ความอยุติธรรมในการประกวดสุนทรพจน์ My world 2015 ม.มหิดล

กระทู้คำถาม
ขออนุญาตลงกระทู้เพื่อขอความคิดเห็นและกระจายข่าวให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบและนำไปปรับปรุงแก้ไขนะคะ

เนื่องจากวันนี้ดิฉันเป็นตัวแทนของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งพานักเรียนที่โรงเรียนไปประกวดสุนทรพจน์ (ภาษาไทย) ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งนี้
โดยทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่าเป็นการประกวดพูดสุนทรพจน์ในงาน My world 2015 โดยมีหัวข้อให้เลือกพูด 16 หัวข้อ มีเวลาในการพูด 6 นาที
และจะคัดเลือกผู้ที่เข้ารอบ 5 คนมาแข่งรอบสอง โดยจับฉลากหัวข้อ และมีเวลาเตรียมตัว 7 นาที เวลาพูดอีกไม่เกิน 7 นาที

เมื่อไปถึงสถานที่รู้สึกประทับใจ เพราะอุปกรณ์ต่างๆในห้องพูดมีพร้อม เป็นห้องประชุม มีที่นั่งประมาณ 30-40 ที่นั่ง ปกติการแข่งขันที่อื่นจะต้องมีห้องเตรียมตัว หรือห้องเก็บตัว แต่ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีค่ะ นักเรียนที่เข้าแข่งขันมี 16 คน ให้นั่งอยู่ในห้องประชุมรวมกันทั้งหมด ไม่มีการแบ่งไปเก็บตัว คนพูดทีหลังสามารถนั่งฟังคนที่พูดก่อนได้อย่างสบายใจ

เวลานัดหมายเริ่มประกวดคือ 10.30 น. แต่ถูกเลื่อนเวลาเพื่อให้ไปร่วมพิธีเปิดงานของสหประชาชาติ (UN) ก่อน จนจบงานที้เวลา 11.00 จึงได้เข้าห้องแข่งขันสุนทรพจน์ มีกรรมการ 3 คน ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีคุณวุฒิใดใด ไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถด้านภาษาไทยแต่อย่างใด แต่กลับเป็นนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ และนักศึกษาที่เพิ่งจบออกไปมานั่งเป็นกรรมการ ก่อนเริ่มแข่งขันก็ไม่มีการบอกเกณฑ์การให้คะแนน มาบอกตอนหลังจากแข่งเสร็จสิ้นเพื่ออะไร? โดยเกณฑ์ให้คะแนนของเขาคือ ความทะเยอทะยานของนักเรียน 30 คะแนน เนื้อหาข้อมูล 50 คะแนน และทักษะการนำเสนอ 20 คะแนน นี่มันเกณฑ์ของสากลโลกรึเปล่าคะ?

ระหว่างการแข่งขันมีนักเรียนบางคนถือกระดาษข้อมูลมายืนอ่าน ยืนพูด ไม่เป็นไรค่ะดิฉันยังพออนุโลมในใจให้ได้ แต่มีบางคนที่ถือโทรศัพท์มือถือเปิดหาข้อมูลแล้วยืนพูด นี่มันใช่สุนทรพจน์หรือปล่าวคะ ?

ปกติการแข่งขันที่อื่นๆ ไม่ว่าจะแข่งขันอะไรก็ตามแต่ ผู้แข่งขันต้องไม่พกพาเครื่องมือสื่อสาร ต้องใช้ความสามารถของตนเอง
แต่ทำไมที่นี่จึงทำแบบนี้ ?

คุณยื่นโจทย์มาว่าพูดสุนทรพจน์ นักเรียนหลายๆคนเตรียมข้อมูล เตรียมการพูดการนำเสนอมาอย่างดี ใช้หลักภาษาไทยในการพูด ร ล คำควบกล้ำ ชัดเจน แม้กระทั่งการเรียงรูปประโยค หลีกเลี่ยงคำศัพท์จากต่างประเทศ ใช้คำราชาศัพท์ที่ถูกต้องเหมาะสม มีโวหารวาทศิลป์ที่สวยงาม แต่คุณกลับมองข้ามความตั้งใจของนักเรียนตรงนี้ไป กลับเลือกให้ผู้ที่พูดติดขัด พูดคำว่า เอ่อ เอิ่ม เอ่อ เอิ่ม ร่วมร้อยคำได้เข้ารอบ เลือกคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือในการยืนแข่งเข้ารอบ เลือกคนที่ถือสคริปยืนอ่านเข้ารอบ เลือกคนที่พูดคำว่าครับเป็นร้อยคำเข้ารอบ โดยคุณให้เหตุผลว่า ต้องการให้นักเรียนแสดงความเห็นและทรรศนะคติ ถ้าเช่นนั้นคุณน่าจะเปลี่ยนหัวข้อการแข่งขันนะคะ ไม่ควรมาใช้คำว่า "สุนทรพจน์"  ครูภาษาไทยอย่างดิฉันผิดหวังเป็นอย่างมากกับสุนทรพจน์ครั้งนี้ค่ะ

ยังไม่เพียงเท่านั้น มีการเปลี่ยนกติกาใหม่ให้ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ 6 คน จากที่ประกาศไว้ 5 คน แล้วให้คำถามที่เหมือนกันกับเด็กนักเรียนทั้ง 6 โดยคนที่จับฉลากได้เบอร์ 1 ต้องมายืนคิดยืนพูดเองในห้องประชุม แต่อีก 5 คนหลัง กลับมีสิทธิ์ออกไปเตรียมตัวข้างนอก เปิดมือถือหาข้อมูล มิหนำซ้ำยังมาเปิดมือถือยืนพูดในการแข่งขันด้วย แล้วกรรมการผู้มีคุณวุฒิก็ยังตัดสินให้คนที่ใช้โทรศัพท์นั้นได้รางวัลที่ 1 อีกด้วย

ความยุติธรรมมันยังมีบนโลกใบนี้อีกรึเปล่าคะ ???

นักเรียนเตรียมตัวการพูดรอบแรกมาเพื่ออะไร สุนทรพจน์ คำพูดที่ดี วาทศิลป์ดีๆ โวหารต่างๆ มันไม่ได้มีค่าในงานระดับ UN ของคุณเลยหรือ?

สิ่งที่คุณต้องการคือให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นโดยเอาข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตเท่านั้นใช่มั้ย?

การแข่งขันที่กำหนดการเริ่ม 10.30 เลื่อนเป็น 11.00 และสิ้นสุดในเวลาเกือบ 17.00 นี่มันคืออะไร?

คุณขอเวลาในการตัดสินรอบ 6 คนสุดท้ายเป็นอย่างน้อย 45 นาที เพื่อไปพิมพ์ประกาศนียบัตรแค่รางวัล 1 2 3 ได้เท่านั้นเองหรือ?

แล้วเด็กๆคนอื่นที่มานั่งเสียเวลารอ คุณให้รอเพื่ออะไร ทำไมถึงพิมพ์ประกาศนียบัตรพร้อมกันไม่ได้ หรือว่ามันมีการพิมพ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ???

แล้วการแข่งขันระดับนี้ มันสามารถเปลี่ยนกรรมการได้กลางคันหรือคะ แล้วระดับของคะแนนและความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน?

ถ้าคุณไม่พร้อมขนาดนี้ ไม่สมควรที่จะมาจัดงานแบบนี้นะคะ นักเรียนที่เสียสละเวลาทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ กลับถูกเอาเปรียบ ถูกตัดสินด้วยความอยุติธรรม !!

และที่ขัดหูขัดตามากที่สุด คือ งานนี้คุณแจ้งมาว่าเป็นการจัดร่วมกับองค์การสหประชาชาิติ (UN) มันดูยิ่งใหญ่มากนะคะ แต่ในการแข่งขันสุนทรพจน์ดิฉันไม่พบเห็นบุคคลใดที่จะเหมาะสมกับ UN เลย พิธีกรแจ้งว่ามีตัวแทนจาก UN 1 ท่านมาเป็นผู้สังเกตุการณ์ งงมากค่ะ ทำไมคุณไม่มาเป็นกรรมการเลยล่ะคะ มานั่งดูเฉยๆ แล้วพอตอนตัดสินก็มามีส่วนร่วมอย่างนั้นหรือ?  การแต่งกายในงานพิธีการแบบนี้ก็ควรจะดูกาลเทศะด้วย สากลนิยมควรเป็นชุดกระโปรง ใส่สูท ไม่ใช่ใส่กางเกง 3 ส่วนรัดเป้า เสื้อยืด และรองเท้าส้นตึก มานั่งเปิดโน้ตบุคเพื่อทำธุระส่วนตัว
ดิฉันว่ามันไม่สมควรอย่างมากนะคะ

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ และนำมาโพสต์ในเว็บไซด์นี้ เพียงเพื่อหวังว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะรับทราบและนำไปแก้ไขบ้าง คุณบอกว่าปีหน้าให้มาร่วมกันใหม่ อย่าหวังเลยค่ะว่าจะไปถ้างานมันยังเป็นในรูปแบบนี้ เสียความรู้สึกมากๆ นักเรียนที่ตั้งใจเตรียมตัวมาอย่างดี กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับความไร้ประสบการณ์และความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของคนบางคน

ดิฉันเชื่อว่าเว็บไซด์นี้เป็นที่รู้จักของคนอย่างกว้างขวาง จะต้องมีคนรู้จักกับคนพวกนี้บ้างไม่มากก็น้อย ช่วยกันกระจายข่าวให้พวกเขาทราบด้วยนะคะ ว่ามันเลวร้ายมากสำหรับประสบการณ์ของนักเรียนที่เขามีความตั้งใจ

ผู้ใดที่อ่านและมีความคิดเห็นใดใด ช่วยติติงหรือแนะนำดิฉันก็ได้นะคะ ถ้าพิมพ์ผิดพลาดประการใดไป

วันนี้กองวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ได้ทำให้นักเรียนจำนวนหนึ่งได้รู้ว่า "ความไม่ยุติธรรมมันมีอยู่จริงบนโลก" ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่