สมัยอยู่ที่ญี่ปุ่นนั้น เกียวโตนับเป็นเมืองที่ผมไปเที่ยวบ่อย แต่ถึงแม้จะได้ไปเยือนเมืองนี้หลายครั้ง แต่ก็ยังได้ไปไม่ทั่วเลย
มนต์เสน่ประการหนึ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบเกียวโตนั้น ก็คือการที่เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแห่งนี้ สามารถรักษาความเอกลักษณ์ในแบบฉบับดั้งเดิมได้อย่างเหนียวแน่นไปพร้อมๆกับการเดินหน้าไปกับยุคสมัย แม้เกียวโตจะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดีบต้นๆของญี่ปุ่น แต่ทั้งฝ่ายผู้บริหารและชาวเมืองก็ร่วมมือร่วมใจกันรักษาสิ่งดีๆที่ตนมีเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ความสะอาด วิถีชีวิต และธรรมชาติไม่ให้สูญหายไปโดยไม่เห็นแก่การโกยเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวในระยะสั้นๆแต่อย่างเดียว (พอพูดถึงข้อนี้แล้วก็รู้สึกเสียดายสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายๆแห่งในบ้านเราขึ้นมาทันทีครับ)
ด้วยความชอบที่ผมมีต่อเกียวโตนี้นี่เอง Kamo, Kyoto e Iku ขึ้นมาทันที
ละครเรื่องนี้ บอกเล่าเรื่องราวของสาวเก่งโปรไฟล์เยี่ยมนาม อุเอบะ คาโมะ เธอจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอย่างโตได
และได้ทำงานเป็นข้าราชการประจำกระทรวงการคลัง แม้บ้านเดิมของเธอจะอยู่ที่เกียวโต แต่เธอก็ไม่ชอบที่นั่นเลยสักนิด (และหนึ่งในสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอไม่ชอบเกียวโตก็คือ เธอถูกตั้งชื่อตามแม่น้ำคาโมะ 鴨 ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของเกียวโตและมีความหมายตามตัวอักษรว่า "เป็ด" )
แม่น้ำคาโมะ
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง แม่ของเธอซึ่งเป็นโอคามิ (นายหญิง) ของเรียวกังชื่อดังแห่งหนึ่งในเกียวโตได้เสียชีวิตลง เธอจึงต้องกลับบ้านเกิด และพบความจริงว่า เรียวกังของแม่นั้นประสบปัญหาขาดทุน มีหนี้อยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องมาบริหารเรียวกังอย่างไม่เต็มใจนัก ในขณะที่เนื้อเรื่องดำเนินไปในแต่ละตอน คาโมะต้องพยายามรับมือกับทีมงานชุดเดิมของแม่ และต้อนรับแขกหลากหลายรูปแบบ ในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องรับมือกับศึกนอก จากบริษัทเจ้าหนี้ที่ต้องการฮุบกิจการเรียวกังแห่งนี้ ประสบการณ์เหล่านี้นี่เองที่ทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งใหม่และเติบโตขึ้นเรื่อยๆในฐานะโอคามิ
โดยรวมแล้ว ถึงแม้ Kamo, Kyoto e Iku อาจจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่นหวือหวาจนถึงขั้น"พลาดไม่ได้"
แต่ก็ถิอว่าทำได้ดีกว่ามาตรฐาน ดูได้สบายๆ และมีภาพทิวทัศน์จากสถานที่สวยๆ ในเกียวโต (นอกเหนือ "ไฟท์บังคับ" ของกรุ๊ปทัวร์อย่างวัดน้ำใสคิโยมิซึ หรือวัดทองคินคะคุจิ)มาให้ดูพอเป็นกระษัย แต่ก็ไม่ Hard Saleจนเกินงาม ชวนให้ผมได้ระลึกถึงความหลังพอสมควร
ยกตัวอย่างเช่น (ภาพในกระทู้เอามาจาก internet ไม่ได้ถ่ายเองครับ)
วัด Chion-in มีจุดเด่นคือประตูวัดขนาดยักษ์ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ (สามารถขึ้นไปบนประตูได้)
สะพานไม่ในศาลเจ้าเฮอัน
สะพานหินข้ามแม่น้ำคาโมะ
สะพาน Togetsukyo ที่ Arashiyama
เจดีย์ ยาซากะ
Kamo, Kyoto e Iku: การพบกันระหว่างคนยุคเก่าและคนยุคใหม่
มนต์เสน่ประการหนึ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบเกียวโตนั้น ก็คือการที่เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแห่งนี้ สามารถรักษาความเอกลักษณ์ในแบบฉบับดั้งเดิมได้อย่างเหนียวแน่นไปพร้อมๆกับการเดินหน้าไปกับยุคสมัย แม้เกียวโตจะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดีบต้นๆของญี่ปุ่น แต่ทั้งฝ่ายผู้บริหารและชาวเมืองก็ร่วมมือร่วมใจกันรักษาสิ่งดีๆที่ตนมีเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ความสะอาด วิถีชีวิต และธรรมชาติไม่ให้สูญหายไปโดยไม่เห็นแก่การโกยเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวในระยะสั้นๆแต่อย่างเดียว (พอพูดถึงข้อนี้แล้วก็รู้สึกเสียดายสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายๆแห่งในบ้านเราขึ้นมาทันทีครับ)
ด้วยความชอบที่ผมมีต่อเกียวโตนี้นี่เอง Kamo, Kyoto e Iku ขึ้นมาทันที
ละครเรื่องนี้ บอกเล่าเรื่องราวของสาวเก่งโปรไฟล์เยี่ยมนาม อุเอบะ คาโมะ เธอจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอย่างโตได
และได้ทำงานเป็นข้าราชการประจำกระทรวงการคลัง แม้บ้านเดิมของเธอจะอยู่ที่เกียวโต แต่เธอก็ไม่ชอบที่นั่นเลยสักนิด (และหนึ่งในสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอไม่ชอบเกียวโตก็คือ เธอถูกตั้งชื่อตามแม่น้ำคาโมะ 鴨 ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของเกียวโตและมีความหมายตามตัวอักษรว่า "เป็ด" )
แม่น้ำคาโมะ
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง แม่ของเธอซึ่งเป็นโอคามิ (นายหญิง) ของเรียวกังชื่อดังแห่งหนึ่งในเกียวโตได้เสียชีวิตลง เธอจึงต้องกลับบ้านเกิด และพบความจริงว่า เรียวกังของแม่นั้นประสบปัญหาขาดทุน มีหนี้อยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องมาบริหารเรียวกังอย่างไม่เต็มใจนัก ในขณะที่เนื้อเรื่องดำเนินไปในแต่ละตอน คาโมะต้องพยายามรับมือกับทีมงานชุดเดิมของแม่ และต้อนรับแขกหลากหลายรูปแบบ ในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องรับมือกับศึกนอก จากบริษัทเจ้าหนี้ที่ต้องการฮุบกิจการเรียวกังแห่งนี้ ประสบการณ์เหล่านี้นี่เองที่ทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งใหม่และเติบโตขึ้นเรื่อยๆในฐานะโอคามิ
โดยรวมแล้ว ถึงแม้ Kamo, Kyoto e Iku อาจจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่นหวือหวาจนถึงขั้น"พลาดไม่ได้"
แต่ก็ถิอว่าทำได้ดีกว่ามาตรฐาน ดูได้สบายๆ และมีภาพทิวทัศน์จากสถานที่สวยๆ ในเกียวโต (นอกเหนือ "ไฟท์บังคับ" ของกรุ๊ปทัวร์อย่างวัดน้ำใสคิโยมิซึ หรือวัดทองคินคะคุจิ)มาให้ดูพอเป็นกระษัย แต่ก็ไม่ Hard Saleจนเกินงาม ชวนให้ผมได้ระลึกถึงความหลังพอสมควร
ยกตัวอย่างเช่น (ภาพในกระทู้เอามาจาก internet ไม่ได้ถ่ายเองครับ)
วัด Chion-in มีจุดเด่นคือประตูวัดขนาดยักษ์ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ (สามารถขึ้นไปบนประตูได้)
สะพานไม่ในศาลเจ้าเฮอัน
สะพานหินข้ามแม่น้ำคาโมะ
สะพาน Togetsukyo ที่ Arashiyama
เจดีย์ ยาซากะ