"โฆษกรัฐบาล" เผย "จีน" พร้อมสนับสนุนไทยยกระดับอุตสาหกรรมยางพารา ด้าน"นพดล" โพสต์เฟซบุ๊ก เผยนายกฯจีนสนใจซื้อข้าวไทยเพิ่มล้านตัน
วันที่ 3 ก.ย.56 นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางเยือนนครหนางหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ได้มีโอกาสพบปะหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนของจีนเกี่ยวกับการสนับสนุนสินค้าเกษตรของไทยโดยเฉพาะยางพารา ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนจีน พร้อมให้การสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทยอย่างเต็มที่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อ เฉียง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนบอกว่าสนใจยางพาราของไทย เพราะจีนมีความต้องการยางพาราเพื่อมาพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงจะมอบหมายให้มีการประสานงานกับภาคเอกชนในการเจรจากับไทยต่อไป ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังได้ชักชวนให้จีนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ Rubber City ของไทย โดยเห็นว่าจีนมีเทคโนโลยีการแปรรูปยางพาราที่ก้าวหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนตอบรับในโครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนได้พาประธานบริษัทรับเบอร์วัลเลย์ (Rubber Valley) ซึ่งเป็นบริษัทยางพาราที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจีนเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยภาคเอกชนของจีนกล่าวว่าปัจจุบันกำลังการผลิตยางพาราทั่วโลกมีประมาณ 10 ล้านตัน เฉพาะจีนประเทศเดียวมีความต้องการบริโภคยางพาราถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 3 ล้าน 5 แสนตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับที่ประเทศไทยผลิตได้ ดังนั้นถ้าไทยกับจีนจับมือเป็นพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมยางพาราแล้ว จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย เพราะไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตยางพาราต้นน้ำ สามารถที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศจีนที่นำยางพาราไปแปรรูปต่อได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ชักชวนให้เอกชนจีนเข้าไปลงทุนและนำเทคโนโลยีการแปรรูปยางพาราไปที่ประเทศไทย โดยไทยพร้อมต้อนรับและให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และได้มอบหมายให้นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน หารือร่วมกับเอกชนจีนต่อไป
ขณะเดียวกันจีนอยู่ระหว่างการผลักดันให้การกำหนดราคายางพารามาจากประเทศผู้ผลิต ไม่ใช่เกิดจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศซึ่งสร้างความผันผวนให้กับราคายางพารามาก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมงานครบรอบ 10 ปีการจัดงานจีน-อาเซียนเอ็กซ์โป ที่นครหนานหนิงเพราะเป็นสัญลักษณ์ในการเติบโตที่เข้มของของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างจีนและอาเซียน โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างเอกชน ซึ่งเห็นได้จากมูลค่าการค้าขายในงานอาเซียน-จีนเอ็กซ์โปในปี 2555 ที่ผ่านมา มีมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์และคาดว่าปีนี้มูลค่าการจะเติบโตมากขึ้น โดยในงานนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมหลายร้อยราย ทำให้ไทยเป็น 1 ในประเทศอาเซียนที่มีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมงานมากที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จของการจัดงานนี้มาจากวิสัยทัศน์ของอาเซียนและจีนที่มุ่งหน้าแสวงหาความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งนำมาสู่การจัดทำการเปิดเสรีการค้าระหว่างกันหรือ FTA ASEAN-CHINA และทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียนตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจีนและอาเซียนยังสามารถที่จะขยายความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยอยากเห็นการเพิ่มการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงขยายจำนวนรายการสินค้าที่เปิดเสรีระหว่างกันให้หลากหลายมากขึ้น และลดกำแพงที่ไม่ใช่ภาษีลง
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำถึงการเชื่อมโยงระหว่างจีนและอาเซียน หรือ Connectivity มีความสำคัญมาก เพื่อทำให้การค้า การไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนกับประชาชนสะดวกมากขึ้น ดังนั้นประเทศต่างจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง กฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายของสินค้าและประชากรระหว่างกันได้ง่ายขึ้น เช่นการเชื่อมเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงกับประเทศในอาเซียน ทั้งนี้ไทยเตรียมลงทุนครั้งใหญ่มูลค่า 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงภายในปี 2020 ที่สามารถเชื่อมผ่าน สปป.ลาว ไปยังประเทศจีนได้ จึงอยากให้ทั้งสามประเทศคือจีน ลาว และไทย หารือกันอย่างเร่งด่วนในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของจีนและอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและจีน ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ดังนั้นไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียนจีนจะทำงานอย่างเต็มที่ในการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีความแน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ระหว่างกันของทั้งอาเซียนและจีน
"นพดล" โพสต์เฟซบุ๊ก เผยนายกฯจีนสนใจซื้อข้าวไทยเพิ่มล้านตัน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Noppadon Pattama ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พบหารือกับนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ว่านายกรัฐมนตรีจีนหลี่ เค่อ เฉียง ระบุว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนมิตรภาพระหว่างกัน จีนยินดีที่จะซื้อข้าวจากไทยเพิ่มอีก 1 ล้านตัน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกันในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ จีนมีความสนใจในยางพาราจากประเทศไทย เพราะเป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่สำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม โดยพร้อมที่จะสนับสนุนให้เอกชนจีนเข้าร่วมลงทุนในโครงการแปรรูปยางพาราในประเทศไทย ตามข้อเสนอให้เกิดเป็นเมืองแห่งยางพารา หรือ RUBBER CITY ในประเทศไทย
http://www.komchadluek.net/detail/20130903/167279/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87.html#.UiXpwtLwb3U
=======================================
อ่านให้จบนะสาปสลิ่ม แล้วไม่ต้องมาถามว่า นำข่าวมาจากไหนอีก
เพราะท้ายข่าว ก็แจ้งที่มา ที่ไปทุกครั้ง อันนี้เป็นสำนักข่าวสลิ่มโดยตรง
เลยก๊อปมาให้ดู
'จีน'หนุนไทยยกระดับอุตสาหกรรมยาง
"โฆษกรัฐบาล" เผย "จีน" พร้อมสนับสนุนไทยยกระดับอุตสาหกรรมยางพารา ด้าน"นพดล" โพสต์เฟซบุ๊ก เผยนายกฯจีนสนใจซื้อข้าวไทยเพิ่มล้านตัน
วันที่ 3 ก.ย.56 นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางเยือนนครหนางหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ได้มีโอกาสพบปะหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนของจีนเกี่ยวกับการสนับสนุนสินค้าเกษตรของไทยโดยเฉพาะยางพารา ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนจีน พร้อมให้การสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทยอย่างเต็มที่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อ เฉียง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนบอกว่าสนใจยางพาราของไทย เพราะจีนมีความต้องการยางพาราเพื่อมาพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงจะมอบหมายให้มีการประสานงานกับภาคเอกชนในการเจรจากับไทยต่อไป ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังได้ชักชวนให้จีนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ Rubber City ของไทย โดยเห็นว่าจีนมีเทคโนโลยีการแปรรูปยางพาราที่ก้าวหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนตอบรับในโครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนได้พาประธานบริษัทรับเบอร์วัลเลย์ (Rubber Valley) ซึ่งเป็นบริษัทยางพาราที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจีนเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยภาคเอกชนของจีนกล่าวว่าปัจจุบันกำลังการผลิตยางพาราทั่วโลกมีประมาณ 10 ล้านตัน เฉพาะจีนประเทศเดียวมีความต้องการบริโภคยางพาราถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 3 ล้าน 5 แสนตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับที่ประเทศไทยผลิตได้ ดังนั้นถ้าไทยกับจีนจับมือเป็นพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมยางพาราแล้ว จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย เพราะไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตยางพาราต้นน้ำ สามารถที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศจีนที่นำยางพาราไปแปรรูปต่อได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ชักชวนให้เอกชนจีนเข้าไปลงทุนและนำเทคโนโลยีการแปรรูปยางพาราไปที่ประเทศไทย โดยไทยพร้อมต้อนรับและให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และได้มอบหมายให้นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน หารือร่วมกับเอกชนจีนต่อไป
ขณะเดียวกันจีนอยู่ระหว่างการผลักดันให้การกำหนดราคายางพารามาจากประเทศผู้ผลิต ไม่ใช่เกิดจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศซึ่งสร้างความผันผวนให้กับราคายางพารามาก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมงานครบรอบ 10 ปีการจัดงานจีน-อาเซียนเอ็กซ์โป ที่นครหนานหนิงเพราะเป็นสัญลักษณ์ในการเติบโตที่เข้มของของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างจีนและอาเซียน โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างเอกชน ซึ่งเห็นได้จากมูลค่าการค้าขายในงานอาเซียน-จีนเอ็กซ์โปในปี 2555 ที่ผ่านมา มีมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์และคาดว่าปีนี้มูลค่าการจะเติบโตมากขึ้น โดยในงานนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมหลายร้อยราย ทำให้ไทยเป็น 1 ในประเทศอาเซียนที่มีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมงานมากที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จของการจัดงานนี้มาจากวิสัยทัศน์ของอาเซียนและจีนที่มุ่งหน้าแสวงหาความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งนำมาสู่การจัดทำการเปิดเสรีการค้าระหว่างกันหรือ FTA ASEAN-CHINA และทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียนตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจีนและอาเซียนยังสามารถที่จะขยายความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยอยากเห็นการเพิ่มการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงขยายจำนวนรายการสินค้าที่เปิดเสรีระหว่างกันให้หลากหลายมากขึ้น และลดกำแพงที่ไม่ใช่ภาษีลง
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำถึงการเชื่อมโยงระหว่างจีนและอาเซียน หรือ Connectivity มีความสำคัญมาก เพื่อทำให้การค้า การไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนกับประชาชนสะดวกมากขึ้น ดังนั้นประเทศต่างจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง กฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายของสินค้าและประชากรระหว่างกันได้ง่ายขึ้น เช่นการเชื่อมเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงกับประเทศในอาเซียน ทั้งนี้ไทยเตรียมลงทุนครั้งใหญ่มูลค่า 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงภายในปี 2020 ที่สามารถเชื่อมผ่าน สปป.ลาว ไปยังประเทศจีนได้ จึงอยากให้ทั้งสามประเทศคือจีน ลาว และไทย หารือกันอย่างเร่งด่วนในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของจีนและอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและจีน ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ดังนั้นไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียนจีนจะทำงานอย่างเต็มที่ในการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีความแน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ระหว่างกันของทั้งอาเซียนและจีน
"นพดล" โพสต์เฟซบุ๊ก เผยนายกฯจีนสนใจซื้อข้าวไทยเพิ่มล้านตัน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Noppadon Pattama ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พบหารือกับนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ว่านายกรัฐมนตรีจีนหลี่ เค่อ เฉียง ระบุว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนมิตรภาพระหว่างกัน จีนยินดีที่จะซื้อข้าวจากไทยเพิ่มอีก 1 ล้านตัน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกันในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ จีนมีความสนใจในยางพาราจากประเทศไทย เพราะเป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่สำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม โดยพร้อมที่จะสนับสนุนให้เอกชนจีนเข้าร่วมลงทุนในโครงการแปรรูปยางพาราในประเทศไทย ตามข้อเสนอให้เกิดเป็นเมืองแห่งยางพารา หรือ RUBBER CITY ในประเทศไทย
http://www.komchadluek.net/detail/20130903/167279/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87.html#.UiXpwtLwb3U
=======================================
อ่านให้จบนะสาปสลิ่ม แล้วไม่ต้องมาถามว่า นำข่าวมาจากไหนอีก
เพราะท้ายข่าว ก็แจ้งที่มา ที่ไปทุกครั้ง อันนี้เป็นสำนักข่าวสลิ่มโดยตรง
เลยก๊อปมาให้ดู