สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ว่าทางการสหรัฐประกาศเดินหน้าการเป็นฝ่ายเปิดฉากภารกิจโจมตีทางทหารต่อซีเรีย แม้จะไม่ได้รับความสนับสนุนจากพันธมิตรหรือสหประชาชาติ โดยให้เหตุผลว่า กระบวนการทางการทูตไม่อาจทำให้รัฐบาลซีเรีย "สำนึก" ต่อสิ่งที่ทำลงไปได้
นางสาวมารี ฮาร์ฟ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์พีบีเอส แสดงความมั่นใจว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย คือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. คร่าชีวิตประชาชนกว่า 1,300 ศพ ว่าอัสซาดต้อง "รับผิดชอบ" ต่อการเสียชีวิตของประชาชนทั้งหมด แม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้บงการโดยตรงก็ตาม
ฮาร์ฟกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ปัจจุบันถือว่าตึงเครียดอย่างมาก นอกจากนี้ วอชิงตันไม่สามารถรอมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ได้ ตราบใดที่รัสเซียและจีนยังคงไม่ยอม "ประนีประนอม" เช่นนี้ และแม้ประเทศพันธมิตรเปลี่ยนใจไม่ให้ความสนับสนุน สหรัฐก็พร้อมที่จะเดินหน้า "แผนการ" ต่อไปเพียงลำพัง
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามซักถามเกี่ยวกับ "หลักฐาน" ที่ทำให้วอชิงตันมั่นใจว่า รัฐบาลของอัสซาดหรือบุคคลใกล้ชิดผู้นำซีเรีย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีครั้งนี้จริง ฮาร์ฟยังปฏิเสธที่จะตอบ แต่กล่าวว่า หน่วยข่าวกรองจะยื่นหลักฐานให้สภาคองเกรสทราบ ก่อนออกรายงานเผยแพร่ต่อสาธารณะอีกครั้ง สอดคล้องกับทรรศนะของนักวิเคราะห์หลายคนที่เชื่อว่า ต่อให้ไม่ใช่ฝีมือของอัสซาด สหรัฐก็บุกซีเรียอยู่ดี
วันนี้คิดว่าคงไม่มีใครอยากห่อกลับบ้าน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ เสาร์ อาทิตย์นี้
อังกฤษไม่ร่วม แต่ โอบามา จะเอา
นางสาวมารี ฮาร์ฟ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์พีบีเอส แสดงความมั่นใจว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย คือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. คร่าชีวิตประชาชนกว่า 1,300 ศพ ว่าอัสซาดต้อง "รับผิดชอบ" ต่อการเสียชีวิตของประชาชนทั้งหมด แม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้บงการโดยตรงก็ตาม
ฮาร์ฟกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ปัจจุบันถือว่าตึงเครียดอย่างมาก นอกจากนี้ วอชิงตันไม่สามารถรอมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ได้ ตราบใดที่รัสเซียและจีนยังคงไม่ยอม "ประนีประนอม" เช่นนี้ และแม้ประเทศพันธมิตรเปลี่ยนใจไม่ให้ความสนับสนุน สหรัฐก็พร้อมที่จะเดินหน้า "แผนการ" ต่อไปเพียงลำพัง
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามซักถามเกี่ยวกับ "หลักฐาน" ที่ทำให้วอชิงตันมั่นใจว่า รัฐบาลของอัสซาดหรือบุคคลใกล้ชิดผู้นำซีเรีย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีครั้งนี้จริง ฮาร์ฟยังปฏิเสธที่จะตอบ แต่กล่าวว่า หน่วยข่าวกรองจะยื่นหลักฐานให้สภาคองเกรสทราบ ก่อนออกรายงานเผยแพร่ต่อสาธารณะอีกครั้ง สอดคล้องกับทรรศนะของนักวิเคราะห์หลายคนที่เชื่อว่า ต่อให้ไม่ใช่ฝีมือของอัสซาด สหรัฐก็บุกซีเรียอยู่ดี
วันนี้คิดว่าคงไม่มีใครอยากห่อกลับบ้าน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ เสาร์ อาทิตย์นี้