คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ศาสนาพุทธ ไม่มีหลักคำสอนที่ให้วิงวอนร้องขอแล้วจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ อันนั้นมันลัทธิของพวก
พราหมณ์เค้า หลักของศาสนาพุทธ สอนเรื่องของกรรม คุณทำกรรมใดๆเอาไว้คุณย่อมได้รับ
ผลของกรรมนั้นๆ การที่ชาตินี้คุณพบกับวิบากกรรมต่างๆอันนั้นก็เนื่องมาด้วยกรรมจากอดีตเป็น
ต้นเหตุนั่นแหละ ฉะนั้นชาตินี้ต้องหมั่นสร้างเหตุดีๆที่เป็นกุศลทั้ง ทาน ศิล ภาวนา ไว้ให้พร้อม...
การที่ชาวพุทธบางส่วนสวดมนต์แล้วอ้อนวอนร้องขอ แล้วได้สัมฤทิธิ์ผลอันนั้นก็ต้องเนื่องด้วย
มีกรรมดีในอดีตมาส่งผลด้วย มันก็อาจจะสอดคล้องหรือบังเอิญมาในจังหวะที่ตรงกับความต้อง
การพอดี ในกรณีของคุณที่ขอพรแล้วไม่ได้ นั่นเพราะไม่มีฐานคือกรรมดีในอดีตมาหนุน
ถ้าคุณมีกรรมดีมาหนุน คุณไม้ต้องอ้อนวอน ขอพรสิ่งใดๆ คุณก็จะต้องได้รับผลแห่งกรรมดี
ในอดีตอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้ากรรมดียังไม่ส่งผล คุณก็ควรทำเหตุปัจจุบันให้ดีทั้ง ทาน ศิล ภาวนา
หรือให้ทานชีวิตสัตว์ต่างๆเช่นซื้อปลาในตลาดไปปล่อย อันนี้ก็เป็นการสร้างกรรมดีในปัจจุบัน
กรรมชนิดนี้บางทีก็ส่งผลให้เราในปัจจุบัน และบางอย่างก็ไปส่งผลในอนาคตแต่เราไม่ต้องไปโลภ
ในผลของทานต่างๆ เราทำทานต่างๆเพื่อสละความตระหนี่เป็นหลัก อันนี้จะทำให้เราไม่คาดหวัง
ในบุญให้เกิดวิตกจริตต่างๆ การทำบุญทำทานที่มีอานิสงค์มากในทางศาสนาพุทธ คือทำแล้ว
ลดความโลภ ผลคือความเบากายเบาใจ ลดอัตตามานะต่างๆ อันจะมีผลต่อเนื่องให้การปฎิบัติ
ธรรมเราเจริญก้าวหน้าต่อเนื่องได้ อันมีผลต่อศรัทธาของเรา....
การที่เราต้องการมีศัรทธาในพุทธศาสนา เราก็ต้องมาเรียนรู้ก่อนอาจจะหาหนังสืออ่าน หรือหา
ฟังธรรม ทั้งจากพระไตรปิฎก หรือ ครูบาอาจารย์ต่างๆ แนะนำให้ฟังหลายๆท่าน หาโหลดเอาได้
จากหลายๆแหล่ง และอาจจะเข้าไปถามผู้รู้ หรือกัลฌานมิตร ที่มีความรู้ทางด้านพุทธศาสนา
เมื่อเรามีปัญญาจากการฟังหรือการถามผู้รู้แล้ว ก็ต้องนำหลักคำสอนมาปฎิบัติ คือมรรค8
ศิล สมาธิ ปัญญา ฝึกสติปัฎฐานสี่ วิปัสสนา เมื่อเราเริ่มเห็นผลจากการปฎิบัติแม้นความสงบ
หรือความทุกข์ต่างๆเห็นเกิดดับได้ เพียงเล็กน้อย ความทุกข์จางคลายจิตมีความสุขมากกว่าทุกข์
จิตเราจะเริ่มเกิดศรัทธาจากการเห็นผลจากการปฎิบัติธรรม ศรัทธาที่เรามีต่อศาสนาก็จะเริ่มตั้งมั่น
ไม่คลอนแคลน ง่อนแง่นไปตามกระแสสังคมต่างๆ
พราหมณ์เค้า หลักของศาสนาพุทธ สอนเรื่องของกรรม คุณทำกรรมใดๆเอาไว้คุณย่อมได้รับ
ผลของกรรมนั้นๆ การที่ชาตินี้คุณพบกับวิบากกรรมต่างๆอันนั้นก็เนื่องมาด้วยกรรมจากอดีตเป็น
ต้นเหตุนั่นแหละ ฉะนั้นชาตินี้ต้องหมั่นสร้างเหตุดีๆที่เป็นกุศลทั้ง ทาน ศิล ภาวนา ไว้ให้พร้อม...
การที่ชาวพุทธบางส่วนสวดมนต์แล้วอ้อนวอนร้องขอ แล้วได้สัมฤทิธิ์ผลอันนั้นก็ต้องเนื่องด้วย
มีกรรมดีในอดีตมาส่งผลด้วย มันก็อาจจะสอดคล้องหรือบังเอิญมาในจังหวะที่ตรงกับความต้อง
การพอดี ในกรณีของคุณที่ขอพรแล้วไม่ได้ นั่นเพราะไม่มีฐานคือกรรมดีในอดีตมาหนุน
ถ้าคุณมีกรรมดีมาหนุน คุณไม้ต้องอ้อนวอน ขอพรสิ่งใดๆ คุณก็จะต้องได้รับผลแห่งกรรมดี
ในอดีตอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้ากรรมดียังไม่ส่งผล คุณก็ควรทำเหตุปัจจุบันให้ดีทั้ง ทาน ศิล ภาวนา
หรือให้ทานชีวิตสัตว์ต่างๆเช่นซื้อปลาในตลาดไปปล่อย อันนี้ก็เป็นการสร้างกรรมดีในปัจจุบัน
กรรมชนิดนี้บางทีก็ส่งผลให้เราในปัจจุบัน และบางอย่างก็ไปส่งผลในอนาคตแต่เราไม่ต้องไปโลภ
ในผลของทานต่างๆ เราทำทานต่างๆเพื่อสละความตระหนี่เป็นหลัก อันนี้จะทำให้เราไม่คาดหวัง
ในบุญให้เกิดวิตกจริตต่างๆ การทำบุญทำทานที่มีอานิสงค์มากในทางศาสนาพุทธ คือทำแล้ว
ลดความโลภ ผลคือความเบากายเบาใจ ลดอัตตามานะต่างๆ อันจะมีผลต่อเนื่องให้การปฎิบัติ
ธรรมเราเจริญก้าวหน้าต่อเนื่องได้ อันมีผลต่อศรัทธาของเรา....
การที่เราต้องการมีศัรทธาในพุทธศาสนา เราก็ต้องมาเรียนรู้ก่อนอาจจะหาหนังสืออ่าน หรือหา
ฟังธรรม ทั้งจากพระไตรปิฎก หรือ ครูบาอาจารย์ต่างๆ แนะนำให้ฟังหลายๆท่าน หาโหลดเอาได้
จากหลายๆแหล่ง และอาจจะเข้าไปถามผู้รู้ หรือกัลฌานมิตร ที่มีความรู้ทางด้านพุทธศาสนา
เมื่อเรามีปัญญาจากการฟังหรือการถามผู้รู้แล้ว ก็ต้องนำหลักคำสอนมาปฎิบัติ คือมรรค8
ศิล สมาธิ ปัญญา ฝึกสติปัฎฐานสี่ วิปัสสนา เมื่อเราเริ่มเห็นผลจากการปฎิบัติแม้นความสงบ
หรือความทุกข์ต่างๆเห็นเกิดดับได้ เพียงเล็กน้อย ความทุกข์จางคลายจิตมีความสุขมากกว่าทุกข์
จิตเราจะเริ่มเกิดศรัทธาจากการเห็นผลจากการปฎิบัติธรรม ศรัทธาที่เรามีต่อศาสนาก็จะเริ่มตั้งมั่น
ไม่คลอนแคลน ง่อนแง่นไปตามกระแสสังคมต่างๆ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำปรึกษาค่ะ..หนูมีสับสนในความเชื่อตอนไหว้พระ บาปไหมคะ?
เหมือนเกิดวิกฤตศรัทธา ในตัวเอง
จริงๆแล้ววธรรมะก็เหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
หลักธรรมคำสอน หลายๆข้อ ที่ นำมาปฏิบัติแล้ว จะช่วยให้ใจสงบ
อันนี้ หนูก็พอรู้
แต่หนูมักเกิดความคิดสับสนทุกครั้ง ตอนสวดมนต์ว่า
มีจริงไหมนะ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงมั้ยนะ
ท่านจะช่วยเราจริงมั้ยนะ
หนูมักขอพรหลายต่อหลายข้อ
เช่นขอให้ได้งานทำ หนูหวังรื่องงานมาร่วมๆปี ใครสวดอะไรว่าดี สวดหมด
สวดชิญบัญชร สวดอิติปิโส ก่อน ออกมาทำงาน สวดขอพรวัดไหน ก็ไป
ขอพรหลวงพ่อโสธร ก็ขอ
หนูเห็นคนบนบาลศาลกล่าวแล้วมาแก้บน หนูก็เชื่อว่า ท่านจะให้พรดังที่พวกเค้าขอ
แต่กับหนู ..ทำไม ..หนูถึงไม่ได้พรในสิ่งที่หนูขอ
หนูทราบค่ะว่า
การสวดมนต์ บางที ก็ไม่ควรจะขออะไร นอกเหนือ จากให้จิตใจเราสงบสุข
แต่บางที ก็อดประหลาดใจไม่ได้ ว่า แล้วคนอื่นล่ะ??
ทุกๆที่ที่เค้าว่าศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆที่มีการแก้บนเกิดขึ้น
แปลว่า ผลของการขอได้สัมฤทธิ์ผลดังเช่นที่ตั้งไว้???
แล้ว ..ทำไม พรที่หนูหวัง จึงไม่เป็นดังหวัง
หนูจึงเกิด ความสับสน..ทุกครั้งที่สวดมนต์
จิตยังคงไม่นิ่งและเกิดคำถามตลอดเวลาว่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงมั้ย.. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะช่วยหนูมั้ย
ตอนนี้หนูค่อนข้างสับสน...
ถึง หนูจะไม่ได้พรตามที่ขอ แต่หนูก็อยากจะมีจิตที่สงบตอนที่ไหว้พระ
ตอนที่ไหว้พระ ต้องคิดถึงอะไรบ้างเหรอค่ะ??
หนูไม่อยากฟุ้งซ่าน และอยากศรัทธา ให้มากกกว่านี้
หนูก็อยากให้ใจสงบ ตอนนี้ หนูไม่ได้หวังพร จากท่านมากเท่าแต่ก่อน
ที่สวดมนต์ขอพรแต่เรื่องงานๆ
หนูออกเดินทางตามหางานเอง ด้วยที่คิดว่า
ถ้าสวดมนต์ไหว้พระ แล้วท่านอาจจะยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมกับหนู จนล่วงเลยมา 1ปีกว่ากับการหางาน
หนูเลยตัดสินใจออก เดินทางตามหา สิ่งที่หนูหวังเอง..
แต่หนูก็อดหวั่นใจใน ศรัทธาของตัวเอง..ว่า..
สิ่งศักดิ์สิทธิ มีจริงหรือไม่..อยู่นั้น
หนูจะเรียกมันคืนกลับมาได้ยังไงดีคะ??
หรือเพราะหนูไม่ศรัทธา ใน ความเชื่อตั้งแต่แรก..
คำขอเลยไม่สัมฤทธิ์ผล..
เพราะหนู ยังไม่เหนสิ่งปาฏิหารย์ในกานบนบาลศาลกล่าวเกิดขึ้นจริงกับหนู
หนูเลย เกิดความไม่ศรัทธา
พอเกิดความไม่ศรัทธา..ทำให้ พร นั้นไม่เป้นเช่นที่หวัง..หรือเปล่าค่ะ?
แล้วการ คิดแบบนี้ ช่วงความคิดที่สับสนระหว่างสวดมนต์นี้ จะทำให้หนูบาปหรือไม่ค่ะ???