เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดานักเรียนและนักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียน สถานศึกษาทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่ารับประทานอาหารไม่ค่อยอิ่มท้อง เนื่องจากแม่ค้าเปิดร้านจำหน่ายอาหารในโรงอาหารของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาตักอาหารให้ปริมาณน้อย ส่วนใหญ่อ้างว่าวัตถุดิบประกอบอาหารและก๊าซปรับราคาขึ้นทำให้ต้องลดต้นทุน แต่หากอยากได้เพิ่มขึ้นต้องสั่งอีกในราคาพิเศษ
น.ส.จุฑามาศ เกิดพิณ นักศึกษาชั้น ปวช. 3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการพิษณุโลก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้สั่งซื้ออาหารจานละ 15-20 บาทก็กินอิ่มท้องแล้ว แต่ปัจจุบันไม่ค่อยอิ่มท้องเท่าไหร่ เพราะแม่ค้าตักอาหารให้ปริมาณน้อย หากจะรับประทานให้อิ่มต้องสั่งเป็นพิเศษ นอกจากนี้แม่ค้าได้ปรับราคาแพงขึ้นอีกเมนูละ 5 บาท ส่วนใหญ่อ้างว่าก๊าซแพงและต้นทุนพุ่งทำให้มีกำไรน้อย จึงต้องลดต้นทุนด้วยการลดปริมาณลง
ทั้งนี้ จากที่เคยซื้อในราคา 20 บาท ปัจจุบันจะต้องซื้อในราคา 25 บาท หลังจากที่มีการปรับราคาก๊าซ ทางร้านค้าของโรงอาหารก็มีการปรับราคาขายแพงขึ้น ปริมาณอาหารลดลง ทำให้ตนเองได้รับผลกระทบ มีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินเพิ่มขึ้น
ด้านนางศราวรรณ ปิยะเวชการ เจ้าของร้านรสดี ที่จำหน่ายก๋วยเตี๋ยว ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการพิษณุโลก กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนในการทำก๋วยเตี๋ยวแพงขึ้น ทั้งค่าก๊าซ ค่าวัตถุดิบอื่นๆ ก๊าซหุงต้มที่ร้านของตน เคยซื้อในราคาถังละ 297 บาท ปัจจุบันต้องซื้อในราคาถังละ 315 บาท วัตถุดิบอื่นๆ อย่างเนื้อหมู เนื้อไก่ ก็แพงขึ้นด้วยเช่นกัน
นางศราวรรณ กล่าวอีกว่า จำเป็นต้องตักอาหารลดปริมาณลงกว่าปกติ เพื่อให้พอมีกำไรบ้าง เพราะตอนนี้ได้รับผลกระทบมาก จากต้นทุนที่แพงขึ้น ก็อยากให้ภาครัฐช่วยดูแลเรื่องต้นทุนให้ลดลง เพราะทางร้านไม่ต้องการที่จะผลักภาระให้กับนักเรียน นักศึกษา เพราะขณะนี้ที่ร้านป้าน้องก็จำเป็นต้องตักอาหารในปริมาณที่ลดลง ซึ่งก็สงสารเด็กๆ ที่รับประทานอาหารไม่อิ่ม
นายต้อม เลิศเสนา พ่อค้าขายข้าวแกง ร้านน้ำเงินตามสั่ง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ครอบครัวเปิดขายข้าวแกงราคาถูกตั้งแต่จานละ 10-15 บาท มานานกว่า 15 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่มีรายได้น้อย ก็เตรียมปรับขึ้นอย่างน้อยจานละ 5 บาท หลังแบกรับภาระต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซหุงต้มและสินค้าอีกหลายประเภทที่นำมาประกอบอาหารทุกชนิดปรับตัวขึ้นไม่หยุด
“หลังจากรัฐบาลปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นจากเดิมถังขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม ซื้อในราคาถังละ 300 บาท ปัจจุบันปรับขึ้นเป็นถังละ 320 บาท ประกอบกับเนื้อหมู ไก่ ไข่ ที่นำมาประกอบอาหารก็ปรับราคาขึ้นเช่นกัน ทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ถึงแม้จะขายหมดแต่กำไรก็ลดลง 20% จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวของแพงก่อนที่จะเดือดร้อนมากไปกว่านี้”นายต้อมกล่าว
อิอิ เข้ามาอ่าน กระทู้ข้างล่างบอก เก่ง-ชุมแสง ตาย หุหุ ก็เลยเอาข่าวช้ำใจแดงมาฝาก แพงพ่นพิษ!เด็กโอดกินข้าวไม่อิ่ม
น.ส.จุฑามาศ เกิดพิณ นักศึกษาชั้น ปวช. 3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการพิษณุโลก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้สั่งซื้ออาหารจานละ 15-20 บาทก็กินอิ่มท้องแล้ว แต่ปัจจุบันไม่ค่อยอิ่มท้องเท่าไหร่ เพราะแม่ค้าตักอาหารให้ปริมาณน้อย หากจะรับประทานให้อิ่มต้องสั่งเป็นพิเศษ นอกจากนี้แม่ค้าได้ปรับราคาแพงขึ้นอีกเมนูละ 5 บาท ส่วนใหญ่อ้างว่าก๊าซแพงและต้นทุนพุ่งทำให้มีกำไรน้อย จึงต้องลดต้นทุนด้วยการลดปริมาณลง
ทั้งนี้ จากที่เคยซื้อในราคา 20 บาท ปัจจุบันจะต้องซื้อในราคา 25 บาท หลังจากที่มีการปรับราคาก๊าซ ทางร้านค้าของโรงอาหารก็มีการปรับราคาขายแพงขึ้น ปริมาณอาหารลดลง ทำให้ตนเองได้รับผลกระทบ มีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินเพิ่มขึ้น
ด้านนางศราวรรณ ปิยะเวชการ เจ้าของร้านรสดี ที่จำหน่ายก๋วยเตี๋ยว ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการพิษณุโลก กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนในการทำก๋วยเตี๋ยวแพงขึ้น ทั้งค่าก๊าซ ค่าวัตถุดิบอื่นๆ ก๊าซหุงต้มที่ร้านของตน เคยซื้อในราคาถังละ 297 บาท ปัจจุบันต้องซื้อในราคาถังละ 315 บาท วัตถุดิบอื่นๆ อย่างเนื้อหมู เนื้อไก่ ก็แพงขึ้นด้วยเช่นกัน
นางศราวรรณ กล่าวอีกว่า จำเป็นต้องตักอาหารลดปริมาณลงกว่าปกติ เพื่อให้พอมีกำไรบ้าง เพราะตอนนี้ได้รับผลกระทบมาก จากต้นทุนที่แพงขึ้น ก็อยากให้ภาครัฐช่วยดูแลเรื่องต้นทุนให้ลดลง เพราะทางร้านไม่ต้องการที่จะผลักภาระให้กับนักเรียน นักศึกษา เพราะขณะนี้ที่ร้านป้าน้องก็จำเป็นต้องตักอาหารในปริมาณที่ลดลง ซึ่งก็สงสารเด็กๆ ที่รับประทานอาหารไม่อิ่ม
นายต้อม เลิศเสนา พ่อค้าขายข้าวแกง ร้านน้ำเงินตามสั่ง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ครอบครัวเปิดขายข้าวแกงราคาถูกตั้งแต่จานละ 10-15 บาท มานานกว่า 15 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่มีรายได้น้อย ก็เตรียมปรับขึ้นอย่างน้อยจานละ 5 บาท หลังแบกรับภาระต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซหุงต้มและสินค้าอีกหลายประเภทที่นำมาประกอบอาหารทุกชนิดปรับตัวขึ้นไม่หยุด
“หลังจากรัฐบาลปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นจากเดิมถังขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม ซื้อในราคาถังละ 300 บาท ปัจจุบันปรับขึ้นเป็นถังละ 320 บาท ประกอบกับเนื้อหมู ไก่ ไข่ ที่นำมาประกอบอาหารก็ปรับราคาขึ้นเช่นกัน ทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ถึงแม้จะขายหมดแต่กำไรก็ลดลง 20% จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวของแพงก่อนที่จะเดือดร้อนมากไปกว่านี้”นายต้อมกล่าว