พระพุทธเจ้าทรงเห็นปฏิจจสมุปบาท ตอนไหน

[๒๕๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่กาลตรัสรู้ เมื่อเรายังเป็น
พระโพธิสัตว์ ยังมิได้ตรัสรู้ เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่า โลกนี้ถึงความลำบาก
หนอ ย่อมเกิด แก่ ตาย จุติและอุบัติ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดทราบชัด
ซึ่งธรรมเป็นที่สลัดออกจากกองทุกข์ คือ ชราและมรณะนี้ได้เลย เมื่อไรหนอ
ธรรมเป็นที่สลัดออกไปจากกองทุกข์คือชราและมรณะนี้จึงจักปรากฏ ฯ
             [๒๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่ออะไรหนอ
แลมีอยู่ ชราและมรณะจึงมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ เพราะ
การใส่ใจโดยแยบคายของเรานั้น จึงรู้ได้ด้วยปัญญาว่า เมื่อชาติแลมีอยู่ ชราและ
มรณะจึงมี เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า
เมื่ออะไรหนอ แลมีอยู่ ชาติจึงมี ... ภพจึงมี ... .........
................................ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลาย
ที่เราไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อนว่า เหตุให้ทุกข์เกิด เหตุให้ทุกข์เกิด ดังนี้ ฯ

(ข้างบนนี้เป็นช่วงเวลาที่ทรงรู้ ปฏิจจ.)



เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็น
อันมาก พร้อมทั้งอุเทส พร้อมทั้งอาการ ด้วยประการฉะนี้ พราหมณ์ วิชชาที่หนึ่งนี่แล เรา
ได้บรรลุแล้วในปฐมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว


เราย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต
มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อม
รู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมด้วยประการดังนี้ พราหมณ์ วิชชาที่สองนี้แล เราได้บรรลุแล้ว
ในมัชฌิมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว


ได้มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ได้รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่า ชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี พราหมณ์
วิชชาที่สามนี้แล เราได้บรรลุแล้วในปัจฉิมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิด
แก่เราแล้ว

(สามวรรคล่างนี่ เป็นช่วงบรรลุธรรม)

จากที่ผมคิดเอาว่า การเห็นธรรม และการบรรลุธรรมนั้นเป็นคนละส่วนกัน  และคนเรา จะต้องเห็นธรรมก่อน จากนั้นจึงค่อยบรรลุธรรม การเห็นธรรม ก็คือการเห็นปฏิจจสมุปบาท และการบรรลุธรรมนั้นคือ การที่ได้อาสวักขยญาน และละความยึดมั่นได้แล้ว ซึ่งจากหลักฐานที่ยกมานี้ จะเห็นเค้าลางได้บ้าง ว่าเป็นคนละส่วนกันจริง ช่วงแรกที่กล่าวถึงปฏิจจ ก็คือการได้เห็นธรรม  ช่วงหลัง อีกสามวรรคนั้น เป็นช่วงบรรลุธรรม  แต่ที่ผมอยากทราบก็คือ ช่วงที่ท่านเห็นธรรมนั้น เป็นช่วงเวลาใด อยู่ใน ปฐมยาม มัชฌิมยาม ปัจฉิมยาม  หรือ ก่อนหน้านั้น ไม่กี่ชั่วยาม หรือ ก่อนหน้านั้นหลายวัน หลายเดือน  หรือเห็นธรรมตอนไหนกันแน่ (ธรรมในที่นี้คือ ปฏิจจสมุปบาท) ท่านใดพอจะเห็นหลักฐาน หรือยกพระสูตรอะไรที่บ่งชี้ลักษณะนี้ได้บ้างครับ  และการที่ผมแยกเป็นเห็นธรรมกับบรรลุธรรมแบบนี้ มีความเป็นไปได้หรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่