ยังเป็นปัญหาและข้อติดใจสงสัยของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือเครือข่าย 1800 MHz ซึ่งถือว่าเป็นระบบคลื่นความถี่ที่มีผู้ใช้บริการราวๆ 17 ล้านคน กรณีการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 กันยายน นี้ ว่าจะเกิดปรากฎการณ์ “ซิมดับ” หรือไม่? รวมไปถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีอำนาจออกมาตรการทางกฎหมายคุ้มครองผู้ใช้บริการหรือไม่?
กรณีซิมดับ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่มีความพยายามต่อรองให้ กสทช. ที่มีพันธกิจจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ยืดอายุสัมปทานออกไป เพราะก่อนหน้านี้กสทช.ดำเนินการประมูลเครือข่าย 2100 MHz เพื่อนำไปใช้ในบริการ 3จี เป็นผลสำเร็จ จนสามารถออกใบอนุญาต 3จี ได้ในเดือนธันวาคม 2555 จากนั้นเตรียมการนำคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่กำลังจะหมดอายุสัญญาสัมปทาน กลับมาจัดสรรเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
แต่เนื่องจากระบบ 1800 MHz ซึ่งจะจัดสรร มีความซับซ้อนและมีเงื่อนไขอื่นๆ มากกว่า จึงต้องใช้เวลาและขั้นตอนยาวนานกว่าการประมูลเครือข่าย 2100 MHz เพราะเครือข่าย 2100 MHz เป็นเครือข่ายใหม่ไม่มีผู้ใช้บริการอยู่ในระบบ แต่คลื่น 1800 MHz เป็นคลื่นที่มีการนำไปใช้ให้บริการ 2 จี ยังมีผู้ใช้บริการกว่า 17 ล้านคนอยู่ในระบบ
รวมทั้งช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต 3จี กำลังเร่งสร้างโครงข่ายและแข่งขันเปิดให้บริการ 3จี ระบบต่างๆ จึงต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดเสถียรภาพและเกิดประสิทธิภาพตามเงื่อนไขที่ กสทช.กำหนด ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับคลื่น 1800 MHz เนื่องจากผู้ให้บริการเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน
ด้วยเงื่อนไขของระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านนี้เอง ทำให้ประชาชนตระหนกกับข้อมูลคลาดเคลื่อนต่อการดำเนินการของ กสทช. การได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนและนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้เกิดความกระจ่าง เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดจนนำไปสู่การโต้แย้งคัดค้านการดำเนินการของ กสทช. อันจะทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตฯ เกิดอุปสรรคและเกิดผลเสียหายต่อประชาชน
ด้านกสทช.ยืนยันว่าปัญหาซิมดับไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะออกมาตรการทางกฎหมายคุ้มครองไว้แล้ว โดยผู้ให้บริการทั้งหมดยังให้บริการต่อไปแม้สิ้นสุดสัมปทาน จนกว่าผู้ใช้บริการทั้งหมดกว่า 17 ล้านคนจะย้ายค่ายแล้วเสร็จ
การที่กสทช.ออกมาตรการป้องกันซิมดับ เพื่อรองรับปัญหาการเปลี่ยนผ่านสิทธิ์ในคลื่นความถี่ของรัฐวิสาหกิจมาเป็นของ กสทช.ตามกฎหมาย อีกทั้งปัญหาการประมูลมีความซับซ้อนมากกว่าการจัดประมูลคลื่น 3 จี ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีบางฝ่ายยกประเด็นข้อกฎหมายและมีเรื่องผู้ใช้บริการที่ค้างอยู่ในระบบขึ้นมาเป็นเงื่อนไข
ฉะนั้นหาก กสทช.ดำเนินการจัดประมูลคลื่นไปอย่างเดียว หรือเร่งการโอนย้ายเลขหมายไปอย่างเดียว หากเกิดฟ้องร้องคดีทำให้ไม่สามารถจัดประมูลได้เสร็จสิ้นก่อนสัมปทานสิ้นสุด หรือไม่สามารถโอนย้ายผู้ใช้บริการได้แล้วเสร็จก่อนสัมปทานสิ้นสุด จะมีผู้ใช้บริการคงค้างอยู่ในระบบ ฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงเรื่องซิมดับที่มีแนวโน้มอย่างสูงที่จะเกิดขึ้น และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ใช้บริการ กสทช.จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการทางกฎหมายเยียวยาไว้ พร้อมๆกับดำเนินการประมูลแบบคู่ขนานกันไป
การออกประกาศห้ามซิมดับ เป็นมาตรการที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ผู้ให้บริการ และภาครัฐ
ผลการไม่ออกประกาศห้ามซิมดับ
- หลัง 15 ก.ย. 56 ระบบสัมปทานสิ้นสุด CAT, TrueMove, DPC ไม่สามารถให้บริการคลื่น 1800 MHz ได้
- ซิมดับ ประชาชน 17-18 ล้านคนเดือดร้อน
- ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่คู่สัญญาสัมปทานได้ประโยชน์
- รัฐขาดรายได้ทันที
ผลการออกประกาศห้ามซิมดับ
- หลัง 15 ก.ย. 56 มีมาตรการทางกฎหมายสั่งให้ผู้ให้บริการห้ามหยุดการให้บริการ
- ซิมไม่ดับ ประชาชน 17-18 ล้านคน มีเวลาในการย้ายค่าย สามารถใช้บริการต่อในเวลาที่คุ้มครอง
- ไม่ใช่ขยายสัมปทาน แต่เป็นมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการที่คงค้างในระบบ ทำให้ทุกฝ่ายมีเวลาเต็มที่ในการเตรียมการประมูล1800MHz เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตาม ร.ธ.น.
- ผู้ประกอบการ "ทุกราย" ได้ประโยชน์ (CAT, AIS สามารถจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้บริการของตน)
- รัฐได้ประโยชน์จากรายได้ในช่วงเยียวยา
- การเปลี่ยนผ่านจากสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตเป็นไปด้วยความราบรื่น
ท้ายสุดที่ยังมีข้อมูลคลาดเคลื่อนคือ กสทช.มีอำนาจออกประกาศห้ามซิมดับ โดยมีกฎหมายรับรองหรือไม่?
ยืนยันได้ว่ากสทช.มีอำนาจตามมาตรา 47 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่ต้องกำกับดูแลเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน รวมทั้งอำนาจตามพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ที่ต้องกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ กำกับดูแลการใช้เลขหมายอันเป็นทรัพยากรโทรคมนาคม และคุ้มครองสิทธิประชาชนผู้บริโภค
และตามพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ที่กำหนด “หน้าที่” ห้ามหยุดให้บริการโดยพลการ หน้าที่นี้ทั้งรัฐวิสาหกิจและเอกชนล้วนมีอยู่แล้วในฐานะที่เป็นผู้รับใบอนุญาต โดยต้องแยกเรื่อง “คลื่น”และ “การเยียวยาลูกค้า” พิจารณาแยกจากกันคนละส่วน เพราะแม้สิทธิการใช้คลื่นสิ้นสุดไปแล้วแต่หน้าที่ของผู้ให้บริการยังคงมีอยู่
นอกจากนี้ตามหลักกฎหมายปกครอง บริการโทรคมนาคมที่เป็นการบริการสาธารณะต้องมีความต่อเนื่อง ไม่สะดุดหยุดลง เป็นหัวใจสำคัญของกฎหมายปกครอง และ กสทช. เป็นองค์กรฝ่ายปกครองที่มีหน้าที่กำกับดูแลการจัดทำบริการสาธารณะให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่กระทบกับประชาชนที่คงค้างในระบบหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
การคุ้มครองผู้ใช้บริการในลักษณะเดียวกันนี้เป็นแนวทางบังคับใช้ทุกกรณีที่เมื่อหมดอายุสัญญาสัมปทาน เพราะที่ไม่ว่าคลื่นใด ค่ายใดก็ตาม เมื่อหมดสัญญาสัมปทานแล้ว ทุกกรณีจะมีผู้ใช้บริการเดิมเหลือคงค้างอยู่ในระบบ การป้องกับซิมดับตามประกาศที่ออกมาจึงจำเป็นกับทุกกรณีเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ใช่การขยายระยะเวลาให้กับค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นพิเศษ
ทำสำคัญประกาศฯนี้เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติของทุกฝ่ายให้ชัดเจน ตามอำนาจที่มีอยู่ก่อนแล้ว หาใช่การสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมาลอยๆ ให้ กสทช. โดยไร้ที่มาที่ไปทางกฎหมายแต่อย่างใด
ส่วนตอนหน้ากสทช.จะทำความเข้าใจว่าเหตุใดจึงออกมาตรการป้องกันซิมดับ แทนที่จะเร่งประมูลคลื่น 1800 MHz หรือเร่งรัดให้ผู้ใช้บริการรีบย้ายค่ายก่อนหมดสัญญาสัมปทาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่พอสมควร
ที่มา :
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378196112&grpid=03&catid=05&subcatid=0504
สิ้นสุดอายุสัมปทานคลื่น1800 MHz พันธกิจกสทช.-ป้องกันซิมดับ (ตอน 1)
กรณีซิมดับ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่มีความพยายามต่อรองให้ กสทช. ที่มีพันธกิจจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ยืดอายุสัมปทานออกไป เพราะก่อนหน้านี้กสทช.ดำเนินการประมูลเครือข่าย 2100 MHz เพื่อนำไปใช้ในบริการ 3จี เป็นผลสำเร็จ จนสามารถออกใบอนุญาต 3จี ได้ในเดือนธันวาคม 2555 จากนั้นเตรียมการนำคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่กำลังจะหมดอายุสัญญาสัมปทาน กลับมาจัดสรรเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
แต่เนื่องจากระบบ 1800 MHz ซึ่งจะจัดสรร มีความซับซ้อนและมีเงื่อนไขอื่นๆ มากกว่า จึงต้องใช้เวลาและขั้นตอนยาวนานกว่าการประมูลเครือข่าย 2100 MHz เพราะเครือข่าย 2100 MHz เป็นเครือข่ายใหม่ไม่มีผู้ใช้บริการอยู่ในระบบ แต่คลื่น 1800 MHz เป็นคลื่นที่มีการนำไปใช้ให้บริการ 2 จี ยังมีผู้ใช้บริการกว่า 17 ล้านคนอยู่ในระบบ
รวมทั้งช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต 3จี กำลังเร่งสร้างโครงข่ายและแข่งขันเปิดให้บริการ 3จี ระบบต่างๆ จึงต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดเสถียรภาพและเกิดประสิทธิภาพตามเงื่อนไขที่ กสทช.กำหนด ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับคลื่น 1800 MHz เนื่องจากผู้ให้บริการเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน
ด้วยเงื่อนไขของระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านนี้เอง ทำให้ประชาชนตระหนกกับข้อมูลคลาดเคลื่อนต่อการดำเนินการของ กสทช. การได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนและนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้เกิดความกระจ่าง เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดจนนำไปสู่การโต้แย้งคัดค้านการดำเนินการของ กสทช. อันจะทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตฯ เกิดอุปสรรคและเกิดผลเสียหายต่อประชาชน
ด้านกสทช.ยืนยันว่าปัญหาซิมดับไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะออกมาตรการทางกฎหมายคุ้มครองไว้แล้ว โดยผู้ให้บริการทั้งหมดยังให้บริการต่อไปแม้สิ้นสุดสัมปทาน จนกว่าผู้ใช้บริการทั้งหมดกว่า 17 ล้านคนจะย้ายค่ายแล้วเสร็จ
การที่กสทช.ออกมาตรการป้องกันซิมดับ เพื่อรองรับปัญหาการเปลี่ยนผ่านสิทธิ์ในคลื่นความถี่ของรัฐวิสาหกิจมาเป็นของ กสทช.ตามกฎหมาย อีกทั้งปัญหาการประมูลมีความซับซ้อนมากกว่าการจัดประมูลคลื่น 3 จี ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีบางฝ่ายยกประเด็นข้อกฎหมายและมีเรื่องผู้ใช้บริการที่ค้างอยู่ในระบบขึ้นมาเป็นเงื่อนไข
ฉะนั้นหาก กสทช.ดำเนินการจัดประมูลคลื่นไปอย่างเดียว หรือเร่งการโอนย้ายเลขหมายไปอย่างเดียว หากเกิดฟ้องร้องคดีทำให้ไม่สามารถจัดประมูลได้เสร็จสิ้นก่อนสัมปทานสิ้นสุด หรือไม่สามารถโอนย้ายผู้ใช้บริการได้แล้วเสร็จก่อนสัมปทานสิ้นสุด จะมีผู้ใช้บริการคงค้างอยู่ในระบบ ฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงเรื่องซิมดับที่มีแนวโน้มอย่างสูงที่จะเกิดขึ้น และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ใช้บริการ กสทช.จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการทางกฎหมายเยียวยาไว้ พร้อมๆกับดำเนินการประมูลแบบคู่ขนานกันไป
การออกประกาศห้ามซิมดับ เป็นมาตรการที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ผู้ให้บริการ และภาครัฐ
ผลการไม่ออกประกาศห้ามซิมดับ
- หลัง 15 ก.ย. 56 ระบบสัมปทานสิ้นสุด CAT, TrueMove, DPC ไม่สามารถให้บริการคลื่น 1800 MHz ได้
- ซิมดับ ประชาชน 17-18 ล้านคนเดือดร้อน
- ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่คู่สัญญาสัมปทานได้ประโยชน์
- รัฐขาดรายได้ทันที
ผลการออกประกาศห้ามซิมดับ
- หลัง 15 ก.ย. 56 มีมาตรการทางกฎหมายสั่งให้ผู้ให้บริการห้ามหยุดการให้บริการ
- ซิมไม่ดับ ประชาชน 17-18 ล้านคน มีเวลาในการย้ายค่าย สามารถใช้บริการต่อในเวลาที่คุ้มครอง
- ไม่ใช่ขยายสัมปทาน แต่เป็นมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการที่คงค้างในระบบ ทำให้ทุกฝ่ายมีเวลาเต็มที่ในการเตรียมการประมูล1800MHz เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตาม ร.ธ.น.
- ผู้ประกอบการ "ทุกราย" ได้ประโยชน์ (CAT, AIS สามารถจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้บริการของตน)
- รัฐได้ประโยชน์จากรายได้ในช่วงเยียวยา
- การเปลี่ยนผ่านจากสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตเป็นไปด้วยความราบรื่น
ท้ายสุดที่ยังมีข้อมูลคลาดเคลื่อนคือ กสทช.มีอำนาจออกประกาศห้ามซิมดับ โดยมีกฎหมายรับรองหรือไม่?
ยืนยันได้ว่ากสทช.มีอำนาจตามมาตรา 47 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่ต้องกำกับดูแลเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน รวมทั้งอำนาจตามพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ที่ต้องกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ กำกับดูแลการใช้เลขหมายอันเป็นทรัพยากรโทรคมนาคม และคุ้มครองสิทธิประชาชนผู้บริโภค
และตามพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ที่กำหนด “หน้าที่” ห้ามหยุดให้บริการโดยพลการ หน้าที่นี้ทั้งรัฐวิสาหกิจและเอกชนล้วนมีอยู่แล้วในฐานะที่เป็นผู้รับใบอนุญาต โดยต้องแยกเรื่อง “คลื่น”และ “การเยียวยาลูกค้า” พิจารณาแยกจากกันคนละส่วน เพราะแม้สิทธิการใช้คลื่นสิ้นสุดไปแล้วแต่หน้าที่ของผู้ให้บริการยังคงมีอยู่
นอกจากนี้ตามหลักกฎหมายปกครอง บริการโทรคมนาคมที่เป็นการบริการสาธารณะต้องมีความต่อเนื่อง ไม่สะดุดหยุดลง เป็นหัวใจสำคัญของกฎหมายปกครอง และ กสทช. เป็นองค์กรฝ่ายปกครองที่มีหน้าที่กำกับดูแลการจัดทำบริการสาธารณะให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่กระทบกับประชาชนที่คงค้างในระบบหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
การคุ้มครองผู้ใช้บริการในลักษณะเดียวกันนี้เป็นแนวทางบังคับใช้ทุกกรณีที่เมื่อหมดอายุสัญญาสัมปทาน เพราะที่ไม่ว่าคลื่นใด ค่ายใดก็ตาม เมื่อหมดสัญญาสัมปทานแล้ว ทุกกรณีจะมีผู้ใช้บริการเดิมเหลือคงค้างอยู่ในระบบ การป้องกับซิมดับตามประกาศที่ออกมาจึงจำเป็นกับทุกกรณีเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ใช่การขยายระยะเวลาให้กับค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นพิเศษ
ทำสำคัญประกาศฯนี้เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติของทุกฝ่ายให้ชัดเจน ตามอำนาจที่มีอยู่ก่อนแล้ว หาใช่การสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมาลอยๆ ให้ กสทช. โดยไร้ที่มาที่ไปทางกฎหมายแต่อย่างใด
ส่วนตอนหน้ากสทช.จะทำความเข้าใจว่าเหตุใดจึงออกมาตรการป้องกันซิมดับ แทนที่จะเร่งประมูลคลื่น 1800 MHz หรือเร่งรัดให้ผู้ใช้บริการรีบย้ายค่ายก่อนหมดสัญญาสัมปทาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่พอสมควร
ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378196112&grpid=03&catid=05&subcatid=0504