++ [กระทู้ต่อ] แม่นุ่น ตอน 13: ใบส่งตัวกับหมอคนใหม่ และคีโมเข็มที่หนึ่ง ++

กระทู้สนทนา
ตอน 13: ใบส่งตัวกับหมอคนใหม่ และคีโมเข็มที่หนึ่ง

14 พ.ค. 56:
พอผมวิ่งไปถึงห้องตรวจ ทุกคนอยู่ในห้องกันหมดแล้ว
“ให้หมอช่วยส่งไปไหนครับ” หมอถามแม่นุ่น
“เอ่ออ.. พระมงกุฏครับ” ผมตอบแทนแม่นุ่น
“ตอนนี้รักษาอะไรอยู่ที่พระมงกุฏ” หมอถามต่อ
“ให้เคมีบำบัด cycle แรกไปแล้วครับ” ผมตอบ พร้อมใจที่ลุ้นระทึกว่า จะผิดหวังเหมือนครั้งที่แล้วอีกหรือไม่
“งั้นเดี๋ยวไปรอหน้าห้องนะครับ เดี๋ยวหมอจะเขียนใบส่งตัวให้” หมอตอบ


โอวว....อ้าวว....

พวกเราออกจากห้องตรวจ มองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความงงๆ...
ลุ้นแทบเป็นแทบตาย ไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวัน !!
แถมคิดแผนสำรองอีกสิบตลบ !! @_@

... ไหงคราวนี้ มันง่ายยังงี้ !!???

ทำไมหมอคนนี้ ไม่เห็นจะสาธยายเหตุผลต่างๆนาๆ เหมือนหมอคนแรกเลย
ไม่ว่าจะ เรื่องที่ว่า รร แพทย์คิดแพง
เรื่องงบประมาณน้อยไม่พอจ่ายให้คนหนึ่งคนเป็นล้านๆ
เรื่องประเทศชาติยากจน
เรื่องเซ็นต์แล้ว ผอ. จะด่า
เรื่องอะไรต่อมิอะไรสารพัด @!@#!!@#!$!

ตกลงอะไรที่หมอแต่ละท่านใช้ในการตัดสินใจจะส่งหรือไม่ส่งตัวคนไข้ อะไรคือข้อกำหนด?
อะไรคือข้อยกเว้น?
ทั้งๆ ที่เป็น รพ เดียวกัน  หมอก็อยู่แผนกเดียวกัน แค่เป็นหมอคนละกัน
ผมละงง ไปหมด?????

แต่ช่างมันเหอะ เวลานี้คงไม่ใช่เวลาที่ผมต้องคิดถึงเหตุและผลแล้ว

ผมแทบจะ กระโดด ร้องไชโย ด้วยความดีใจ ...
ในที่สุดเราได้ใบส่งตัวแล้ว เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส



พอออกมาแล้ว ผมมองหน้ากับแม่นุ่น

“ไม่เห็นจะยุ่งเหมือนที่ตัวเองบอกเลยอ้วน รุ้งี้นอนที่บ้านดีกว่า” แม่นุ่นมองค้อนผม พร้อมเชิดใส่เบาๆ

“อ้าว ก็ไม่รู้นี่ ก็หมอคนแรกก็เป็นอย่างที่บอก แล้วก็บอกให้ตัวเองมาวันนี้ด้วย” ผมรับผิด อมยิ้มเล็กๆ พร้อมเข็นแม่นุ่นรอรถหน้า รพ
.......
ใบส่งตัวก็ได้แล้ว.....
อาการแพ้แม่นุ่นก็จัดการได้แล้ว......

เฮ้อออ.... วันนี้ 14 พ.ค. 56 เป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่ผมมีความสุขสุดๆๆๆๆๆๆ    
................................................................................................

นับจากวันที่แม่นุ่นให้คีโมเข็มแรก ถึงวันนี้ก็ครบสองสัปดาห์นิดๆแล้ว
แม่นุ่นเริ่มมีอาการเจ็บปากแต่ไม่มากนัก
เส้นผมที่แรกๆยังไม่ร่วง พอเข้าสิบวัน มันยิ่งร่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
จากหย่อมๆ..
เป็นกำๆ...ร่วงอยู่เต็มพื้น

ถึงผมไม่ได้ทักแม่นุ่น แต่ใจก็อดสงสารไม่ได้ว่าในที่สุด ผมร่วงคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ

“ให้เค้าตัดผม หรือโกนให้ดีมั้ย จะได้ไม่ต้องคอยเก็บ” ผมถามแต่ไม่เครียดพร้อมยื่นข้อเสนอ ทั้งเห็นใจ ทั้งสงสาร

“ไม่เอาอ่ะ ปล่อยมันร่วงไปเหอะ” แม่นุ่นตอบผมเสียงเศร้า

ผมก็ไม่ได้คะยั้นคะยอมากไปกว่านั้น  ได้แต่พยักหน้า พร้อมคอยเก็บเส้นผม

ที่ตอนนี้ เต็มถังขยะแล้ว....

เท่าที่ดูด้วยตา ไม่นานคงหมดหัวแน่

ผมเริ่มคิดถึง หมวก หรือ ผ้าโพกผม ที่คงต้องรีบหา แต่ไม่รู้จะหาที่ไหน

วันต่อมาผมก็เลยขับรถไปทุกห้างในย่านนี้ ไม่ว่าจะเป็น เมกาบางนา พาราไดซ์ ปาร์ค เซ็นทรัลบางนา แต่สุดท้ายมาได้หลายๆ อย่างที่ซีคอน

ผมไม่รู้หรอกอันไหนสวย เลยซื้อหมวกสามสี่ใบ พร้อมผ้าคลุมไหลผืนใหญ่ที่โพกหัวได้ อีก ห้าหก ผืน ไปให้เค้าเลือก

ผมใช้เวลาทั้งวัน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มืด พร้อมของ พะรุงพะรัง
ผมรีบเดินไปหาแม่นุ่น

“ซื้อของมาหลายอย่างเลยน๊า ทั้งหมวก ทั้งผ้าโพกหัว ดูสิถูกใจมั้ย” ผมรีบนำเสนอ ของที่เดินหามาทั้งวัน

ผมรื้อทุกอย่างออกมาให้ดูทีละชิ้นๆ

“สวยดีนะ ดูดีเชียว” แม่นุ่นบอก ชอบที่ผมเลือกมาให้

แม่นุ่นลองทีละอัน
ผมก็ลองใส่เล่นๆ ถ่ายรูปเล่นกับลูกๆ
แม่นุ่นก็ฝึกโพกหัวตาม youtube

ถึงวันนี้ จะเหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็มีความสุข
................................................................................................

อีกไม่กี่วัน ก็ถึงการให้ยารอบที่สองแล้ว
ร่างกายแม่นุ่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่อาการเจ็บปากเริ่มรุนแรง
จนเริ่มเป็นอุปสรรคในการรับประทานอาหาร

ช่วงนี้ แม่นุ่น เจ็บปากมากถึงขนาดที่ไม่สามารถทานอาหารเมนูปกติได้
เผ็ดนิด เปรี้ยวหน่อย ทุกอย่าง ล้วนทำให้แม่นุ่นเจ็บปากทั้งนั้น

และนั่นเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงของผม คือ
แม่นุ่นเป็นคนทานยากมากถึงมากที่สุด

และวันสองวันนี้ทานได้น้อยจนผมรู้สึกกังวลแล้ว

ไอติม ผมซื้อทุกรส แต่ไม่กิน ไม่อร่อย
น้ำแข็งผมทำเอง แต่ไม่อม ไม่ชอบ
น้ำแดง กินบ่อยเบื่อแล้ว
ไข่ลวก คาวจะอ้วก
โจ๊กเอย ข้ามต้มเอย ก็บอก ระคายคอ ไม่เอา

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเครียดแต่เช้า
แม่นุ่นปฏิเสธ อาหารเช้าที่ผมทำมาให้

“ที่ว่าทานไม่ได้ มันเป็นยังไงเหรอ” ผมถามเพราะต้องการรู้สาเหตุที่ทำให้ทานไมได้

“ไม่ใช่ ไม่หิวนะ เค้าทานไม่ได้จริงๆ” แม่นุ่นบอกผม เสียงอ่อย
“อืมม ฝืนไม่ได้เลยใช่มั้ย” ผมถามอีกครั้ง
“ใช่ เจ็บ เจ็บไปหมด ในคอก็เจ็บ” แม่นุ่นยืนยัน น้ำตาคลอ

พอรู้อย่างนั้นก็สงสารจับใจ ผมนึกอยู่หลายนาที ว่าจะทำอย่างไรดี แม่นุ่นถึงจะทานได้

ไม่นานนัก ผมก็นึกเมนูพิเศษได้

ผมไปร้าน  ต้มเลือดหมูน้ำเดือดแถวบ้าน ร้านนี้สะอาด น้ำเดือดปุดๆ ขายโจ๊กด้วย ผมแวะ เซเว่น ซื้อ เต้าหู้ไข่ไก่

โอเคล่ะ ตอนนี้ผมมีต้มเลือดหมูแบบพิเศษเลือดเยอะๆ มี โจ๊ก และเต้าหู้ไข่ไก่ ในมือแล้ว

ผมเอาน้ำต้มเลือดหมู มาต้มให้เดือดอีกครั้ง
ผมเปิดถุงโจ๊ก เอาแต่ข้าวมาบดใหม่ พอดีที่บ้านทำขนม มีตระแกรงบดพอดี ผมบดข้าวให้ละเอียดกว่าเดิม
จากนั้น ก็เอาไปใส่ในน้ำที่ต้มไปไว้ ทำเป็นโจ๊กใสๆ
แล้วก็ใส่เลือดหมู กับเต้าหู้ไข่ไก่เพิ่มเข้าไป
ประมาณไม่ถึงสิบนาที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ผมเอาเป่ากับพัดลมให้เย็น ก่อนเอาไปเสริฟให้แม่นุ่น

“ช่วยป้อนหน่อยได้มั้ย” แม่นุ่นบอกเสียงอ่อย วันนี้ไม่ค่อยมีแรง
“ได้สิ” ผมตอบรับ พร้อมลุ้นว่าจะทานเมนูนี้ได้รึป่าว

ผมตักมาหนึ่งช้อนกับเลือดหมูนิดหน่อย เป่าให้เย็นที่สุด
ผมชิมก่อน มันเย็นพอทีแม่นุ่นจะทานได้แล้ว
ผมป้อนเข้าปากแม่นุ่น
แม่นุ่นอ้าปากไม่ได้มาก เพราะมุมปากมีแผลอักเสบนิดๆ
โจ๊กเข้าปากแม่นุ่นไปแล้ว

“เป็นไง ทานได้มั้ย” ผมถามแม่นุ่น

แม่นุ่นกำลังละเลียดลิ้นอยู่พักหนึ่ง ใจผมก็ลุ้นว่าจะทานได้ไม่ได้

“อร่อยอ่ะ..” แม่นุ่นบอกผม
“อร่อยมาก ขอบคุณมากนะอ้วน” คราวนี้แม่นุ่น ถึงกับยกมือไหว้ผมเลย

“เอาอีกสิ ทานอีก ทานให้หมดเลยนะ”

ผมยิ้ม น้ำตาซึมนิดๆ ด้วยความโล่งอก
แม่นุ่นทานโจ๊กจนหมดชามเลย
ผมดีใจมาก ที่แม่นุ่นสามารถทานได้แล้ว

ระหว่างนี้ ผมต้องใช้ความพยายาม และอดทนอย่างมาก ในการจัดสรรอาหารให้แม่นุ่น แต่ผมก็ไม่ละความพยายามที่จะปรับเปลี่ยน ดัดแปลง เพื่อให้แม่นุ่นสามารถทานได้ในทุกๆ วัน

ไม่ปฏิเสธว่าเหนื่อย แต่ถ้าผมไม่ทำ แล้วเค้าจะอยู่อย่างไร

................................................................................................
ในที่สุดก็วันที่หมอนัด ให้แม่นุ่นมา check up ที่ รพ เพื่อเตรียมให้สำหรับรอบที่สอง

ถึงวันนี้แม่นุ่นค่อนข่างแข็งแรง และอาการเจ็บปากทุเลาลงมากแล้วน่าจะเป็นผลต่อเนื่องจากเม็ดเลือดขาวที่เพิ่มมากขึ้นเกือบเป็นปกติ

“เป็นไงบ้าง ทุกอย่างปกติดีมั้ย” คุณหมอถามแม่นุ่น
“ต่อมน้ำเหลืองเหนือให้ปลาร้ายุบลงเยอะเลยครับ ไม่ปวดท้อง ไม่ปวดหลังแล้ว ตับก็ยุบลงมากเลยครับ” ผมตอบแทนแม่นุ่นอีกเหมือนทุกครั้ง
“ฟังแล้วโอเคนะ ก็น่าจะตอบสนองต่อยาดีมากเลย งั้นจะรับยาพรุ่งนี้เลยมั้ย หรือพักต่ออีกสัปดาห์ก็ได้นะ” หมอยิ้ม พร้อมให้ทางเลือก
“พรุ่งนี้ตามรอบได้เลยครับ ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”


ผมสบตากับแม่นุ่นอย่างรู่ใจ ว่าเราพร้อมแล้วที่จะสู้กับยาในรอบถัดไป......
*********************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่