กระแสความปรองดองทางการเมืองในประเทศไทย ก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์
ความเห็นของคนชั้นผู้นำอย่างอดีตนายกฯ อังกฤษ โทนี แบลร์ หรือ
อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ มาร์ตี อาห์ติซาริ และ ฟริซิลลา เฮย์เนอร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน
ที่ผ่านเรื่องของความขัดแย้งภายในประเทศมาแล้วทั้งนั้น
นอกจากนี้ยังมีการเสนอมุมมองจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่างๆ
เข้าร่วมด้วย อาทิ เยนส์ ออร์บัค อดีต รมว.ยุติธรรมสวีเดน ศ.สตีเฟน สเตทแมน
จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เคนท์ ฮาร์สเด็ดท์ สมาชิกรัฐสภาสวีเดน
ไมเคิล วาทิคิโอทิส ผอ.ภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น
ผู้ร่วมผนึกกำลังสู่อนาคตของประเทศไทยเหล่านี้ไม่ ธรรมดา
บางคนเข้ามาเก็บข้อมูลศึกษาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นเดือนๆ เป็น
เฟรนด์ ออฟ ไทยแลนด์ รู้และมองปัญหาเหนือความขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่ไม่ต้องการเห็น สงครามกลางเมือง เกิดขึ้นในประเทศไทย
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดวงปาฐกถาด้วยการตอกย้ำว่า รัฐบาลเคารพความเห็นต่าง
ยอมรับฟังเสียงส่วนน้อย ให้ความเท่าเทียมในสิทธิและเสรีภาพ ส่วนโทนี แบลร์
ให้ความเห็นจากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอังกฤษและสกอตแลนด์ระบุว่า
ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เท่านั้น ความขัดแย้งในประเทศไทย
คนไทยต้องแก้กันเองถึงจะยุติ และเห็นด้วยกับวิธีการปรองดองที่กำลังเดินหน้า
ปรากฏว่า ฝ่ายที่หลับหูหลับตาไม่เห็นด้วยกับแนวทาง วิธีการ ปรองดองทุกรูปแบบ
ได้พยายามยื่นหนังสือคัดค้านการจัดเวทีปรองดอง ให้ข่าวในทำนอง วิทยากร
ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาล นอกจากไม่ให้ความร่วมมือแล้ว
ยังขัดขวางการปรองดองทุกวิถีทาง
ย้อนอดีตถึงวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทยล้มล้างอำนาจการปกครอง
ตามระบอบประชาธิปไตย หลายครั้ง โดยวิธีการต่างๆ ที่ฝ่าฝืนกับวิถีและครรลอง
ของประชาธิปไตย เช่น ขัดขวางการเลือกตั้งจนทำให้การเมืองวิบัติไปจาก
วิถีความจริง เสียงข้างมาก ถูกกดให้อยู่ในกรอบของประชาธิปไตยเป็นไม้บรรทัด
แต่เสียงข้างน้อย ฝ่าฝืนขัดขืน หลีกเลี่ยงที่จะยอมรับในกติกาอยู่ตลอดเวลา
ประชาธิปไตยจะก้าวหน้าไม่ได้ ถ้าไม่ก้าวข้าม ความขัดแย้งในอดีต ไม่ใช่แค่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่หมายถึง ความขัดแย้งระหว่าง
เผด็จการซ่อนรูปและประชาธิปไตยอ่อนแอ ที่ถูกเสี้ยมให้ชนกันทุกยุคทุกสมัย
ความคิดการเมืองแบบเก่ากับการพัฒนาของโลกยุคใหม่
จึงนำไปสู่ความขัดแย้งในระบบการบริหาร การปกครองโดยสิ้นเชิง
มีคนอยู่สองกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางการเมือง คือ
กลุ่มการเมืองและกลุ่มธุรกิจ
ชาวบ้านตาดำๆต้องรับกรรมไปตามระเบียบ.
หมัดเหล็กไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/367438
วันนี้เปลี่ยนมาอ่าน "หมัดเหล็ก" ดูบ้าง เพื่อนๆจะสนับสนุนแบบไหน
ผนึกกำลังสู่อนาคต คาบลูกคาบดอก หมัดเหล็ก ไทยรัฐออนไลน์
ความเห็นของคนชั้นผู้นำอย่างอดีตนายกฯ อังกฤษ โทนี แบลร์ หรือ
อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ มาร์ตี อาห์ติซาริ และ ฟริซิลลา เฮย์เนอร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน
ที่ผ่านเรื่องของความขัดแย้งภายในประเทศมาแล้วทั้งนั้น
นอกจากนี้ยังมีการเสนอมุมมองจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่างๆ
เข้าร่วมด้วย อาทิ เยนส์ ออร์บัค อดีต รมว.ยุติธรรมสวีเดน ศ.สตีเฟน สเตทแมน
จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เคนท์ ฮาร์สเด็ดท์ สมาชิกรัฐสภาสวีเดน
ไมเคิล วาทิคิโอทิส ผอ.ภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น
ผู้ร่วมผนึกกำลังสู่อนาคตของประเทศไทยเหล่านี้ไม่ ธรรมดา
บางคนเข้ามาเก็บข้อมูลศึกษาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นเดือนๆ เป็น
เฟรนด์ ออฟ ไทยแลนด์ รู้และมองปัญหาเหนือความขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่ไม่ต้องการเห็น สงครามกลางเมือง เกิดขึ้นในประเทศไทย
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดวงปาฐกถาด้วยการตอกย้ำว่า รัฐบาลเคารพความเห็นต่าง
ยอมรับฟังเสียงส่วนน้อย ให้ความเท่าเทียมในสิทธิและเสรีภาพ ส่วนโทนี แบลร์
ให้ความเห็นจากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอังกฤษและสกอตแลนด์ระบุว่า
ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เท่านั้น ความขัดแย้งในประเทศไทย
คนไทยต้องแก้กันเองถึงจะยุติ และเห็นด้วยกับวิธีการปรองดองที่กำลังเดินหน้า
ปรากฏว่า ฝ่ายที่หลับหูหลับตาไม่เห็นด้วยกับแนวทาง วิธีการ ปรองดองทุกรูปแบบ
ได้พยายามยื่นหนังสือคัดค้านการจัดเวทีปรองดอง ให้ข่าวในทำนอง วิทยากร
ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาล นอกจากไม่ให้ความร่วมมือแล้ว
ยังขัดขวางการปรองดองทุกวิถีทาง
ย้อนอดีตถึงวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทยล้มล้างอำนาจการปกครอง
ตามระบอบประชาธิปไตย หลายครั้ง โดยวิธีการต่างๆ ที่ฝ่าฝืนกับวิถีและครรลอง
ของประชาธิปไตย เช่น ขัดขวางการเลือกตั้งจนทำให้การเมืองวิบัติไปจาก
วิถีความจริง เสียงข้างมาก ถูกกดให้อยู่ในกรอบของประชาธิปไตยเป็นไม้บรรทัด
แต่เสียงข้างน้อย ฝ่าฝืนขัดขืน หลีกเลี่ยงที่จะยอมรับในกติกาอยู่ตลอดเวลา
ประชาธิปไตยจะก้าวหน้าไม่ได้ ถ้าไม่ก้าวข้าม ความขัดแย้งในอดีต ไม่ใช่แค่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่หมายถึง ความขัดแย้งระหว่าง
เผด็จการซ่อนรูปและประชาธิปไตยอ่อนแอ ที่ถูกเสี้ยมให้ชนกันทุกยุคทุกสมัย
ความคิดการเมืองแบบเก่ากับการพัฒนาของโลกยุคใหม่
จึงนำไปสู่ความขัดแย้งในระบบการบริหาร การปกครองโดยสิ้นเชิง
มีคนอยู่สองกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางการเมือง คือ
กลุ่มการเมืองและกลุ่มธุรกิจ
ชาวบ้านตาดำๆต้องรับกรรมไปตามระเบียบ.
หมัดเหล็กไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/367438
วันนี้เปลี่ยนมาอ่าน "หมัดเหล็ก" ดูบ้าง เพื่อนๆจะสนับสนุนแบบไหน