เพราะ ชีวิตเป็นพัฒนาการ ไม่ใช่ ภาวะหยุดนิ่ง
แต่แปรเปลี่ยน เติบโต เรียนรู้ สู่วุฒิภาวะ แล้ว..จากจร
วัยเด็กและวัยรุ่น ชีวิตตกใต้อิทธิสัญชาตญาณเป็นส่วนใหญ่ มีความผันผวน แปรปรวนได้ง่าย ของอารมณ์ ความรู้ และความคิด
พวกเขายังเปิดรับ และซึมซับสิ่งใหม่ๆได้โดยง่าย ขอบฟ้าของประสบการณ์ยังน้อย มีความอยากลอง อยากรู้ ทดลอง
เพื่อค้นหาขอบเขตชีวิต การอิงกลุ่มเพื่อน จึงมีอิทธิพลสูง เขาปรารถนาการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนเหนือครอบครัวเสียอีก
เพราะ เพื่อนคือโลกภายนอกอีกฟากฝั่งหนึ่ง ที่เป็นความตื่นเต้นท้าทาย ซึ่งรวมถึงอนาคต และความใฝ่ฝัน ..
ส่วนครอบครัวกลับเป็นของตาย อยู่แล้ว ซึ่งถ้าเขาไม่มีความสุขจากการอยู่บ้าน ความไร้แก่นสารจะกัดกินจิตวิญญาณของเขา
อย่างน่าอนาถ สภาพไม่พร้อมภายในบ้าน จึงเป็นสิ่งอันตรายต่อ อนาคตของคุณภาพประชากร
ไม่ว่า พื้นฐานความรักระหว่างกันของพ่อแม่ สภาพการเงินหมุนเวียนเพียงพอหรือไม่ สัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งแนวดิ่งกับแนวราบ
ทั้งหมดคือบรรยากาศภายในบ้านที่ไปสร้างตัวตนพื้นฐานแรกของชีวิต
ชีวิตต้อง..และที่จริง ปรารถนาก้าวไปสู่ อิสรภาพแห่งตัวตนต่างหาก คือ สู่วุฒิภาวะที่ "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
หมายความว่า ตกใต้อิทธิพลของสัญชาตญาณน้อยลง ควบคุมมันได้ ไม่บ้ากิเลส-ตัณหาอย่างหน้ามืด
ไม่ตกเป็นทาสความอยากที่ไม่สิ้นสุดหรือไร้ขอบเขต รู้และเข้าใจในขอบเขตความต้องการ ความพอดีแห่งตนของตน ไม่บ้าตามกระแสที่ฉีกทึ้งให้ไขว่คว้า เพียงเพราะจะตกยุค ล้าสมัย ไม่เท่ห์ตามแฟชั่น ไม่ทันเพื่อน เพราะต่างก็โหนเทรนกัน
เหล่านี้ ทำให้คุณไม่เป็นอิสระ บนความรู้สึกปกติ ถูกต้อง อุ่นใจที่เต้นไปตามจังหวะกิจกรรม ที่โฉมไปเฉี่ยวมา ของการดิ้นรนที่สิ้นเปลืองพลังชีวิต บางทีถ้าฉุกคิดก็จะพบว่า ชีวิตไม่ได้ยืดยาวอย่างที่คิด...(ก็ได้)
ปล่อยให้ความไม่รู้ได้ทำโน่นนี่นั่นไปตามแรงดิ้นของเขาไป ...ผู้คน
มีกลุ่มคนที่แตกต่าง หลากหลาย ไปสร้างโลกแห่งปรากฏการณ์รายวัน แย่งซีน
มีคนที่ไร้สุข อยากระบาย อยากหาเพื่อน ต้องการเห็นพ้อง เพราะ ความเหงาแห่งยุคสมัยมีจริง ..ให้เข้าใจ
มีคนที่ทุกข์มาก เครียด และบ้า จนถึงระดับสร้างความรุนแรงที่เหลือเชื่อ .. อย่างน่าฉงนปนอนาถ?
เพราะ การเบียบเสียดแออัด ได้ลดสถานะมนุษย์สู่ ความเป็นวัตถุ ที่ดิ้นรน..แค่นั้นหรือ?
ทำให้เขาไม่เห็นค่าในตนเอง บนความไร้ระเบียบ สำแดงการปลดปล่อยพลังด้านมืด...ออกมา ไชโย!

ชีวิตเริ่มจากใจ
แต่แปรเปลี่ยน เติบโต เรียนรู้ สู่วุฒิภาวะ แล้ว..จากจร
วัยเด็กและวัยรุ่น ชีวิตตกใต้อิทธิสัญชาตญาณเป็นส่วนใหญ่ มีความผันผวน แปรปรวนได้ง่าย ของอารมณ์ ความรู้ และความคิด
พวกเขายังเปิดรับ และซึมซับสิ่งใหม่ๆได้โดยง่าย ขอบฟ้าของประสบการณ์ยังน้อย มีความอยากลอง อยากรู้ ทดลอง
เพื่อค้นหาขอบเขตชีวิต การอิงกลุ่มเพื่อน จึงมีอิทธิพลสูง เขาปรารถนาการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนเหนือครอบครัวเสียอีก
เพราะ เพื่อนคือโลกภายนอกอีกฟากฝั่งหนึ่ง ที่เป็นความตื่นเต้นท้าทาย ซึ่งรวมถึงอนาคต และความใฝ่ฝัน ..
ส่วนครอบครัวกลับเป็นของตาย อยู่แล้ว ซึ่งถ้าเขาไม่มีความสุขจากการอยู่บ้าน ความไร้แก่นสารจะกัดกินจิตวิญญาณของเขา
อย่างน่าอนาถ สภาพไม่พร้อมภายในบ้าน จึงเป็นสิ่งอันตรายต่อ อนาคตของคุณภาพประชากร
ไม่ว่า พื้นฐานความรักระหว่างกันของพ่อแม่ สภาพการเงินหมุนเวียนเพียงพอหรือไม่ สัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งแนวดิ่งกับแนวราบ
ทั้งหมดคือบรรยากาศภายในบ้านที่ไปสร้างตัวตนพื้นฐานแรกของชีวิต
ชีวิตต้อง..และที่จริง ปรารถนาก้าวไปสู่ อิสรภาพแห่งตัวตนต่างหาก คือ สู่วุฒิภาวะที่ "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
หมายความว่า ตกใต้อิทธิพลของสัญชาตญาณน้อยลง ควบคุมมันได้ ไม่บ้ากิเลส-ตัณหาอย่างหน้ามืด
ไม่ตกเป็นทาสความอยากที่ไม่สิ้นสุดหรือไร้ขอบเขต รู้และเข้าใจในขอบเขตความต้องการ ความพอดีแห่งตนของตน ไม่บ้าตามกระแสที่ฉีกทึ้งให้ไขว่คว้า เพียงเพราะจะตกยุค ล้าสมัย ไม่เท่ห์ตามแฟชั่น ไม่ทันเพื่อน เพราะต่างก็โหนเทรนกัน
เหล่านี้ ทำให้คุณไม่เป็นอิสระ บนความรู้สึกปกติ ถูกต้อง อุ่นใจที่เต้นไปตามจังหวะกิจกรรม ที่โฉมไปเฉี่ยวมา ของการดิ้นรนที่สิ้นเปลืองพลังชีวิต บางทีถ้าฉุกคิดก็จะพบว่า ชีวิตไม่ได้ยืดยาวอย่างที่คิด...(ก็ได้)
ปล่อยให้ความไม่รู้ได้ทำโน่นนี่นั่นไปตามแรงดิ้นของเขาไป ...ผู้คน
มีกลุ่มคนที่แตกต่าง หลากหลาย ไปสร้างโลกแห่งปรากฏการณ์รายวัน แย่งซีน
มีคนที่ไร้สุข อยากระบาย อยากหาเพื่อน ต้องการเห็นพ้อง เพราะ ความเหงาแห่งยุคสมัยมีจริง ..ให้เข้าใจ
มีคนที่ทุกข์มาก เครียด และบ้า จนถึงระดับสร้างความรุนแรงที่เหลือเชื่อ .. อย่างน่าฉงนปนอนาถ?
เพราะ การเบียบเสียดแออัด ได้ลดสถานะมนุษย์สู่ ความเป็นวัตถุ ที่ดิ้นรน..แค่นั้นหรือ?
ทำให้เขาไม่เห็นค่าในตนเอง บนความไร้ระเบียบ สำแดงการปลดปล่อยพลังด้านมืด...ออกมา ไชโย!