จากเว็บไซต์
http://www.riskcomddc.com/th/news/newspaper-detail.php?id=19484
เนื้อหาข่าว : ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม อ.เมือง จ.สระบุรี ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาตรวจสุขภาพนักเรียนและบุคลากรเกือบ 300 คน ระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยการเจาะเลือดไปตรวจไม่มีการเปลี่ยนเข็ม ผู้ปกครองจึงเกรงว่าบุตรหลานอาจติดเชื้อโรคร้ายได้ และบางรายที่ตรวจวัดสายตาก็ต้องจ่ายค่าบริการที่แพงกว่าปกติ จนมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ นำตัวผู้อ้างว่าเป็นแพทย์ 2 คน เป็นชายและหญิง ไปสอบปากคำก่อนปล่อยตัวไปจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ต่อมาผู้บริหารโรงเรียนได้มีหนังสือเวียนถึงผู้ปกครองแจ้งให้มาร่วมประชุมเพื่อรับฟังคำชี้แจงจาก นพ.พิพัฒน์ พรหมลิขิตชัย แพทย์อายุรกรรม รพ.สระบุรี ที่ห้องประชุมโรงเรียน เวลา 13.00 น. วันที่ 19 ส.ค. โดย
นพ.พิพัฒน์ยืนยันว่าการติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบีและซี จากการใช้เข็มเจาะเลือดร่วมกันนั้นเป็นไปได้ยากมาก และที่ค่อนข้างมั่นใจคือเด็กที่รับการตรวจในวันนี้อยู่ในชั้นประถมศึกษา ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสโรคแต่อย่างใด
แต่ผู้ปกครองหลายคนก็ยังคลางแคลงใจ สอบถามนายวัฒนพงศ์ เสมา ผู้อำนวยการโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ว่า ก่อนว่าจ้างบริษัทดังกล่าวมาตรวจโรคให้เด็ก มีการตรวจสอบว่าจดทะเบียนสถานพยาบาลหรือเป็นแพทย์ที่มีประกอบโรคศิลปะถูกต้องหรือไม่ เมื่อเรื่องเกิดมีการแจ้งดำเนินคดีหรือไม่ นายวัฒนพงศ์ชี้แจงว่า คณะ กก.เป็นผู้เสนอ บริษัทดังกล่าวมาว่าได้ตรวจมาหลายโรง เรียนแล้วจึงเชื่อถือ กรณีที่ไม่ได้เป็นแพทย์จริงก็ให้รวบรวมหลักฐานแจ้งดำเนินคดี หากผู้ปกครองรายใดกังวลว่าบุตรหลานจะติดเชื้อ ก็ประสานให้ รพ.สระบุรีตรวจเป็นรายๆ ไป.
จาก "นพ.พิพัฒน์ยืนยันว่าการติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบีและซี จากการใช้เข็มเจาะเลือดร่วมกันนั้นเป็นไปได้ยากมาก และที่ค่อนข้างมั่นใจคือเด็กที่รับการตรวจในวันนี้อยู่ในชั้นประถมศึกษา ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสโรคแต่อย่างใด"
คุณคิดอย่างไรกับประโยคนี้ ?
ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันไม่ติดโรคจริงหรือ?
แล้วถ้าเกิดเด็กได้รับเชื้อมาตั้งแต่เกิดแล้วไม่มีใครรู้ ผลจะเป็นเช่นไร?
เท่าที่ผมทราบ แค่ไวรัสตับอักเสบเค้ายังไม่ให้กินน้ำร่วมแก้วกันเลย
ผมเศร้าใจมากๆ กับคำชี้แจงของคุณหมอท่านนี้ T_T ขออนุญาตแท็กห้องศาลาประชาคมกับสยามสแควร์นะครับ
คุณคิดเห็นอย่างไรกับคำชี้แจงของนายแพทย์ท่านนี้?
เนื้อหาข่าว : ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม อ.เมือง จ.สระบุรี ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาตรวจสุขภาพนักเรียนและบุคลากรเกือบ 300 คน ระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยการเจาะเลือดไปตรวจไม่มีการเปลี่ยนเข็ม ผู้ปกครองจึงเกรงว่าบุตรหลานอาจติดเชื้อโรคร้ายได้ และบางรายที่ตรวจวัดสายตาก็ต้องจ่ายค่าบริการที่แพงกว่าปกติ จนมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ นำตัวผู้อ้างว่าเป็นแพทย์ 2 คน เป็นชายและหญิง ไปสอบปากคำก่อนปล่อยตัวไปจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ต่อมาผู้บริหารโรงเรียนได้มีหนังสือเวียนถึงผู้ปกครองแจ้งให้มาร่วมประชุมเพื่อรับฟังคำชี้แจงจาก นพ.พิพัฒน์ พรหมลิขิตชัย แพทย์อายุรกรรม รพ.สระบุรี ที่ห้องประชุมโรงเรียน เวลา 13.00 น. วันที่ 19 ส.ค. โดย นพ.พิพัฒน์ยืนยันว่าการติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบีและซี จากการใช้เข็มเจาะเลือดร่วมกันนั้นเป็นไปได้ยากมาก และที่ค่อนข้างมั่นใจคือเด็กที่รับการตรวจในวันนี้อยู่ในชั้นประถมศึกษา ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสโรคแต่อย่างใด
แต่ผู้ปกครองหลายคนก็ยังคลางแคลงใจ สอบถามนายวัฒนพงศ์ เสมา ผู้อำนวยการโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ว่า ก่อนว่าจ้างบริษัทดังกล่าวมาตรวจโรคให้เด็ก มีการตรวจสอบว่าจดทะเบียนสถานพยาบาลหรือเป็นแพทย์ที่มีประกอบโรคศิลปะถูกต้องหรือไม่ เมื่อเรื่องเกิดมีการแจ้งดำเนินคดีหรือไม่ นายวัฒนพงศ์ชี้แจงว่า คณะ กก.เป็นผู้เสนอ บริษัทดังกล่าวมาว่าได้ตรวจมาหลายโรง เรียนแล้วจึงเชื่อถือ กรณีที่ไม่ได้เป็นแพทย์จริงก็ให้รวบรวมหลักฐานแจ้งดำเนินคดี หากผู้ปกครองรายใดกังวลว่าบุตรหลานจะติดเชื้อ ก็ประสานให้ รพ.สระบุรีตรวจเป็นรายๆ ไป.
จาก "นพ.พิพัฒน์ยืนยันว่าการติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบีและซี จากการใช้เข็มเจาะเลือดร่วมกันนั้นเป็นไปได้ยากมาก และที่ค่อนข้างมั่นใจคือเด็กที่รับการตรวจในวันนี้อยู่ในชั้นประถมศึกษา ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสโรคแต่อย่างใด"
คุณคิดอย่างไรกับประโยคนี้ ?
ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันไม่ติดโรคจริงหรือ?
แล้วถ้าเกิดเด็กได้รับเชื้อมาตั้งแต่เกิดแล้วไม่มีใครรู้ ผลจะเป็นเช่นไร?
เท่าที่ผมทราบ แค่ไวรัสตับอักเสบเค้ายังไม่ให้กินน้ำร่วมแก้วกันเลย
ผมเศร้าใจมากๆ กับคำชี้แจงของคุณหมอท่านนี้ T_T ขออนุญาตแท็กห้องศาลาประชาคมกับสยามสแควร์นะครับ