยงามได้เช่นเดิม นับตั้งแต่วันที่กัญชรสได้ครองห้องนี้เพียงคนเดียว นานๆครั้งที่เธอจะเปิดม่าน ทั้งๆที่หลายครั้งภนนท์พยายามตะโกนมาทักทายอย่างอารมณ์ดี แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับไปคือม่านที่ยังปิดสนิทแนบชิดกันเท่านั้น
ไม่ต่างอะไรจากใจของกัญชรส...ที่นอกจากจะไม่ยอมเปิดออก ยังเลือกที่จะปิดตายและหนีไปพร้อมกับกุญแจอีกด้วย
มธุรสปล่อยให้ความคิดไหลกลับเข้าที่เข้าทาง ก่อนพยายามนึกว่าภาระวันนี้มีอะไรบ้าง เธอเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าแล้วกวาดสายตามองภายใน ยังคงหนักใจกับการหนีปัญหาของฝาแฝดตน มือฉวยจับชุดทำงานยี่ห้อหรูดูดีมีสไตล์ ทั้งสูทและกระโปรงมากมายหลากสีสันและรูปทรง บ่งบอกความเป็นสาวออฟฟิศระดับไฮเอนด์ของกัญชรสได้เป็นอย่างดี ต่างจากเธอที่เป็นช่างกล้องผู้ชอบรับจ็อบถ่ายรูปวิวเป็นส่วนใหญ่ ในตู้เสื้อผ้านั้นจึงมีแต่เสื้อเชิ้ตสไตล์ลุยๆกับกางเกงยีนส์เป็นเครื่องแบบหลัก
เนื้อความในจดหมายที่มธุรสรับรู้เมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง...คำขอร้องของกัญชรสที่ให้เธอเข้าไปทำงานแทนทำเอาเธอนั่งเครียดทั้งวันทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ และเมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง เธอก็ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างไปที่ทำงานของตนกับที่ทำงานของกัญชรส
‘ไม่ใช่ป๊ากับม้าไม่เป็นห่วงนะ แต่เราจะตามเขายังไง แล้วจะตามไปที่ไหน อย่างน้อยเขาก็ปลอดภัยดีแล้ว เอาไว้อมลองไปที่ทำงานเขาสักวันไหม ไม่ถึงขั้นต้องเข้าไปทำงานแทนหรอก แล้วถ้าได้เบาะแสอะไรก็ไปตามตัวกลับมา’
อมรผู้เป็นบิดาของเธอว่าด้วยสีหน้าอมทุกข์หลังกลับมาจากโรงงานเมื่อวาน อันที่จริง...การเป็นช่างกล้องทำให้เธอไม่ต้องเข้าบริษัททุกวันอยู่แล้ว แต่เพราะวันนี้มีการประชุมครั้งใหญ่ของโปรเจ็คต์ถ่ายภาพนอกสถานที่จึงไม่สามารถเลี่ยงได้
มธุรสเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าให้ปิดลง แล้วมองเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจกบานใหญ่บนตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อิน ใบหน้ารูปไข่ไม่ได้แต่งแต้มอย่างพิถีพิถันอะไรมากนัก ก่อนเธอจะยื่นหน้าเข้าไปพินิจตัวเองใกล้ๆ จุดเด่นที่สุดบนใบหน้าของเธอก็คือดวงตาคู่เรียวที่ตรงหางชี้ขึ้นหน่อยๆเสริมให้ใบหน้าดูเก๋ขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่เธอยิ้มจนเห็นฟัน ดวงตาคู่นี้มักจะเป็นหยีขึ้นจนรูปสระอิแสดงถึงอารมณ์แจ่มใสทุกครั้ง ต่างจากกัญชรสที่แม้จะมีดวงตาแบบเดียวกัน แต่รอยยิ้มของเธอไม่เคยทำให้ดวงตาหยีสักที มธุรสได้รับจมูกโด่งจากพ่อ และได้ปากเรียวบางจากแม่ ที่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วกลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด ผมสีเข้มยาวแค่ประบ่ารับกับหน้าม้าปาดเฉียง ต่างจากผมของกัญชรสที่ยาวจนถึงกลางหลังและดัดตรงปลาย
หลายครั้งที่มีเสียงพอเข้าหูมาบ้างว่าเธอหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรมากมาย และหลายๆครั้งที่เวลาเธอออกไปถ่ายรูป ณ ต่างจังหวัด ก็จะมีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นด้วยหน้าตาแบบนี้แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังห่างไกลความสวยแบบ ‘ลูกกวาด’ อยู่หลายขุม และเธอจะเข้าไปทำงานในตำแหน่งของกัญชรสได้เช่นไร
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เบือนหน้าจากกระจกแล้วเดินออกจากห้องนอนของฝาแฝดผู้พี่ แม้จะยังข้องใจเรื่องกัญชรสกับภนนท์ แต่เรื่องเจ้านายของกัญชรส เธอก็ไม่คิดอยากจะปลอมตัวเข้าไปดูท่าทางของเขาเท่าไรนัก ในเมื่อเธอเองก็มีหน้าที่การงานของตัวเอง และแค่การตามล่าตัวกัญชรสกลับมาให้ได้ มันก็เป็นภาระหนักหนาพอแล้วในยามนี้
* หวานลับเล่ห์ * ๒
คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘ลูกอม’ ต้องเข้าไปพัวพันกับภารกิจลับ
ที่จะเปลี่ยนคืนวันของเธอ...ให้หวานตลอดไป
๒
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าส่องเข้ามาในห้องนอนโทนสีอบอุ่นของกัญชรสให้ดูน่าอยู่กว่าห้องของฝาแฝดคนน้องเป็นไหนๆ เสียงนกร้องอย่างหาฟังได้ยากในเมืองกรุงดังแผ่วไกลออกไปทุกที ใบไม้บนยอดกิ่งไหวกระทบกันน้อยๆเพราะกระแสลมรุ่งอรุณที่โชยมาเอื่อยๆ
มธุรสยืนนิ่งมองผ้าม่านผืนเบาสีครีมอ่อนยาวเรี่ยพื้นที่ ก่อนเดินไปแหวกม่านให้เปิดกว้าง แล้วระเบียงของห้องนอนบ้านหลังข้างๆก็ปรากฏแก่สายตา ม่านสีกรมท่าหนาทึบปิดสนิทอย่างที่เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องนั้นคงยังไม่ตื่น
ตื่นสายมาตั้งแต่เป็นเด็ก...จนโตก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ความคิดนั้นสามารถเรียกรอยยิ้มจางๆให้กระตุกขึ้นตรงมุมปาก ทั้งๆที่สมองยังคงเต็มไปด้วยเรื่องหนักชวนหนักใจ หญิงสาวปล่อยให้กระแสความทรงจำแห่งสมัยยังเยาว์วัยไหลผ่านเข้ามาในสมอง นึกถึงตอนที่เธอยังคงนอนห้องนี้ร่วมกับกัญชรสสมัยประถม
ตอนนั้นเธอชอบแหวกม่านตะโกนเรียกพี่นนท์ที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามนี้ให้ออกมานั่งตรงระเบียง แล้วชวนคุยเรื่องต่างๆนาๆตามประสาเด็กจนดึกดื่น ขณะที่กัญชรสมักจะหมกตัวอยู่อีกมุม นั่งอ่านการ์ตูนเสริมปัญญา ทำการบ้านอย่างขะมักเขม้น แล้วก็ชิงปิดไฟนอน ไม่ลืมที่จะส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือกมาให้คนทั้งสองที่คุยยังติดลมแล้วปิดม่านห้องนอนอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น แต่มธุรสเองก็ไม่สนใจเช่นกัน พอพักหนึ่งเริ่มง่วงก็ค่อยโบกมือแยกย้ายกลับเข้าห้องตัวเอง
และในทุกๆเช้าเช่นกัน...ที่เธอจะตื่นก่อนกัญชรส แหวกม่านออกแล้วตะโกนปลุกพี่ชายห้องตรงข้าม ก่อนจะส่งยิ้มทักทายกันเมื่อเขาโผล่หน้าพ้นจากม่านห้องตัวเองมาอย่างงัวเงีย
กิจกรรมเหล่านี้หายไปในวันที่เธอต้องแยกห้องกับกัญชรส
ความทรงจำนั้น... บัดนี้เป็นได้แค่เพียงความทรงจำสีจาง และไม่อาจจะกลับมามีสีสันสวยงามได้เช่นเดิม นับตั้งแต่วันที่กัญชรสได้ครองห้องนี้เพียงคนเดียว นานๆครั้งที่เธอจะเปิดม่าน ทั้งๆที่หลายครั้งภนนท์พยายามตะโกนมาทักทายอย่างอารมณ์ดี แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับไปคือม่านที่ยังปิดสนิทแนบชิดกันเท่านั้น
ไม่ต่างอะไรจากใจของกัญชรส...ที่นอกจากจะไม่ยอมเปิดออก ยังเลือกที่จะปิดตายและหนีไปพร้อมกับกุญแจอีกด้วย
มธุรสปล่อยให้ความคิดไหลกลับเข้าที่เข้าทาง ก่อนพยายามนึกว่าภาระวันนี้มีอะไรบ้าง เธอเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าแล้วกวาดสายตามองภายใน ยังคงหนักใจกับการหนีปัญหาของฝาแฝดตน มือฉวยจับชุดทำงานยี่ห้อหรูดูดีมีสไตล์ ทั้งสูทและกระโปรงมากมายหลากสีสันและรูปทรง บ่งบอกความเป็นสาวออฟฟิศระดับไฮเอนด์ของกัญชรสได้เป็นอย่างดี ต่างจากเธอที่เป็นช่างกล้องผู้ชอบรับจ็อบถ่ายรูปวิวเป็นส่วนใหญ่ ในตู้เสื้อผ้านั้นจึงมีแต่เสื้อเชิ้ตสไตล์ลุยๆกับกางเกงยีนส์เป็นเครื่องแบบหลัก
เนื้อความในจดหมายที่มธุรสรับรู้เมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง...คำขอร้องของกัญชรสที่ให้เธอเข้าไปทำงานแทนทำเอาเธอนั่งเครียดทั้งวันทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ และเมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง เธอก็ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างไปที่ทำงานของตนกับที่ทำงานของกัญชรส
‘ไม่ใช่ป๊ากับม้าไม่เป็นห่วงนะ แต่เราจะตามเขายังไง แล้วจะตามไปที่ไหน อย่างน้อยเขาก็ปลอดภัยดีแล้ว เอาไว้อมลองไปที่ทำงานเขาสักวันไหม ไม่ถึงขั้นต้องเข้าไปทำงานแทนหรอก แล้วถ้าได้เบาะแสอะไรก็ไปตามตัวกลับมา’
อมรผู้เป็นบิดาของเธอว่าด้วยสีหน้าอมทุกข์หลังกลับมาจากโรงงานเมื่อวาน อันที่จริง...การเป็นช่างกล้องทำให้เธอไม่ต้องเข้าบริษัททุกวันอยู่แล้ว แต่เพราะวันนี้มีการประชุมครั้งใหญ่ของโปรเจ็คต์ถ่ายภาพนอกสถานที่จึงไม่สามารถเลี่ยงได้
มธุรสเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าให้ปิดลง แล้วมองเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจกบานใหญ่บนตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อิน ใบหน้ารูปไข่ไม่ได้แต่งแต้มอย่างพิถีพิถันอะไรมากนัก ก่อนเธอจะยื่นหน้าเข้าไปพินิจตัวเองใกล้ๆ จุดเด่นที่สุดบนใบหน้าของเธอก็คือดวงตาคู่เรียวที่ตรงหางชี้ขึ้นหน่อยๆเสริมให้ใบหน้าดูเก๋ขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่เธอยิ้มจนเห็นฟัน ดวงตาคู่นี้มักจะเป็นหยีขึ้นจนรูปสระอิแสดงถึงอารมณ์แจ่มใสทุกครั้ง ต่างจากกัญชรสที่แม้จะมีดวงตาแบบเดียวกัน แต่รอยยิ้มของเธอไม่เคยทำให้ดวงตาหยีสักที มธุรสได้รับจมูกโด่งจากพ่อ และได้ปากเรียวบางจากแม่ ที่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วกลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด ผมสีเข้มยาวแค่ประบ่ารับกับหน้าม้าปาดเฉียง ต่างจากผมของกัญชรสที่ยาวจนถึงกลางหลังและดัดตรงปลาย
หลายครั้งที่มีเสียงพอเข้าหูมาบ้างว่าเธอหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรมากมาย และหลายๆครั้งที่เวลาเธอออกไปถ่ายรูป ณ ต่างจังหวัด ก็จะมีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นด้วยหน้าตาแบบนี้แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังห่างไกลความสวยแบบ ‘ลูกกวาด’ อยู่หลายขุม และเธอจะเข้าไปทำงานในตำแหน่งของกัญชรสได้เช่นไร
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เบือนหน้าจากกระจกแล้วเดินออกจากห้องนอนของฝาแฝดผู้พี่ แม้จะยังข้องใจเรื่องกัญชรสกับภนนท์ แต่เรื่องเจ้านายของกัญชรส เธอก็ไม่คิดอยากจะปลอมตัวเข้าไปดูท่าทางของเขาเท่าไรนัก ในเมื่อเธอเองก็มีหน้าที่การงานของตัวเอง และแค่การตามล่าตัวกัญชรสกลับมาให้ได้ มันก็เป็นภาระหนักหนาพอแล้วในยามนี้