กู๊ดอีฟนิ่งหล่า.........และซำบายดี........
วันนี้ผมทักเพื่อนพ้องน้องหลานด้วยภาษาอังฤษแบบสิงกะโปร์เน้อ........555.ใครไปเที่ยวสิงกะโปร์บ่อยๆจะคุ้นหูกับคำว่า "หล่า"ของพวกเขานะครับ......ประมาณว่าเป็นคำพูดติดปากของเขาเหมือนคน"จันทน์ฮิ"นั่นแหละ.......ผมขี่รถไปสิงบุรีเมื่อ20ปีก่อนได้ยินเขาพูดอย่างนี้มาจนคุ้นหู(เมืองสิงกะโปร์นี่ เดิมเขาชื่อสิงหะปุระ)...เป็นเมืองของเจ้าเมืองแขกมะลายูมาแต่เดิม(ประเทศมาเลเซียนี่แต่เดิมชื่อเมืองมะลายูนะครับ-พอได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อ60ปีที่ผ่านมา-เขาก็เปลี่ยนชื่อเป็นมาเลเซีย......
....แบบเดียวกับประเทศอินเดียนั้น เมื่อก่อนเขาชื่อประเทศฮินดูสถาน..พอได้รับเอกราชจากอังกฤษ......อังกฤษก็เลยผ่าเมืองแขกออกเป็น3ประเทศ........โอ๊ย....จะกู่ไม่กลับอีกแล้ว-หยุดก่อนเดก่า......พออังกฤษให้เอกราชกับมาเลเซีย...สิงกะโปร์(ภาษาวิบัตินะครับ อย่าจำไปใช้ ผมพูดแบบคนโบราณ)........ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของมาเลย์ เนื่องจากสิงกะโปร์มีคนจีน80%ของประเทศ......เขาเลยขอตั้งประเทศใหม่(แผลงจากสิงหะปุระมาเป็นสิงกะโปร์ดังกล่าว.......)
คนจีนในสิงกะโปร์จะเป็นชาวไหหลำ(เกาะไหหนำ) ผสมกับฮกเกี้ยน ผสมกับกวางตุ้ง.....ชนชาวจีนที่อยู่ชายทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้จะอพยพมาทำมาหากินกันที่ปลายแหลมมะลายูนี่เยอะกว่าคนจีนซัวเถา(จีนแต้จิ๋ว)ในเมืองไทยเรา........โอย......หยุดอีกรอบหนึ่ง...เดี๋ยวกู่ไม่กลับอีก
สรุปแล้วคนสิงกะโปร์จะพูดอะไร...เขาจะต้องต่อท้ายด้วยคำว่า "หล่า"เสมอ........เช่นเราไปต่อราคาสินค้าของเขา...หากเป็นที่พอใจของคนขาย.......เขาก็จะพยักหน้าและพูดว่า "โอเค.หล่า"........นี่คือที่มาของคำว่ากู๊ดอิฟนิ่งหล่า......ส่วนหากเราพูดกับเขาและต่อท้ายด้วยคำว่าหล่า........เขาจะขำเราครับ-เหมือนกับว่าเราไปแซวเขาน่ะ.......ตรงไหกำลังนจะฆ่ากันตาย....พอเราแทรกเข้าไปพูดว่า โอเคหล่า....บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป......แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ-วันนี้ไปเที่ยวก๋องปูจากันก่อน.......
งานก๋องปูจาที่กล่าวนี้ถือเป็นประเพณีของชาวเมืองลำปางเขาโดยเฉพาะ แม้ว่าเครื่องทรงองค์เอวของผู้อยู่ในกรรมพิธีก๋องปูจานี่จะแต่งตัวที่ให้บรรยากาศแบบคนเหนือก็ตาม.....แต่หัวเมืองเหนือจังหวัดอื่น ผมยังไม่เคยเห็น.......โดยเฉพาะหากเราเป็นคนชอบศึกษาเกี่ยวกับประเพณีที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่.......ขอให้ไปดูประวัติและความเป็นมาของเขาได้จากวัด "เจดีย์ซาว".......หากผมจำไม่ผิดดูเหมือนจะออกจากตัวเมืองไปตามถนนลำปาง-แม่เมาะสัก10กิโลเมตรเห็นจะได้
เจดีย์ซาวก็หมายถึงวัดที่มีเจดีย์ 20 ยอดนั่นเอง........เดี๋ยวค่อยมาว่ากันเรื่องวัดเจดีย์ซาว.ตอนนี้กลับมางานก๋องปูจากันก่อน......คำว่าก๋องปูจานั้นพูดแบบภาษากลางก็คือ........"กลองบูชา"........เมื่อออกสำเนียงแบบภาษาเหนือก็เลยกลายเป็นก๋องปูจา........
คำว่ากลองบูชานั้น เป็นประเพณีที่พัฒนามาจากการตีกลองเพล ส่งสัญญานให้พระลงหอฉันนั่นประการหนึ่ง.......อีกประการหนึ่งคือการตีกลองบอกว่าให้พระลงอุโบสถ-สวดมนต์เย็นอีกประการหนึ่ง......
จากกลองเพล.......ก็กลายมาเป็นกลองที่ผู้ใหญ่บ้านไปอาศัยกลองที่วัด ตีประชุมลูกบ้านเพื่อทำกิจกรรมอะไรแบบโบราณๆกันไปตามเรื่อง เช่นการนัดหมายมาประชุมเพื่อทอดผ้าป่า-ผ้ากฐินฯลฯจิปาถะ เนื่องจากในสมัยโบราณ.......พระ(เจ้าอาวาส)มักจะเป็นแกนนำของชาวบ้านแบบประสานมือกับกำนันฯลฯ.......
สรุปแล้ว-เมื่อสัญญานกลองดังขั้นก็เท่ากับเป็นการเรียกประชุมอะไรสักอย่างในหมู่บ้านนั้นๆ.......ตอนนี้ขอส่งเรื่องลงไปก่อนนะครับ-ไม่งั้นจะยาวเกินไป อ่านกันตาลัยเลยแหละ

นี่คือวัดเจดีย์ซาวที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้ว
อยากให้กระทู้มีสาระ(ไปเที่ยวงานก๋องปูจากันนะครับ)
วันนี้ผมทักเพื่อนพ้องน้องหลานด้วยภาษาอังฤษแบบสิงกะโปร์เน้อ........555.ใครไปเที่ยวสิงกะโปร์บ่อยๆจะคุ้นหูกับคำว่า "หล่า"ของพวกเขานะครับ......ประมาณว่าเป็นคำพูดติดปากของเขาเหมือนคน"จันทน์ฮิ"นั่นแหละ.......ผมขี่รถไปสิงบุรีเมื่อ20ปีก่อนได้ยินเขาพูดอย่างนี้มาจนคุ้นหู(เมืองสิงกะโปร์นี่ เดิมเขาชื่อสิงหะปุระ)...เป็นเมืองของเจ้าเมืองแขกมะลายูมาแต่เดิม(ประเทศมาเลเซียนี่แต่เดิมชื่อเมืองมะลายูนะครับ-พอได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อ60ปีที่ผ่านมา-เขาก็เปลี่ยนชื่อเป็นมาเลเซีย......
....แบบเดียวกับประเทศอินเดียนั้น เมื่อก่อนเขาชื่อประเทศฮินดูสถาน..พอได้รับเอกราชจากอังกฤษ......อังกฤษก็เลยผ่าเมืองแขกออกเป็น3ประเทศ........โอ๊ย....จะกู่ไม่กลับอีกแล้ว-หยุดก่อนเดก่า......พออังกฤษให้เอกราชกับมาเลเซีย...สิงกะโปร์(ภาษาวิบัตินะครับ อย่าจำไปใช้ ผมพูดแบบคนโบราณ)........ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของมาเลย์ เนื่องจากสิงกะโปร์มีคนจีน80%ของประเทศ......เขาเลยขอตั้งประเทศใหม่(แผลงจากสิงหะปุระมาเป็นสิงกะโปร์ดังกล่าว.......)
คนจีนในสิงกะโปร์จะเป็นชาวไหหลำ(เกาะไหหนำ) ผสมกับฮกเกี้ยน ผสมกับกวางตุ้ง.....ชนชาวจีนที่อยู่ชายทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้จะอพยพมาทำมาหากินกันที่ปลายแหลมมะลายูนี่เยอะกว่าคนจีนซัวเถา(จีนแต้จิ๋ว)ในเมืองไทยเรา........โอย......หยุดอีกรอบหนึ่ง...เดี๋ยวกู่ไม่กลับอีก
สรุปแล้วคนสิงกะโปร์จะพูดอะไร...เขาจะต้องต่อท้ายด้วยคำว่า "หล่า"เสมอ........เช่นเราไปต่อราคาสินค้าของเขา...หากเป็นที่พอใจของคนขาย.......เขาก็จะพยักหน้าและพูดว่า "โอเค.หล่า"........นี่คือที่มาของคำว่ากู๊ดอิฟนิ่งหล่า......ส่วนหากเราพูดกับเขาและต่อท้ายด้วยคำว่าหล่า........เขาจะขำเราครับ-เหมือนกับว่าเราไปแซวเขาน่ะ.......ตรงไหกำลังนจะฆ่ากันตาย....พอเราแทรกเข้าไปพูดว่า โอเคหล่า....บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป......แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ-วันนี้ไปเที่ยวก๋องปูจากันก่อน.......
งานก๋องปูจาที่กล่าวนี้ถือเป็นประเพณีของชาวเมืองลำปางเขาโดยเฉพาะ แม้ว่าเครื่องทรงองค์เอวของผู้อยู่ในกรรมพิธีก๋องปูจานี่จะแต่งตัวที่ให้บรรยากาศแบบคนเหนือก็ตาม.....แต่หัวเมืองเหนือจังหวัดอื่น ผมยังไม่เคยเห็น.......โดยเฉพาะหากเราเป็นคนชอบศึกษาเกี่ยวกับประเพณีที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่.......ขอให้ไปดูประวัติและความเป็นมาของเขาได้จากวัด "เจดีย์ซาว".......หากผมจำไม่ผิดดูเหมือนจะออกจากตัวเมืองไปตามถนนลำปาง-แม่เมาะสัก10กิโลเมตรเห็นจะได้
เจดีย์ซาวก็หมายถึงวัดที่มีเจดีย์ 20 ยอดนั่นเอง........เดี๋ยวค่อยมาว่ากันเรื่องวัดเจดีย์ซาว.ตอนนี้กลับมางานก๋องปูจากันก่อน......คำว่าก๋องปูจานั้นพูดแบบภาษากลางก็คือ........"กลองบูชา"........เมื่อออกสำเนียงแบบภาษาเหนือก็เลยกลายเป็นก๋องปูจา........
คำว่ากลองบูชานั้น เป็นประเพณีที่พัฒนามาจากการตีกลองเพล ส่งสัญญานให้พระลงหอฉันนั่นประการหนึ่ง.......อีกประการหนึ่งคือการตีกลองบอกว่าให้พระลงอุโบสถ-สวดมนต์เย็นอีกประการหนึ่ง......
จากกลองเพล.......ก็กลายมาเป็นกลองที่ผู้ใหญ่บ้านไปอาศัยกลองที่วัด ตีประชุมลูกบ้านเพื่อทำกิจกรรมอะไรแบบโบราณๆกันไปตามเรื่อง เช่นการนัดหมายมาประชุมเพื่อทอดผ้าป่า-ผ้ากฐินฯลฯจิปาถะ เนื่องจากในสมัยโบราณ.......พระ(เจ้าอาวาส)มักจะเป็นแกนนำของชาวบ้านแบบประสานมือกับกำนันฯลฯ.......
สรุปแล้ว-เมื่อสัญญานกลองดังขั้นก็เท่ากับเป็นการเรียกประชุมอะไรสักอย่างในหมู่บ้านนั้นๆ.......ตอนนี้ขอส่งเรื่องลงไปก่อนนะครับ-ไม่งั้นจะยาวเกินไป อ่านกันตาลัยเลยแหละ
นี่คือวัดเจดีย์ซาวที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้ว