เงินเฟ้อต่ำหรือ"เงินฝืด"
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ไม่รู้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสำหรับปรากฏการณ์ "เงินเฟ้อต่ำ" อย่างต่อเนื่องมาหลายเดือน ล่าสุด "นางวัชรี วิมุกตายน" ปลัดกระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนก.ค. ว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วเพียง 0.1% แต่เทียบกับเดือนก.ค.ปี 2555 สูงขึ้น 2% เท่านั้น
นับว่าขยายตัวต่ำสุดในรอบ 44 เดือน หรือต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีเลยทีเดียว
อย่างไรถึงเรียกว่า "เงินเฟ้อ" แปลความแบบบ้านๆ คือ ภาวะที่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องในระยะเวลาหนึ่งไม่ใช่สูงปุ๊บถือเป็นเงินเฟ้อ จำนวนสินค้าที่ขึ้นราคาก็ต้องมากพอ ไม่ใช่แค่ 2-3 ชนิด อย่างนี้ไม่เรียกเงินเฟ้อ
แต่ถ้าภาวะเงินฝืดก็ตรงกันข้าม คือ สินค้าราคาต่ำอย่างต่อเนื่อง แต่กลับขายไม่ออกเพราะชาวบ้านไม่มีกำลังซื้อ
จึงสงสัยว่าอาการที่กำลังเกิดตอนนี้ คืออาการของเงินเฟ้อต่ำหรือ กำลังเข้าใกล้ภาวะเงินฝืด
หากเข้าใกล้ภาวะเงินฝืดเมื่อไหร่ อันตรายอย่างยิ่ง นั่นแสดงว่ากำลังซื้อของชาวบ้านลดลง ไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย มาซื้อสินค้า
เมื่อผู้ประกอบการขายสินค้าไม่ได้ก็ไม่มีการลงทุน ไม่มีการขยายกิจการ คนก็ไม่มีงานทำอาจจะต้องถูกให้ออกจากงาน จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น
จากการสำรวจแบบหยาบๆ จากเวลาเดินตลาดใกล้ๆ บ้านคุยกับพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว แม่ค้า ขายอาหาร ขายเนื้อต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขายของไม่ได้ พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวบอกว่าเริ่มเป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่คนเริ่มรับรถคันแรกรู้ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต้องประหยัด แม่ค้าเนื้อบอกว่า ลูกค้าหลายคนพูดตรงกันว่า กลัวการเมืองวุ่นวายจะกระทบเศรษฐกิจจึงต้องเก็บเงินไว้ก่อน
ลูกจ้างปั๊มน้ำมันบอกว่าค่าแรง 300 บาทก็เหมือนไม่ขึ้น เพราะข้าวของขึ้นราคาไปล่วงหน้า เงินแทบไม่พอใช้
ที่ผ่านมารัฐบาลหว่านเงินผ่านโครงการประชานิยม รถคันแรก ค่าแรง 300 บาท โครงการรับจำนำข้าวอย่างเดียวใช้เงินกว่า 6 แสนล้านบาท ยังมีกองทุนพัฒนาสตรี กองทุน หมู่บ้าน และอื่นๆ มากมายเม็ดเงินที่อัดฉีดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท
แต่ทำไมผลที่ออกมาไม่สมดุลกับเงินที่ใส่เข้าไป น่าแปลกใจเงินมันหายไปไหนหมด หากได้ผลจะทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนไม่รู้ว่ากี่รอบ
แต่ไม่รู้ไปกระจุกอยู่ในกระเป๋าใครแทนที่จะกระจายถึงมือชาวบ้านอย่างทั่วถึง ทำให้กำลังซื้อชาวบ้านพลอยหดหายไม่มีเม็ดเงินไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHlOVEEyTURnMU5nPT0=§ionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE15MHdPQzB3Tmc9PQ==
+++ สัญญาณ เงินเฟ้อต่ำหรือ"เงินฝืด" - เศรษฐกิจไทย วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรมาคุยกัน ....+++
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ไม่รู้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสำหรับปรากฏการณ์ "เงินเฟ้อต่ำ" อย่างต่อเนื่องมาหลายเดือน ล่าสุด "นางวัชรี วิมุกตายน" ปลัดกระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนก.ค. ว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วเพียง 0.1% แต่เทียบกับเดือนก.ค.ปี 2555 สูงขึ้น 2% เท่านั้น
นับว่าขยายตัวต่ำสุดในรอบ 44 เดือน หรือต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีเลยทีเดียว
อย่างไรถึงเรียกว่า "เงินเฟ้อ" แปลความแบบบ้านๆ คือ ภาวะที่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องในระยะเวลาหนึ่งไม่ใช่สูงปุ๊บถือเป็นเงินเฟ้อ จำนวนสินค้าที่ขึ้นราคาก็ต้องมากพอ ไม่ใช่แค่ 2-3 ชนิด อย่างนี้ไม่เรียกเงินเฟ้อ
แต่ถ้าภาวะเงินฝืดก็ตรงกันข้าม คือ สินค้าราคาต่ำอย่างต่อเนื่อง แต่กลับขายไม่ออกเพราะชาวบ้านไม่มีกำลังซื้อ
จึงสงสัยว่าอาการที่กำลังเกิดตอนนี้ คืออาการของเงินเฟ้อต่ำหรือ กำลังเข้าใกล้ภาวะเงินฝืด
หากเข้าใกล้ภาวะเงินฝืดเมื่อไหร่ อันตรายอย่างยิ่ง นั่นแสดงว่ากำลังซื้อของชาวบ้านลดลง ไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย มาซื้อสินค้า
เมื่อผู้ประกอบการขายสินค้าไม่ได้ก็ไม่มีการลงทุน ไม่มีการขยายกิจการ คนก็ไม่มีงานทำอาจจะต้องถูกให้ออกจากงาน จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น
จากการสำรวจแบบหยาบๆ จากเวลาเดินตลาดใกล้ๆ บ้านคุยกับพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว แม่ค้า ขายอาหาร ขายเนื้อต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขายของไม่ได้ พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวบอกว่าเริ่มเป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่คนเริ่มรับรถคันแรกรู้ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต้องประหยัด แม่ค้าเนื้อบอกว่า ลูกค้าหลายคนพูดตรงกันว่า กลัวการเมืองวุ่นวายจะกระทบเศรษฐกิจจึงต้องเก็บเงินไว้ก่อน
ลูกจ้างปั๊มน้ำมันบอกว่าค่าแรง 300 บาทก็เหมือนไม่ขึ้น เพราะข้าวของขึ้นราคาไปล่วงหน้า เงินแทบไม่พอใช้
ที่ผ่านมารัฐบาลหว่านเงินผ่านโครงการประชานิยม รถคันแรก ค่าแรง 300 บาท โครงการรับจำนำข้าวอย่างเดียวใช้เงินกว่า 6 แสนล้านบาท ยังมีกองทุนพัฒนาสตรี กองทุน หมู่บ้าน และอื่นๆ มากมายเม็ดเงินที่อัดฉีดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท
แต่ทำไมผลที่ออกมาไม่สมดุลกับเงินที่ใส่เข้าไป น่าแปลกใจเงินมันหายไปไหนหมด หากได้ผลจะทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนไม่รู้ว่ากี่รอบ
แต่ไม่รู้ไปกระจุกอยู่ในกระเป๋าใครแทนที่จะกระจายถึงมือชาวบ้านอย่างทั่วถึง ทำให้กำลังซื้อชาวบ้านพลอยหดหายไม่มีเม็ดเงินไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHlOVEEyTURnMU5nPT0=§ionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE15MHdPQzB3Tmc9PQ==