"กสทช.เดินหน้าเยียวยาผู้ใช้คลื่น 1800 MHz 17 ล้านเลขหมาย ยัน "ซิมไม่ดับ"

ในแวดวงโทรคมนาคม ของไทยตอนนี้หลังจากจบเรื่องประมูล 3G ไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่มีการพูดถึงไปมากกว่า ที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556 จึงมีมติ 9 ต่อ 2 เห็นชอบให้มีประกาศ มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “มาตรการป้องกันซิมดับ” นั่นเอง ซึ่งก็มีการพูดกันไปใน 2 แนวทาง คือทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินเรื่องนี้คือ บอร์ด กสทช.ก็เลือกที่จะไม่ทำให้ผู้ใช้บริการ 18 ล้านรายได้รับผลกระทบ

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวกับ “แนวหน้า โลกธุรกิจ” ว่า เมื่อเราเลือกที่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ก็จำเป็นต้องประกาศ มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

สัญญาสัมปทานบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กับ บริษัท ทรูมูฟ
จำกัด หรือ TMOVE และกับบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด หรือ DPC บนคลื่นความถี่ 1800 MHz รายละ 12.5 MHz กำลังจะสิ้นสุดลงวันที่ 15 กันยายน 2556 ซึ่งมีผู้ใช้บริการรวมกันประมาณ 18 ล้านเลขหมาย ซึ่งด้วยระยะเวลาที่จำกัดและแนวทางการโอนผู้ใช้บริการทั้งหมดไปยังผู้ให้บริการรายใหม่ในทันทีไม่อาจเป็นได้ในทางปฏิบัติ ด้วยมีความเสี่ยงทางวิศวกรรม ทั้งเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ใช้บริการและข้อกฎหมายอื่นๆ

และเพื่อป้องกันปัญหา “ซิมดับ” ที่จะเกิดขึ้น จึงต้องมีมาตรการคุ้มครองอันเป็นไปตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญในการจัดหาบริการสาธารณะที่จะต้องยึดหลักความต่อเนื่องของการให้บริการและการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ให้ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากระบบสัญญาสัมปทานไปเป็นระบบผู้รับใบอนุญาตที่ได้รับการจัดสรรคลื่นจาก กสทช. เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีระยะเวลาและเปิดโอกาสในการเลือกโอนเลขหมายของตนไปใช้โครงข่ายของผู้ให้บริการอื่น

โดยอาศัยอานาจตาม พ.ร.บ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 15 วรรคท้าย ในกรณีมีเหตุสาคัญเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ หรือกฎหมายหรือพฤติการณ์เปลี่ยนไป ให้คณะกรรมการมีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขในการอนุญาตได้ตามความจำเป็น ประกอบมาตรา 20 “ผู้รับใบอนุญาตจะพักหรือหยุดการให้บริการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด ผู้รับใบอนุญาตจะปฏิเสธการให้บริการแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรไม่ได้” เพื่อใช้บังคับกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น ในที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556 จึงมีมติ 9 ต่อ 2 เห็นชอบให้มีประกาศ มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ การใช้ดุลยพินิจของ กสทช. ในครั้งนี้ จึงเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มีฐานอำนาจของกฎหมายรองรับ รวมทั้งผ่านเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างประกาศฉบับนี้ ในอันที่จะมุ่งคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการและประโยชน์สาธารณะ หลักในการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะเป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล จากการศึกษาของสหภาพโทรคมนาคม ITU และสมาคมผู้ประกอบการ GSMA ระบุชัดเจนว่าในการเปลี่ยนผ่านจากระบบให้บริการของเทคโนโลยี 2G ไปเป็น 3G หลักสาคัญที่ผู้กำกับดูแลต้องคำนึงถึงคือ การคงความต่อเนื่องของการให้บริการ (Ensure Continuity of Service)

แม้ในช่วงที่ยังไม่มีการออกใบอนุญาตก็ตาม ดังปรากฏตัวอย่างในหลายประเทศ เช่น ACMA ของออสเตเลีย OFCOM ของอังกฤษ BNetzA ของเยอรมนี หรือ OFCA ของฮ่องกง เป็นต้น การให้บริการโทรคมนาคมนั้น เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยตลอดเวลา เช่นครั้งนี้การให้บริการต้องเปลี่ยนแปลงตามระบบกฎหมายเพื่อเข้าสู่ระบบใบอนุญาต (New Regime) ประจวบกับเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายของเทคโนโลยีจาก 2G ไปเป็น 3G ในขณะเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ในสังคมนี้ยังมีผู้ใช้บริการอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้ประโยชน์จากบริการ 3G บนคลื่น 2100 MHz ที่เพิ่งจัดการประมูลไป และโครงข่ายเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรองรับผู้ใช้บริการทั้งหมดได้ในเวลาอันใกล้นี้ กอปรกับระบบการจัดการคงสิทธิเลขหมาย (MNP) ยังคงมีความสามารถอย่างจากัดในปัจจุบัน

ดังนั้น การพิจารณาระยะเวลาในการให้บริการเป็นการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการเพื่อยังคงสามารถใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน (Voice และ/หรือ SMS) จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และสิทธิดังกล่าวจะยังคงอยู่ไม่ว่าผู้ให้บริการจะใช้คลื่นความถี่ใดหรือใช้เทคโนโลยี 3G หรือ 4G/ LTE ในการให้บริการบนโครงข่ายของตนในอนาคตก็ตาม

ส่วนที่กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประกาศดังกล่าวนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคนั้น อยากให้ผู้วิจารณ์พิจารณาถึงข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติด้วยใจเป็นธรรม ตามกฎหมายแล้วบริษัทผู้ให้บริการจะยุติการให้บริการได้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช. ประกาศกำหนดจะยุติการให้บริการโดยพลการไม่ได้ และที่ผ่านมาบริษัทผู้ให้บริการได้พยายามแสวงหาความชัดเจนต่อเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะการให้บริการต้องมีแผนดำเนินการ มีการลงทุนและมีความเสี่ยงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและจะยิ่งมากขึ้นหากยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เกิดขึ้น

ประการสำคัญร่างประกาศฉบับนี้ ไม่ใช่เป็นการดำเนินการตามรูปแบบของสัญญาสัมปทานหรือการดำเนินธุรกิจตามพฤติการณ์ปกติโดยทั่วไป บริษัทไม่มีสิทธิรับผู้ใช้บริการรายใหม่และยังต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการเร่งทำการโอนย้ายไปยังผู้ให้บริการรายอื่นก่อนที่ระยะเวลาคุ้มครองจะสิ้นสุด นั้นหมายถึงว่ารายได้จากบริการนั้นจะลดลงอย่างมีนัยสาคัญ หากเปรียบเทียบกับธุรกิจปกติโดยทั่วไปแล้วผู้ให้บริการคงต้องหาวิธีลดต้นทุนลงด้วยการลดกำลังการผลิตและพื้นที่ให้บริการลง แต่ในกรณีบริการสาธารณะอย่างโทรคมนาคมจะทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะประชาชนผู้ใช้บริการต้องสามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐานเพื่อให้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในทุกที่ ทุกเวลา เช่นเดียวกันกับประกาศฉบับนี้ที่กำหนดให้บริษัทต้องคงคุณภาพในการให้บริการและค่าบริการไว้ตามประกาศที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งยังจะพักหรือหยุดการให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ได้

นอกจากนี้ ผลกำไรที่เกิดขึ้นจากการให้บริการต้องนำส่งรัฐทั้งหมด แต่ในทางตรงข้ามกรณีที่เกิดการขาดทุนขึ้น ประกาศฉบับนี้กลับไม่ได้ระบุมาตรการเยียวยาไว้ให้แต่อย่างใด ดังนั้น การดำเนินการของทุกฝ่ายตามประกาศจึงเป็นไปเพื่อการคุ้มครองประชาชนผู้ใช้บริการที่จะได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจน ในช่วงเปลี่ยนผ่านจนนำไปสู่การเกิด “ซิมดับ” อันเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง

“การที่ CAT จะยื่นฟ้องเราไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเขาต้องรักษาสิทธิ์ขององค์กร ขณะที่กสทช.เองก็ยืนยันว่าประกาศเราไม่ได้เอื้อเอกชน และ CAT ไม่ได้เสียประโยชน์ แต่กลับได้ประโยชน์ เพราะตามกม.สิทธิตามสัมปทานของ CAT จะสิ้นสุดเมื่อสัมปทานสิ้นสุด แต่ของประกาศ CAT จะมีรายได้จากการให้เช่าโครงข่าย 2G จาก ทรู และ ดีซีพี และ กสทช.ก็ไม่ได้ให้สิทธิใดๆ แก่ผู้ประกอบการ แต่กำหนดหน้าที่ให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้บริการหยุดชะงักจากผลของการสิ้นสุดสัมปทาน”

ที่มา : http://www.naewna.com/business/66307
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่