เชื่อว่านักลงทุนมือใหม่หลายๆ ท่านคงเคยตั้งคำถามนี้ ...หุ้น IPO คืออะไร ?
เมื่อบริษัทนำหุ้นออกขายต่อประชาชนทั่วไปโดยตรงครั้งแรก เราจะเรียกว่า การเสนอขายหุ้น IPO (initial public offering) หรือการนำหุ้นออกขายในตลาดแรก
หลังจากที่บริษัทได้เสนอขายหุ้นในตลาดแรกไปแล้ว ส่วนใหญ่บริษัทก็จะนำหลักทรัพย์เหล่านั้นเข้าไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองเพื่อให้เกิดการซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ โดยปัจจุบันในบ้านเรามีตลาดรองซื้อขายหุ้นได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สำหรับหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) สำหรับหุ้นที่มีขนาดเล็กแต่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง ส่วนบริษัทที่นำหุ้นไปจดทะเบียนนั้นก็จะเรียกว่า “บริษัทจดทะเบียน”
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า หุ้นทุก ๆ ตัวในตลาดหลักทรัพย์ก็จะต้องผ่านการซื้อ-ขายมาแล้วทั้ง 2 ตลาด
การที่ผู้ลงทุนตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้น IPO นั้น ก็เพื่อร่วมเป็นเจ้าของบริษัทโดยสามารถซื้อหุ้นในราคาที่เสนอขายครั้งแรก ซึ่งผู้ลงทุนบางคนก็อาจรอดูสถานการณ์การลงทุนไปอีกสักระยะเพื่อดูผลประกอบการของบริษัทก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจลงทุนในตลาดรองต่อไป เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นนั้น
เมื่อสนใจจะลงทุนในหุ้น IPO ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนซึ่งประกอบด้วยข้อมูลของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (เช่น ประกอบกิจการอะไร มีฐานะการเงินและผลประกอบการในอดีตเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหาร) ผลตอบแทน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ (บริษัทต้องการขายหุ้นประเภทใด ราคาเท่าไหร่ คำนวณราคา IPO มาได้ยังไง เข้ามาจดทะเบียนในตลาดด้วยเงื่อนไขไหน จะระดมทุนไปทำอะไร) ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสรรและวิธีการจองซื้อหลักทรัพย์ เป็นต้น
ในการจองซื้อหุ้น IPO จะต้องทำผ่านตัวแทนการจัดจำหน่าย ซึ่งอาจจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารพาณิชย์ที่มีใบอนุญาตในการเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ผู้ลงทุนสามารถดูรายชื่อของผู้จัดจำหน่ายได้ในหนังสือชี้ชวน ในกรณีที่หุ้น IPO ตัวนั้นได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลามทำให้มีการจองซื้อสูงกว่าจำนวนหลักทรัพย์ที่จะเสนอขาย บริษัทก็จะใช้วิธีการจัดสรรตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน เช่น ใช้วิธีการสุ่มคัดเลือกผู้จองซื้อที่มีสิทธิจะได้รับการจัดสรร (random) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีการจัดสรรด้วยวิธีการใด ผู้จองซื้อจะมีสิทธิได้รับการจัดสรรก็ต่อเมื่อได้ชำระเงินการจองซื้อครบถ้วน เมื่อผู้ลงทุนจองซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถติดตามผลการจัดสรรได้จากตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ แต่ถ้าไม่ได้รับการจัดสรร ตัวแทนการจัดจำหน่ายก็จะคืนเงินค่าจองซื้อให้
ข้อควรระวังคือ ไม่ควรด่วนตัดสินใจจอง IPO โดยไม่หาข้อมูล เพื่อคาดหวังทำกำไรระยะสั้น เพราะจากสถิติที่ผ่านมา หุ้น IPO ก็ไม่ได้ทำกำไรตอนเปิดขายที่ตลาดรองได้เสมอไปนะจ๊ะ (แม้ส่วนมากจะกำไรก็เถอะ)
ติดตามตอนเก่าๆ ได้ในบล็อกจาก
http://www.maoinvestor.com
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุนได้ในเฟชจ้า
สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: รู้ก่อนลงทุนหุ้น IPO
เมื่อบริษัทนำหุ้นออกขายต่อประชาชนทั่วไปโดยตรงครั้งแรก เราจะเรียกว่า การเสนอขายหุ้น IPO (initial public offering) หรือการนำหุ้นออกขายในตลาดแรก
หลังจากที่บริษัทได้เสนอขายหุ้นในตลาดแรกไปแล้ว ส่วนใหญ่บริษัทก็จะนำหลักทรัพย์เหล่านั้นเข้าไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองเพื่อให้เกิดการซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ โดยปัจจุบันในบ้านเรามีตลาดรองซื้อขายหุ้นได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สำหรับหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) สำหรับหุ้นที่มีขนาดเล็กแต่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง ส่วนบริษัทที่นำหุ้นไปจดทะเบียนนั้นก็จะเรียกว่า “บริษัทจดทะเบียน”
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า หุ้นทุก ๆ ตัวในตลาดหลักทรัพย์ก็จะต้องผ่านการซื้อ-ขายมาแล้วทั้ง 2 ตลาด
การที่ผู้ลงทุนตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้น IPO นั้น ก็เพื่อร่วมเป็นเจ้าของบริษัทโดยสามารถซื้อหุ้นในราคาที่เสนอขายครั้งแรก ซึ่งผู้ลงทุนบางคนก็อาจรอดูสถานการณ์การลงทุนไปอีกสักระยะเพื่อดูผลประกอบการของบริษัทก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจลงทุนในตลาดรองต่อไป เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นนั้น
เมื่อสนใจจะลงทุนในหุ้น IPO ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนซึ่งประกอบด้วยข้อมูลของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (เช่น ประกอบกิจการอะไร มีฐานะการเงินและผลประกอบการในอดีตเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหาร) ผลตอบแทน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ (บริษัทต้องการขายหุ้นประเภทใด ราคาเท่าไหร่ คำนวณราคา IPO มาได้ยังไง เข้ามาจดทะเบียนในตลาดด้วยเงื่อนไขไหน จะระดมทุนไปทำอะไร) ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสรรและวิธีการจองซื้อหลักทรัพย์ เป็นต้น
ในการจองซื้อหุ้น IPO จะต้องทำผ่านตัวแทนการจัดจำหน่าย ซึ่งอาจจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารพาณิชย์ที่มีใบอนุญาตในการเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ผู้ลงทุนสามารถดูรายชื่อของผู้จัดจำหน่ายได้ในหนังสือชี้ชวน ในกรณีที่หุ้น IPO ตัวนั้นได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลามทำให้มีการจองซื้อสูงกว่าจำนวนหลักทรัพย์ที่จะเสนอขาย บริษัทก็จะใช้วิธีการจัดสรรตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน เช่น ใช้วิธีการสุ่มคัดเลือกผู้จองซื้อที่มีสิทธิจะได้รับการจัดสรร (random) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีการจัดสรรด้วยวิธีการใด ผู้จองซื้อจะมีสิทธิได้รับการจัดสรรก็ต่อเมื่อได้ชำระเงินการจองซื้อครบถ้วน เมื่อผู้ลงทุนจองซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถติดตามผลการจัดสรรได้จากตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ แต่ถ้าไม่ได้รับการจัดสรร ตัวแทนการจัดจำหน่ายก็จะคืนเงินค่าจองซื้อให้
ข้อควรระวังคือ ไม่ควรด่วนตัดสินใจจอง IPO โดยไม่หาข้อมูล เพื่อคาดหวังทำกำไรระยะสั้น เพราะจากสถิติที่ผ่านมา หุ้น IPO ก็ไม่ได้ทำกำไรตอนเปิดขายที่ตลาดรองได้เสมอไปนะจ๊ะ (แม้ส่วนมากจะกำไรก็เถอะ)
ติดตามตอนเก่าๆ ได้ในบล็อกจาก http://www.maoinvestor.com
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุนได้ในเฟชจ้า