++ [กระทู้ต่อ] แม่นุ่น ตอน 12 ใบส่งตัว และคีโมครั้งที่ 1 เกือบไม่รอดเพราะความไม่รู้ ++

กระทู้สนทนา
ตอน 12 ใบส่งตัว และคีโมครั้งที่ 1 เกือบไม่รอดเพราะความไม่รู้

***********************************************
สรุปแผนการรักษาแม่นุ่น มีดังนี้
ส่วนที่ 1:  Docetaxel(Taxotere) + Herceptin @ 8 รอบ ทุก 3 สัปดาห์
ส่วนที่ 2:  Herceptin  @ 8 รอบ ทุก 3 สัปดาห์
หมายเหตุ:
-เจาะเลือดดูความพร้อมก่อนให้ยาทุกรอบ
-CT Scan ทุกๆ สามรอบเพื่อดูขนาดก้อนมะเร็ง
**********************************************


หนึ่งเดือนเต็ม ที่ผมต้องอยู่กับความกดดัน และคราบน้ำตา ในที่สุดความพยายามของผมก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อ แม่นุ่นได้เข้าสู่กระบวนการรักษา ด้วยการให้คีโมสูตรที่ดีที่สุดในครั้งที่ 1 เรียบร้อยแล้ว และหมอนัดติดตามผล พร้อมเจาะเลือด ในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า

ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ผมจะพอมีความรู้หลายอย่างมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้จักมันดีนัก คือการดูแลผู้ป่วยระหว่างการให้เคมีบำบัด เพราะเอาเวลาไปให้ความสำคัญกับการ ร่นระยะการรอคอยการรักษา กับเรื่องเงิน ซะเป็นส่วนใหญ่

และความที่ไม่รู้นีแหละ ที่เกือบทำให้แม่นุ่นไม่รอด

วันที่ 1-3 หลังจากการให้คีโม แม่นุ่นยังดูปกติดีอยู่มาก เอาเป็นว่าแทบไม่เห็นความผิดปกติอะไรเลย เรายังใช้ชีวิต กินอยู่ทุกอย่างตามปกติเหมือนเดิม สิ่งที่ทำให้เราดีใจกันมาก คือ หลังจากการให้ยา อาการปวดทุกอย่าง มันเริ่มทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น ที่ท้อง หรือ ที่หลัง

สัญญานที่ดีเหล่านี้ผมสบายใจมากขึ้น และนั่นก่อให้เกิดความประมาทตามมา

วันที่ 4 ในช่วงเช้า แม่นุ่นบอกผมว่า อยากทาน แหนมเนือง ซึ่งผมก็ไม่ขัด ผมขับรถไปร้านใกล้บ้านที่แม่นุ่นชอบ และซื้อมาหนึ่งชุด  แม่นุ่นทานไม่เยอะมากประมาณ 3-4 คำ

และช่วงดึก คืนนั้นเอง

แม่นุ่นเริ่มอาการท้องเสีย แต่ไม่มาก ผมพอรู้มาบ้างว่า มันอาจเป็นผลข้างเคียงของเคมีบำบัดที่สามารถเกิดขึ้นได้ ผมยังใจเย็น และไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ในใจคิดเพียงแต่ ควรระมัดระวังความสะอาดให้มากขึ้น เพราะอาการท้องเสียไม่ได้มากจนผิดปกติ

วันที่ 5 อาการท้องเสียค่อยๆรุนแรง และบ่อยมาขึ้น ทั้งกลางวัน และกลางคืน จนผมต้องออกไปซื้อเกลือแร่ให้ดื่มแทนน้ำ แต่มันก็ไม่ข่วยมากนัก แม้แม่นุ่นยังมีอาการท้องเสียอย่างต่อเนื่อง..ผมก็ยังเชื่ออยู่ตลอดว่าเป็นเผลข้างเคียงของยา... ใจเย็นจริงๆ

จนถึงวันที่ 6 ประมาณเที่ยงคืน คืนนี้อาการท้องเสีย มันมากขึ้นจนน่าจะเปลี่ยนเป็นท้องร่วงแล้ว แม่นุ่นแทบจะเดินเข้าห้องน้ำทุกๆ  ชั่วโมง

แม่นุ่นเริ่มซูบเซียว ตาลึกโบ๋ มันเป็นสัญญาณอาการของการขาดน้ำที่ผมเคยเห็นมันก่อนหน้านี้ ตอนที่ลูกสาวเป็นไวรัสโรต้า.....

“เค้าไม่ไหวแล้ว ถามหมอได้มั้ยว่าทานยาอะไรได้บ้าง” แม่นุ่นเริ่มเอ่ยปากกับผมเป็นครั้งแรก ดูจะไม่ไหวแล้วจริงๆ

ผมกระวนกระวายแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมมองนาฬิกา มันเที่ยงคืนแล้ว คิดว่าคงไม่ใช่เวลาที่สะดวกนักที่จะโทรหาหมอตอนนี้ ถึงจะมีเบอร์ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนไข้ในโครงการวิจัยอีกต่อไป

ผมมีเบอร์ แต่ไม่กล้าโทร...

ผมพยายามช่วยตัวเอง โดยการค้นหายาที่สามารถใช้ได้ทางอินเตอร์เนต แต่มันก็ไม่มีอะไรชัดเจนมากพอ ที่จะทำให้ตัดสินใจเลือกใช้ยาได้ ผมหาอยู่นาน แต่ไม่เจอข้อมูลที่เชื่อถือได้อยู่ดี กลับกันผมเจอแต่ข้อความที่ว่า ต้องระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยมะเร็งให้มากเพราะมันอันตราย

ยิ่งเจออย่างนี้แล้ว มันยิ่งทำให้ผมไม่กล้าตัดสินใจมากขึ้นไปอีก

คืนนั้น แม่นุ่นยังคงวิ่งเข้าห้องน้ำทั้งคืน โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร นอกจากคุยกับแม่นุ่นว่าเราคงต้องรีบไปหาหมอในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันที่หมอนัดพอดี


คืนนั้น ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก ภาวนาว่า ขอให้ผ่านไปให้ได้....

.....................................................

โชคยังดีที่ไม่มีเหตุการ์ฉุกเฉิน เราผ่านคืนนี้ไปได้

ตื่นเช้าผมรีบจัดแจงแม่นุ่นเตรียมตัวไป รพ อาการท้องเสียน้อยลงนิดหน่อย แต่ก็กลัวจะอั้นไม่อยู่ขณะไป รพ ทำให้ผมต้องไปซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่  

วันนี้แม่นุ่นต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก....
แม่นุ่นอ่อนเพลียมาก ท่าไม่ค่อยดี ผมรีบบึ่งรถไป รพ ทันที..............

ระหว่างทางแม่นุ่นไม่ได้มีอาการท้องเสียเพิ่มเติม
แต่วันนี้นอกจากเรื่องท้องเสีย ยังก็เป็นวันที่เรามาตามนัดด้วย ทำให้ก่อนไปพบหมอ ต้องพาแม่นุ่นไปเจาะเลือดก่อน เพื่อดู การทำงานของตับ ก่อนจะไปพบหมอที่ชั้น 4

พอไปถึง คิวเจาะเลือดค่อนข้างยาว

เราก็จำเป็นต้องรอ ขณะที่แม่นุ่น นั่งอยู่แบบหมดแรง.....

ระหว่างที่รออยู่ด้วยใจที่ร้อนรนกับคิวที่ยาวเหยียด ก็มีคุณป้าพยาบาลคนนึงมาทัก นั่งมองแม่นุ่นด้วยความสนใจ....
“เป็นอะไรมาเหรอลูก” คุณป้าพยาบาลท่าทางใจดี ถามด้วยความห่วงใย
“เป็นมะเร็งเต้านมครับ” ผมตอบคุณป้าไป หน้าเศร้าๆ
“โห ยังเด็กอยู่เลย ไม่น่าเลย อายุเท่าไหร่นี่ลูก ” คุณป้าพยาบาล พูดไปพลางปิดปาก ด้วยความตกใจปนสงสาร
“ยี่สิบเก้าครับคุณป้า” ผมตอบกลับไป
“โอยย เท่าๆ ลูกป้าเลย มานี่ดีกว่า เดี๋ยวป้าจัดการให้ สงสาร ลูกเอ้ย” ว่าแล้ว คุณป้าก็รีบจัดแจง เจาะเลือดให้แม่นุ่น โดยไม่ต้องรอคิว
“โอเค เสร็จแล้วจ๊ะ เอาเลือดไปที่แล็บได้เลย ดูแลกันดีๆ นะลูก โชคดีนะลูก” คุณป้าเจาะเลือดเรียบร้อย แล้วบอกให้ผมเอาหลอดบรรจุเลือด ไปไว้ที่แล็บได้เลย

ผมขอบคุณคุณป้า พร้อมรู้สึกดีใจที่ได้รับความใส่ใจ ห่วงใยที่ดีเช่นนี้ แต่ผมต้องรีบไปชั้น 4 แล้ว เพราคนจะเริ่มเยอะช่วงสายๆ

ถึงชั้น 4 ผมเข็นแม่นุ่นเข้าไปในห้อง ทันทีที่พยาบาลเห็น
“อ้าว เป็นไรมา ตายแล้วตาโบ๋ เลย” พยายามถามผม น้ำเสียงตกใจ
“ท้องเสียมาสามวัน แล้วครับ” ผมแจ้งพยาบาลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“สามวัน !! ตายๆๆ ดีนะไม่ช๊อค คงต้องนอนให้น้ำเกลือแล้ว จะได้มีแรงขึ้น” พยาบาลบอก จากนั้น ก็ให้แม่นุ่นไปนั่งให้น้ำเกลือ
ตอนนั้นแม่นุ่น ซีดมาก แทบไม่มีแรง แม้แต่จะลุก หรือพูดได้

ไม่นานนัก คุณหมอ ก็เดินมา ตรวจแม่นุ่น ผมไม่ได้เข้าไปฟังใกล้ๆ แต่พอจับใจความได้ว่า แม่นุ่นบอกหมอถึงอาการท้องเสีย
เห็นแบบนั้น ผมรีบเดินเข้าไปฟังด้วย

“คุณหมอครับ อาการนี้เกิดจากยาหรือป่าวครับ” ผมถามหมอด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ครับ ท้องเสียขนาดนี้เกิดจากการติดเชื้อ ถ้าเกิดจากเคมีบำบัดอาจจะแค่ 3-4 ครั้งต่อวันเท่านั้น หมอสั่งยาให้เรียบร้อยแล้ว มีแก้ท้องเสีย อิมโมเดียม และยาฆ่าเชื้อ ถ้าได้มาแล้วก็ทานเลยนะครับ” หมออธิบายถึงอาการ พร้อมยื่นใบสั่งยา ที่ผมจะต้องวิ่งไปด้านล่าง

พอได้ยินอย่างนั้น มันทำให้ผมถึงบางอ้อ ว่าผมเข้าใจผิดมาตลอดสามสี่วันที่ผานมา

ความใจเย็นของผม เกือบทำให้แม่นุ่นช็อคเพราะขาดน้ำ

ผมได้แต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น พร้อมกับเดินเซ็งๆ เพื่อไปเอายา

ไม่กี่นาทีผมก็ถึงขั้นล่าง และระหว่างที่รออยู่นั้น ผมนึกในใจว่า ผมต้องรู้จักเจ้ายาตัวนี้ดีมากขึ้นกว่าเดิมซะแล้ว จะได้ไม่พลาดแบบนี้อีก

คิดได้อย่างนั้น ผมเริ่ม ค้น ใน อินเทอเน็ต ทันที
นี่คือสิ่งที่ผม ค้นได้

**************************************
ชื่อสามัญDocetaxel
ชื่อการค้าTaxotere
ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส

ผลข้างเคียง
ร้อยละของผลข้างเคียงขึ้นอยู่กับประชากรที่ศึกษาและอาจ เปลี่ยนแปลงจากการให้ premedication โรคที่ผู้ป่วยเป็น ขนาดยา และการทำงานของตับ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (> 10%)
ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (84-99%) เลือดจาง (65-94%) เกล็ดเลือดน้อย (8-14%) ภาวะเป็นไข้ขณะมีเม็ดเลือดขาวต่ำ (6-12%) • ผมร่วง (56-76%) ความผิดปกติทางผิวหนัง เช่นแดงเฉพาะที่ บวม และลอก และอาจมีอาการรุนแรงได้ (20-48%) เล็บผิดปกติ (11-41%) • การคั่งของสารน้ำ (13-60%) • อาการทางระบบประสาท ด้านการรับความรู้สึกรวมทั้งโรคเส้นประสาท (20-58%) ด้านมอร์เตอร์ (16%) ไข้ (31-35%) • ปากอักเสบ (19-53% รุนแรง 1-8%) ท้องร่วง (23-43% รุนแรง 5-6%) คลื่นไส้ (34-42%) อาเจียน (22-23%) • ทรานส์แอมิเนสเพิ่มขึ้น (4-19%) • อ่อนแรง (53-66% รุนแรง 13-18%) ปวดกล้ามเนื้อ (3-23%) • อาการ เกี่ยวกับปอด (41%) • ติดเชื้อ (1-34%) ปฏิกิริยาภูมิแพ้ (1-21% ให้ premedication 15%)
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยปานกลาง (1-10%)
left ventricular ejection fraction ลดลง ความดันเลือดต่ำ การรับรสผิดเพี้ยน บิริลูบินเพิ่มขึ้น แอลคาไลน์ฟอสฟาเตส เพิ่มขึ้น ปฏิกิริยา ณ ตำแหน่งที่ให้ยา (ผิวหนังมีสีคล้ำ อักเสบ แดง แห้ง หลอดเลือดดำอักเสบ หลอดเลือดดำบวม) ปวดข้อ
*************************************

พออ่านเสร็จ ผมพอจะทราบแล้วล่ะ ว่าพิษสงของมันมีอะไรบ้าง
แต่ผมไม่ได้รู้สึกกลัว ในใจก็เพียงคิดว่า เราคงไม่โชคร้ายแพ้ยามากมาย และนี่ก็เจ็ดวันมาแล้วที่ไม่มีความผิดปกติอะไรทีน่ากังวล
แต่ถ้าเรื่อง ผมร่วง ผมกับแม่นุ่นก็ทำใจไว้บ้างแล้ว ว่าต้องเป็นแน่

........................
การรอยาวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ ใช้เวลาครึ่งค่อนวันกว่าจะได้ยา (รบกวนแก้ไขด่วนๆๆ)

พอได้ยาเรียบร้อย ผมก็รีบวิ่งขึ้นชั้น 4 เพื่อกลับมาหาแม่นุ่น ผมเห็นแม่นุ่นนอนอยู่สีหน้าดีขึ้นมาก หลังจากได้น้ำเกลือไปกระปุกใหญ่

“ผลเลือดออกมาแล้วนะคะ เม็ดเลือดขาวต่ำมาก เหลือ พัน เอง ค่าปกติต้อง 5000 – 10000 นะค่ะ นี่ต่ำเตี้ยติดดินเลย” พยาบาล เอาผลเลือดมาให้ดู ผมยังไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่นัก แต่ก็พยายามตั้งใจฟัง

“หมอให้ยากระตุ้นเม็ดเลือดอีกเข็ม ต้องบำรุงมากๆ นะค่ะ ไข่ เนื้อสัตว์ จัดให้เต็มที่ ไม่งั้นให้รอบหน้าไม่ได้ยานะคะ” พยาบาลแจ้งผม พร้อมกำชับ

“แล้วค่าตับเป็นยังไงบ้างครับ” ผมไม่ลืมถามในสิ่งที่ผมรอคอย และให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมันบ่งบอกถึงผลการรักษาเบื้องต้นได้

“โอว ค่าตับดีขึ้นมากเลยค่ะ เอาผลนี่ไปดูนะคะ” พยาบาลพูดพร้อมยื่นให้ ผมรีบหยิบมาดู พร้อมเทียบกับของเดิมทันที

ก่อนรับยา | หลังรับยา 1 สัปดาห์
AST 610  | 502
ALT 214  | 71
ALK 435  | 308

ผมเห็นดังนั้นก็เริ่มยิ้มออก
แม่นุ่นมีการตอบสนองต่อยาที่ถือว่าดีมาก
ผมรีบเดินไปหาแม่นุ่น เพื่อบอกข่าวดีให้ฟัง

“อ้วน ตัวเองดีขึ้นมากเลย ดูนะจะเล่าให้ฟัง” ผมบอกแม่นุ่นด้วยความดีใจ า
“เหรอ แล้ว.. มันดีใช่มั้ย” แม่นุ่นถามเบาๆ
“ใช่ๆ นี่ไง ทุกอย่างดีขึ้นหมดเลย” ผมอธิบายซ้ำ ด้วยความตื่นเต้นผสมดีใจ
พร้อมชี้ไปที่ผลเลือดทีละบรรทัด

แม่นุ่นเข้าใจที่ผมอธิบาย

“ตัวเองต้องทานเยอะๆ นะอ้วน ตัวเองต้องหาย” ผมยังย้ำถึงการรับประทานอาหาร แม่นุ่นพยักหน้า แล้วนอนต่อ เพราะยังอ่อนเพลียอยู่

ส่วนผมยังนั่งยิ้มด้วยความดีใจที่ตัดสินใจเลือกไม่ผิด ผลออกมาดีแบบนี้หมดเท่าไหร่ก็ยอม

จากผลเลือด มันทำให้เรา มีความหวัง และกำลังใจ มันเริ่มมีแสงสว่างเข้าในชีวิตบ้างแล้ว.....

พอหลังจากที่พักสักนิด เราขอบคุณ คุณหมอและพยาบาล เพื่อกลับบ้านกัน
ระหว่างทางเราทั้งคู่แลกเปลี่ยนถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดวันนี้ขึ้น

สาเหตุหลักๆ มันก็คงหนีไม่พ้น

การรับประทานที่สะอาดไม่เพียง เช่น แหนมเนืองที่มีผักสดเป็นหลัก รวมถึงผมผู้ดูแลซึ่งรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่สามารถแยกได้ว่าอะไรคือผลข้างเคียงปกติ และอะไรคือความผิดปกติ ซึ่งที่จริงแล้ว ผมควรพาแม่นุ่นมาแผนกฉุกเฉินทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด  (คิดอีกทีแล้ว เรามันโง่จริงๆ)

ผมยอมรับความผิดพลาดในครั้งนี้ ที่เกือบจะไม่มีโอกาสแก้ตัว
ผมสัญญากับตัวเองจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

...........................................

เหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไปแล้ว แม่นุ่นดีขึ้นมาก เริ่มมีอาการปากอักเสบนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรน่าวิตก ที่เห็นได้ชัดคือต่อมน้ำเหลืองใหเหนือใหปลาร้า ที่มีขนาดลดเล็กอย่างชัดเจน จากการที่ผมกดดูทุกวัน มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ กับการใช้ยาแค่เข็มแรกเท่านั้น

.....

ใกล้จะครบสามสัปดาห์ที่แม่นุ่นต้องให้ยาแล้ว ผมเริ่มคิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป นั่นคือ การไปขอใบส่งตัวครั้งที่สอง ถ้าสำเร็จ ผมจะประหยัดเงินกว่า ห้าหมื่นบาท ต่อครั้ง

ถ้าใครได้ติดตาม ผมเสียน้ำตาเรื่องใบส่งตัว มาแล้วหนึ่งครั้ง ในตอนที่ 8

ครั้งนี้ ผมมีอาวุธเด็ด คือ บันทึกข้อความ ที่คุณหมอ รพ ปลายทาง เขียนให้

ผมหวังที่สุดว่าครั้งนี้มันต้องสำเร็จ

.........................................................................

วันนี้ผมหมายมั่นปั้นมือเต็มทื่ ว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันเรียบร้อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่