เรื่องยางพาราผมว่ารัฐบาลกล้าๆ หน่อย

กรณีที่พี่น้องชาวสวนยางได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำนั้น ผมคิดว่ารัฐาลมีช่องทาง "แก้ไข" ปัญหาได้ แต่อาจต้องอาศัยความ "กล้าหาญ" สักหน่อย คือกล้าที่จะ "หัก" กับบรรดาบริษัทที่นำเข้ายางมะตอย โดย "กำหนด" ในโครงการ 2.2 ล้านล้านบาท ตลอดจนโครงการตามงบประมาณปกติ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการที่ "รับจ้าง" ทำ "ถนน" ทั่วราชอาณาจักร จะต้อง "ใช้" ยางธรรมชาติผสมยางมะตอยลาดถนน โดยใช้ยางแห้งแทนการใช้น้ำยางข้น อัตรา 5% ผสมยางมะตอยในงานลาดถนน ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้ไม่ต้องใช้สารเคมีที่มีราคาแพง สามารถนำยางพารามาใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น ยางเครพ ยางแผ่นผึ่งแห้ง ยางแผ่นรมควัน ยาง Cutting จากยางแผ่นรมควัน ฯลฯ ทั้งยังไม่เกิดฟองและแรงดันในขณะผสมยางกับยางมะตอย ทำให้ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายระหว่างผสม นอกจากนั้น ยังเป็นเทคโนโลยีที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้โดยมีข้อจำกัดน้อย ช่วยลดการผูกขาด ซึ่งสามารถขยายผลต่อยอดทั้งด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีการผสมไปสู่กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการให้ผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ เป็นการเพิ่มทางเลือกและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ในภาคอุตสาหกรรมยางพาราไทย ที่สำคัญยังเป็นแนวทางช่วยสร้างเสถียรภาพราคายางได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะยางแห้งที่อยู่ในโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง ถึงแม้ยางนั้นจะเสียรูปทรงไปก็สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผสมกับยางมะตอยเพื่องานลาดถนน ได้ดีกว่าเก็บยางไว้นานไปยางจะเสื่อมสภาพลง หากทำได้จริงจะมีการนำยางแห้งมาใช้ปริมาณมาก เนื่องจากถนนกว้าง 11 เมตร ระยะทาง 1 กิโลเมตร จะใช้ยางแห้ง ประมาณ 3.3 ตัน และต้องผลิตหัวเชื้อที่จะใช้ผสมกับยางมะตอยถึง 6.6 ตัน (ข้อมูลจาก สยามธุรกิจ ออนไลน์ วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.47 น.)
เพื่อนสมาชิกว่าอย่างไรครับ
ป.ล. ขออนุญาตแท็กไปห้องสินธร  เพราะเกี่ยวเนื่องกับด้านเศรษฐกิจ ด้วย เผื่อมีข้อมูลด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องมาแชร์กัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่