
ชีวิตพอเพียง แล้วเพียงพอจริงหรือ?
เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ไปทำธุระ ตจว. เมื่อจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จแล้ว ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณยายท่านหนึ่ง ที่มารักษานิ่วที่ รพ.ประจำจังหวัด พูดคุยกับคุณยายได้ความว่า คุณยายมา รพ.ด้วยตัวเอง แต่ก่อนก็เหมารถมาค่าใช้จ่ายก็เยอะ "ค่ารักษาไม่ต้องเสียเพราะยายแก่แล้ว เสียแต่ค่ารถค่าเดินทาง ถ้าเหมารถมาทีหนึ่งก็สองสามพัน ตอนหลัง นั่งรถมาเองได้ก็ค่อยยังชั่ว ไม่ต้องเรียกรถ เรียกคน" คุณยายมีลูก 6 คน ลูกชายลูกสาวแต่งงาน แล้วก็แยกบ้านออกไป ลูกสาวคนเล็กส่งเงินมาให้คุณยายคนเดียว เงินที่ลูกสาวคนเล็กให้มาก็พอได้มีค่ารถนั่งมา รพ. "ลูกสาวส่งเงินมาให้เดือนละพัน สองพัน ลูกสาวเค้ามีครอบครัวแล้ว ทำงานรับจ้างเค้าก็ได้เดือนละหกพัน ลูกคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ส่งเสียอะไร แต่ก็มาดูบ้าง ส่วนลูกชายสองคนพอมีครอบครัวแล้วก็ไม่เคยเห็นอีกเลย" คุณยายอยู่กับตาและแม่ของคุณยายอีกคน 3 ชีวิตวัยชราที่ต้องดูแลตัวเอง
"ตามายกบ้านใหม่ อยู่ในนา" คุณยายเล่า "แต่ก่อนก็อยู่กันในหมู่บ้าน แต่พอที่ดินขึ้นเกลือ ทุกบ้านก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น ถ้าดินขึ้นเกลือแล้วมันก็อยู่ไม่ได้" โอ้โห ทำไมชีวิตมันถึงได้ยากลำบากขนาดนี้หนอ บ้านที่ว่าเคยอยู่เคยกินเป็นสิบๆ ปียังอยู่ไม่ได้ อยู่ๆ ก็ต้องมาย้ายบ้านตอนแก่ตอนเฒ่า พอมายกเรือนใหม่อยู่ในนาของตัวเอง น้ำ-ไฟก็ยังเข้าไม่ถึง "มันต้องมี 5 หลังถึงจะขอไฟเข้ามาได้ เคยขอเค้าแล้ว เค้าไม่มาลงไฟให้ ทุกวันนี้ยายก็จุดตะเกียงใช้" ยุคนี้สมัยนี้ ยังต้องจุดตะเกียงใช้อีกรึมีหลังคาเรือนเดียวทำไมไม่มาต่อไฟให้ยายใช้นะ ค่าใช้จ่ายเดินไฟเข้ามาให้บ้านหนึ่งหลังคาเรือนมันจะเยอะแค่ไหนกัน หรือมันทำให้เสียเวลาทำงานมากเลยรึ ด้วยความสงสัยจึงถามคุณยายว่า "เอ้า แล้วยายอยู่กินยังงัย ซื้อหากับข้าวมากินยังงัย" คุณยายตอบว่า "ข้าวก็จากได้นาที่ทำ ส่วนกับข้าวตาก็ไปหาปลาในนามา ถ้าได้เยอะ ยายก็จะตากเอาไว้ ตำน้ำพริกแจ่วกิน ผักก็ขึ้นเอง ก็เก็บมากินต้มจิ้มแจ่ว"
ฟังจากที่คุณยายเล่าแล้ว ชีวิตก็ดูง่ายๆ แต่ในความจริงแล้วมันไม่ง่าย ยิ่งอยู่ในวัยชราแล้วต้องดูแลกันเอง 3 ชีวิต ถ้าป่วยไข้ไม่สบายขึ้นมาก็ยิ่งลำบาก ใครจะไปรู้ว่าบ้านเคยอยู่มาทั้งชีวิต อยู่ๆ ก็ต้องย้ายเอาตอนแก่ ชีวิตอยู่กันแบบยิ่งกว่าพอเพียง แต่คำว่าพอเพียงนี้ มันเพียงพอจริงๆ หรือ สำหรับชีวิตคนในยามแก่ชรา
ชีวิตพอเพียง แล้วเพียงพอจริงหรือ?
ชีวิตพอเพียง แล้วเพียงพอจริงหรือ?
เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ไปทำธุระ ตจว. เมื่อจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จแล้ว ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณยายท่านหนึ่ง ที่มารักษานิ่วที่ รพ.ประจำจังหวัด พูดคุยกับคุณยายได้ความว่า คุณยายมา รพ.ด้วยตัวเอง แต่ก่อนก็เหมารถมาค่าใช้จ่ายก็เยอะ "ค่ารักษาไม่ต้องเสียเพราะยายแก่แล้ว เสียแต่ค่ารถค่าเดินทาง ถ้าเหมารถมาทีหนึ่งก็สองสามพัน ตอนหลัง นั่งรถมาเองได้ก็ค่อยยังชั่ว ไม่ต้องเรียกรถ เรียกคน" คุณยายมีลูก 6 คน ลูกชายลูกสาวแต่งงาน แล้วก็แยกบ้านออกไป ลูกสาวคนเล็กส่งเงินมาให้คุณยายคนเดียว เงินที่ลูกสาวคนเล็กให้มาก็พอได้มีค่ารถนั่งมา รพ. "ลูกสาวส่งเงินมาให้เดือนละพัน สองพัน ลูกสาวเค้ามีครอบครัวแล้ว ทำงานรับจ้างเค้าก็ได้เดือนละหกพัน ลูกคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ส่งเสียอะไร แต่ก็มาดูบ้าง ส่วนลูกชายสองคนพอมีครอบครัวแล้วก็ไม่เคยเห็นอีกเลย" คุณยายอยู่กับตาและแม่ของคุณยายอีกคน 3 ชีวิตวัยชราที่ต้องดูแลตัวเอง
"ตามายกบ้านใหม่ อยู่ในนา" คุณยายเล่า "แต่ก่อนก็อยู่กันในหมู่บ้าน แต่พอที่ดินขึ้นเกลือ ทุกบ้านก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น ถ้าดินขึ้นเกลือแล้วมันก็อยู่ไม่ได้" โอ้โห ทำไมชีวิตมันถึงได้ยากลำบากขนาดนี้หนอ บ้านที่ว่าเคยอยู่เคยกินเป็นสิบๆ ปียังอยู่ไม่ได้ อยู่ๆ ก็ต้องมาย้ายบ้านตอนแก่ตอนเฒ่า พอมายกเรือนใหม่อยู่ในนาของตัวเอง น้ำ-ไฟก็ยังเข้าไม่ถึง "มันต้องมี 5 หลังถึงจะขอไฟเข้ามาได้ เคยขอเค้าแล้ว เค้าไม่มาลงไฟให้ ทุกวันนี้ยายก็จุดตะเกียงใช้" ยุคนี้สมัยนี้ ยังต้องจุดตะเกียงใช้อีกรึมีหลังคาเรือนเดียวทำไมไม่มาต่อไฟให้ยายใช้นะ ค่าใช้จ่ายเดินไฟเข้ามาให้บ้านหนึ่งหลังคาเรือนมันจะเยอะแค่ไหนกัน หรือมันทำให้เสียเวลาทำงานมากเลยรึ ด้วยความสงสัยจึงถามคุณยายว่า "เอ้า แล้วยายอยู่กินยังงัย ซื้อหากับข้าวมากินยังงัย" คุณยายตอบว่า "ข้าวก็จากได้นาที่ทำ ส่วนกับข้าวตาก็ไปหาปลาในนามา ถ้าได้เยอะ ยายก็จะตากเอาไว้ ตำน้ำพริกแจ่วกิน ผักก็ขึ้นเอง ก็เก็บมากินต้มจิ้มแจ่ว"
ฟังจากที่คุณยายเล่าแล้ว ชีวิตก็ดูง่ายๆ แต่ในความจริงแล้วมันไม่ง่าย ยิ่งอยู่ในวัยชราแล้วต้องดูแลกันเอง 3 ชีวิต ถ้าป่วยไข้ไม่สบายขึ้นมาก็ยิ่งลำบาก ใครจะไปรู้ว่าบ้านเคยอยู่มาทั้งชีวิต อยู่ๆ ก็ต้องย้ายเอาตอนแก่ ชีวิตอยู่กันแบบยิ่งกว่าพอเพียง แต่คำว่าพอเพียงนี้ มันเพียงพอจริงๆ หรือ สำหรับชีวิตคนในยามแก่ชรา