เรื่องเป็นอยู่ว่าพี่สาวเรากำลังคบหาพูดคุยกับผู้ชายคนนึงอยู่ ซึ่งตอนนี้พี่สาวเราก็ไม่ได้บอกกับครอบครัวเป็นเรื่องเป็นราวหรอกว่ากำลังคบคนนี้อยู่ ดูออกจะปิดคนในบ้านด้วยซ้ำ แต่อาการมันดูออกทั้งแม่ ทั้งพ่อ ทั้งเรา ดูรู้ว่าเขากำลังคบหากันอยู่เพราะเห็นโทรศัพท์บ่อยมาก ทีนี่พี่สาวเราก็ไม่ได้เป็นสาวเป็นแส่อะไรหรอก เพราะเขาก็เลิกกับอดีตสามีได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว และก็มีลูกสาวแล้ว หลานเราตอนนี้ก็ 10 ขวบแล้วล่ะค่ะ เราเลยค่อนข้างห่วงความรู้สึกหลานตรงจุดนี้ด้วย เพราะตอนพ่อกับแม่เลิกกันใหม่ๆ หลานเหมือนทำใจไม่ได้ ทั้งยังพ่อของหลานก็มีคนใหม่ด้วย ตอนนั้นเขาซึมเลย
ทีนี้เหตุที่เราไม่ชอบผู้ชายคนที่พี่สาวเรากำลังคบหาอยู่ และไม่อยากให้พี่สาวมีแฟนใหม่เพราะ
1. มีอยู่ครั้งนึงเขาโทรเรียกพี่สาวเราออกมาตอนเที่ยงคืนให้ออกไปข้างนอก ตอนนั้นเรายังไม่นอนเลยเจอกับพี่ตอนเขาจะออกไปข้างนอก ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้ชายคนนี้เรียกออกไป เพราะเราถามพี่สาวมันบอกว่า "เพื่อน" เราก็เอะใจอยู่แล้วว่าพี่สาวต้องมีอะไรปิดบัง เพราะมันไม่บอกตรงๆ พี่สาวเราออกไปตั้งแต่เที่ยงคืนยันตี 3 พอเรามารู้ทีหลังว่าเป็นผู้ชายคนนี้ (พี่ไม่ได้บอกหรอกว่าไปกับใครเรามารู้เอง) เราเลยคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ดึกดื่นทำไมต้องเรียกผู้หญิงออกไป แต่ตรงนี้โทษผู้ชายอย่างเดียวไม่ได้ต้องโทษพี่สาวเราด้วย
2. มีอยู่วันนึงพี่สาวพาผู้ชายคนนี้เข้ามาในบ้าน (พาเข้ามาเพราะผู้ชายขอเข้าบอกอยากมากินกาแฟ

) พอเขาเข้ามา เขาเหมือนแสดงตัวอยากจะมาสนิทกับครอบครัวเรามาก คือเหมือนจะให้ที่บ้านรู้อ่ะว่า "ฉันคบกับพี่เธอนะ" แถมทำมาเป็นจะตีสนิทกับเราอีก ซึ่งมันเร็วไปมั้ย วันนั้นพ่อก็อยู่ด้วย เราได้มาคุยกับพ่อทีหลังเรื่องนี้ พ่อเห็นด้วยกับเรานะ และออกแนวไม่ปลื้มด้วย เนื่องจากพ่อไม่ชอบคนที่จะมาตีสนิทอะไรรวดเร็วแบบนี้ (ตรงนี้เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พี่สาวคบเป็นแฟนกับอดีตพี่เขยแล้วล่ะค่ะ) ไม่รู้คนอื่นอ่านจะคิดว่าไงนะ แต่เราคิดว่าคนแบบนี้ไม่น่าไว้ใจอ่ะ
3. เหตุผลที่เราไม่อยากให้พี่สาวเรามีแฟนใหม่ หรือครอบครัวใหม่ เพราะ ชีวิตที่ผ่านมาของเขาที่ทำให้ครอบครัวล้มเหลวจนต้องเลิกรากับอดีตพี่เขย ส่วนหนึ่งก็เพราะนิสัยของพี่สาวเรานี่แหละค่ะ พูดแล้วเหมือนเราใส่ร้ายนะแต่มันเป็นเรื่องจริง คือพี่เราหาความเป็นแม่บ้านที่ดีไม่ได้เลย ปากร้าย ปากเก่ง ชอบหน้าหงิกใส่พี่เขย เวลาที่เขาพูดไม่เข้าหู แม้มันจะเป็นเรื่องที่เขาพูดเล่นๆ แซวเล่นๆ มันก็ทำหน้าไม่พอใจเหวี่ยงแบบไม่มีเหตุผล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเรื่องนี้พี่เขยเคยมาบ่นกับเราค่ะ ไม่ใช่พี่สาวเรามันไม่รู้ตัวนะว่ามันเป็นคนแบบนี้มันรู้แต่มันไม่ปรับปรุงตัวค่ะ แถมเรื่องงานบ้านก็ขี้เกียจอีก คือพูดง่ายๆ มันไม่มีเสน่ห์อะไรมัดใจพี่เขยเราได้อีกต่อไป ที่จริงเรื่องของพี่สาวเรามันก็แค่ส่วนหนึ่งของการเลิกรา มันมีเหตุผลอื่นอีกแหละ แต่พี่สาวเรามันไม่คิดว่าการเลิกครั้งนี้เป็นความผิดมัน มันมองว่าพี่เขยเป็นต้นเหตุที่ผิด แต่ทั้งเรา พ่อ แม่ มองตรงกันค่ะว่ามันมีส่วนผิด ที่นี้ไอ้พฤติกรรมของมันเนี่ยมันไม่ได้แสดงออกตอนคบเป็นแฟนหรอก มันมาแสดงออกตอนแต่งงานอยู่ด้วยกัน คือคบแรกๆ พี่สาวเราจะเหมือนนางฟ้า นางสวรรค์ของทุกคนนี่แหละ และเราคิดว่าผู้ชายคนปัจจุบันที่มันคบอยู่มันก็ต้องคิดงั้น และสิ่งที่ทั้งพ่อ แม่ และเรากลัวกันว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะตั้งแต่ครั้งที่มันแต่งงานครั้งแรก มันทำปัญหาให้ท้งพ่อ ทั้งแม่ ต้องมานั่งแก้ทั้งๆ ที่มันโตแล้ว และที่สำคัญเป็นปัญหาของครอบครัวมันเอง แต่พ่อแม่ยังต้องมานั่งเคลียร์ให้ ที่จริงปัจจุบันนี้ก็ยังต้องเคลียร์อยู่เพราะมันเลิกกับพี่เขยเราได้ไม่ดีนักพ่อแม่ตั้งเป็นคนมาันั่งเคลียร์และตกลงกันเรื่องการส่งเสียหลานเรา (ปัจจุบันหลานเราอยู่กับครอบครัวเราน่ะ) และถ้ามันคิดจะมีอีกทั้งครอบครัวเราคิดว่าต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ เพราะนิสัยพี่สาวเรามันไม่เคยคิดจะเปลี่ยนค่ะ อีกทั้งผู้ชายที่มันคบอยู่ก็มีลูกติดมาเหมือนกัน
เราเองเคยคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่นะ แต่พักหลังๆ ไม่ค่อยอยากคุย เพราะเวลาคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เราเห็นสีหน้าทุกข์ของทั้งสอง เราไม่อยากเห็นสีหน้าแบบนั้น เราเห็นแล้วรู้สึกโกรธพี่สาวเรา เชื่อมั้ยตลอดชีวิตนี้พี่สาวเราทำเรื่องให้พ่อแม่ตลอดเวลา ตั้งแต่วัยรุ่น ยันโตมีลูกมีเต้ามันยังทำเรื่องให้ท่าน พี่สาวเราห่างกับเรา 11 ปี นะแต่ทุกวันนี้มันยังไม่สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้าไม่มีพ่อแม่คอยค้ำชูช่วยเหลือ ป่านนี้มันตายไปแล้ว ตัวเราเองก็ใช่ว่าจะดีนักหรอก แต่เราบอกได้เลยว่าเราไม่เคยเอาเรื่องหนักใจให้พ่อแม่ ส่วนหนึ่งเพราะเราเห็นพ่อแม่หนักใจกับพี่สาวมาตั้งแต่ยังเด็ก เชื่อมั้ยมันไม่ได้เป็นตัวอย่างอะไรที่ดีให้กับเราเลย มีหลายเรื่องเลยล่ะที่มันทำ ทั้งหมดที่เราสามารถบอกได้ก็มีประมาณนี้แหละค่ะ นอกเหนือจากนั้นก็มีแต่ไม่สามารถบอกได้ คือเหมือนเราใจร้ายมั้ยที่เราคิดแบบนี้ แต่เราเองทำใจให้ชอบไม่ได้จริงๆ
เราใจร้ายไปมั้ย คือเราไม่ชอบ ไม่อยากให้พี่สาวมีแฟนใหม่ และเราก็รู้สึกโกรธพี่สาวเรามาก
ทีนี้เหตุที่เราไม่ชอบผู้ชายคนที่พี่สาวเรากำลังคบหาอยู่ และไม่อยากให้พี่สาวมีแฟนใหม่เพราะ
1. มีอยู่ครั้งนึงเขาโทรเรียกพี่สาวเราออกมาตอนเที่ยงคืนให้ออกไปข้างนอก ตอนนั้นเรายังไม่นอนเลยเจอกับพี่ตอนเขาจะออกไปข้างนอก ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้ชายคนนี้เรียกออกไป เพราะเราถามพี่สาวมันบอกว่า "เพื่อน" เราก็เอะใจอยู่แล้วว่าพี่สาวต้องมีอะไรปิดบัง เพราะมันไม่บอกตรงๆ พี่สาวเราออกไปตั้งแต่เที่ยงคืนยันตี 3 พอเรามารู้ทีหลังว่าเป็นผู้ชายคนนี้ (พี่ไม่ได้บอกหรอกว่าไปกับใครเรามารู้เอง) เราเลยคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ดึกดื่นทำไมต้องเรียกผู้หญิงออกไป แต่ตรงนี้โทษผู้ชายอย่างเดียวไม่ได้ต้องโทษพี่สาวเราด้วย
2. มีอยู่วันนึงพี่สาวพาผู้ชายคนนี้เข้ามาในบ้าน (พาเข้ามาเพราะผู้ชายขอเข้าบอกอยากมากินกาแฟ
3. เหตุผลที่เราไม่อยากให้พี่สาวเรามีแฟนใหม่ หรือครอบครัวใหม่ เพราะ ชีวิตที่ผ่านมาของเขาที่ทำให้ครอบครัวล้มเหลวจนต้องเลิกรากับอดีตพี่เขย ส่วนหนึ่งก็เพราะนิสัยของพี่สาวเรานี่แหละค่ะ พูดแล้วเหมือนเราใส่ร้ายนะแต่มันเป็นเรื่องจริง คือพี่เราหาความเป็นแม่บ้านที่ดีไม่ได้เลย ปากร้าย ปากเก่ง ชอบหน้าหงิกใส่พี่เขย เวลาที่เขาพูดไม่เข้าหู แม้มันจะเป็นเรื่องที่เขาพูดเล่นๆ แซวเล่นๆ มันก็ทำหน้าไม่พอใจเหวี่ยงแบบไม่มีเหตุผล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเรื่องนี้พี่เขยเคยมาบ่นกับเราค่ะ ไม่ใช่พี่สาวเรามันไม่รู้ตัวนะว่ามันเป็นคนแบบนี้มันรู้แต่มันไม่ปรับปรุงตัวค่ะ แถมเรื่องงานบ้านก็ขี้เกียจอีก คือพูดง่ายๆ มันไม่มีเสน่ห์อะไรมัดใจพี่เขยเราได้อีกต่อไป ที่จริงเรื่องของพี่สาวเรามันก็แค่ส่วนหนึ่งของการเลิกรา มันมีเหตุผลอื่นอีกแหละ แต่พี่สาวเรามันไม่คิดว่าการเลิกครั้งนี้เป็นความผิดมัน มันมองว่าพี่เขยเป็นต้นเหตุที่ผิด แต่ทั้งเรา พ่อ แม่ มองตรงกันค่ะว่ามันมีส่วนผิด ที่นี้ไอ้พฤติกรรมของมันเนี่ยมันไม่ได้แสดงออกตอนคบเป็นแฟนหรอก มันมาแสดงออกตอนแต่งงานอยู่ด้วยกัน คือคบแรกๆ พี่สาวเราจะเหมือนนางฟ้า นางสวรรค์ของทุกคนนี่แหละ และเราคิดว่าผู้ชายคนปัจจุบันที่มันคบอยู่มันก็ต้องคิดงั้น และสิ่งที่ทั้งพ่อ แม่ และเรากลัวกันว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะตั้งแต่ครั้งที่มันแต่งงานครั้งแรก มันทำปัญหาให้ท้งพ่อ ทั้งแม่ ต้องมานั่งแก้ทั้งๆ ที่มันโตแล้ว และที่สำคัญเป็นปัญหาของครอบครัวมันเอง แต่พ่อแม่ยังต้องมานั่งเคลียร์ให้ ที่จริงปัจจุบันนี้ก็ยังต้องเคลียร์อยู่เพราะมันเลิกกับพี่เขยเราได้ไม่ดีนักพ่อแม่ตั้งเป็นคนมาันั่งเคลียร์และตกลงกันเรื่องการส่งเสียหลานเรา (ปัจจุบันหลานเราอยู่กับครอบครัวเราน่ะ) และถ้ามันคิดจะมีอีกทั้งครอบครัวเราคิดว่าต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ เพราะนิสัยพี่สาวเรามันไม่เคยคิดจะเปลี่ยนค่ะ อีกทั้งผู้ชายที่มันคบอยู่ก็มีลูกติดมาเหมือนกัน
เราเองเคยคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่นะ แต่พักหลังๆ ไม่ค่อยอยากคุย เพราะเวลาคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เราเห็นสีหน้าทุกข์ของทั้งสอง เราไม่อยากเห็นสีหน้าแบบนั้น เราเห็นแล้วรู้สึกโกรธพี่สาวเรา เชื่อมั้ยตลอดชีวิตนี้พี่สาวเราทำเรื่องให้พ่อแม่ตลอดเวลา ตั้งแต่วัยรุ่น ยันโตมีลูกมีเต้ามันยังทำเรื่องให้ท่าน พี่สาวเราห่างกับเรา 11 ปี นะแต่ทุกวันนี้มันยังไม่สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้าไม่มีพ่อแม่คอยค้ำชูช่วยเหลือ ป่านนี้มันตายไปแล้ว ตัวเราเองก็ใช่ว่าจะดีนักหรอก แต่เราบอกได้เลยว่าเราไม่เคยเอาเรื่องหนักใจให้พ่อแม่ ส่วนหนึ่งเพราะเราเห็นพ่อแม่หนักใจกับพี่สาวมาตั้งแต่ยังเด็ก เชื่อมั้ยมันไม่ได้เป็นตัวอย่างอะไรที่ดีให้กับเราเลย มีหลายเรื่องเลยล่ะที่มันทำ ทั้งหมดที่เราสามารถบอกได้ก็มีประมาณนี้แหละค่ะ นอกเหนือจากนั้นก็มีแต่ไม่สามารถบอกได้ คือเหมือนเราใจร้ายมั้ยที่เราคิดแบบนี้ แต่เราเองทำใจให้ชอบไม่ได้จริงๆ