ถ้าคู่สมรสมีการทำสัญญาระหว่างกันดังนี้จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ (เกาะกระแสการนอกใจสามีภรรยา)

ส่วนตัวเป็นคนเกลียดการนอกใจคู่สมรสครับ
ทีนี้ภรรยาเคยบอกว่า ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ถ้าจะแย่งสามีชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็เรื่องเงินทอง ทรัพย์สมบัติ
ถ้าผมเกิดนอกใจเธอ จะยึดเงินและทรัพย์สินทั้งหมดไว้ แล้วดูซิว่าเหลือแต่ตัว ผู้หญิงจะเอาหรือเปล่า
ก็เลยเป็นที่มาของความคิดที่ว่า การทำสัญญาระหว่างคู่สมรสเพิ่มเติมขึ้นมา จะช่วยให้แต่ละฝ่ายสบายใจขึ้นหรือไม่
จากทะเบียนสมรสที่มีอยู่แล้ว

อยากจะถามผู้รู้ว่า สัญญาดังกล่าวมีผลทางกฎหมายหรือไม่ และสามารถเซ็นกันเองได้หรือไม่ถ
และถ้าตรงไหนควรแก้ไข ก็รบกวนด้วยครับ   โดยข้อความของสัญญามีดังนี้

สัญญาการแบ่งสินสมรสและการอุปการะเลี้ยงดูบุตร



สัญญานี้ทำขึ้นในวันที่ ______________ ระหว่าง นาย___________________ และ นาง_____________________ที่อยู่ ______________________ ซึ่งในที่นี่จะเรียกว่าคู่สมรส ซึ่งจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ณ ______________วันที่ ___________ และมีบุตร ___ คน คือ ____________________________________________________

หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกระทำการอันพิสูจน์ได้ว่า กระทำการอันขัดศีลธรรมในการนอกใจสามี/ภรรยา ให้มีข้อตกลงการ การแบ่งสินสมรสและการอุปการะเลี้ยงดูบุตร ดังนี้

1.    บุตรจะอยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของฝ่ายที่ไม่ได้กระทำการอันขัดศีลธรรมในการนอกใจสามี/ภรรยา โดยฝ่ายที่กระทำการอันขัดศีลธรรมในการนอกใจสามี/ภรรยา จะยกสิทธิ์ในอุปการะเลี้ยงดูบุตรให้แก่ฝ่ายที่ไม่ได้กระทำการอันขัดศีลธรรมในการนอกใจสามี/ภรรยา ด้วยความสมัครใจโดยไม่กระทำการขัดขวางใดๆ

2.    สินสมรสทั้งหมดซึ่งมีความหมายครอบคลุมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 จะใช้ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตรจนจบการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี และหลังจากนั้นจะถูกโอนให้เป็นทรัพย์สินของบุตรทั้งหมด โดยในระหว่างที่บุตรยังไม่จบปริญญาตรี ให้มีการจัดการดังนี้

      2.1 เงินสดในบัญชีทุกบัญชีของผู้ที่ไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูบุตร จะถูกโอนมาเป็นบัญชีเพื่อการอุปการะเลี้ยงดูบุตรและอำนาจในการฝากถอนเป็นอำนาจของผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร โดยจะต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อการตรวจสอบว่าการเบิกถอนใช้ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตร หรือลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนเท่านั้น

      2.2 ทองคำทั้งหมดจะถูกเก็บโดยผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร และมอบให้บุตรหลังจากจบปริญญาตรี หรือขายและนำเงินทั้งหมดมาฝากในบัญชีเพื่อการเลี้ยงดูบุตร

      2.3 อสังหาริมทรัพย์จะถูกโอนมาเป็นชื่อของผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร และโอนให้บุตรหลังจากจบปริญญาตรี หรือขายและนำเงินทั้งหมดมาฝากในบัญชีเพื่อการเลี้ยงดูบุตร

      2.4 หุ้น พันธบัตร สลากออมสิน กองทุน จะถูกขายและนำเงินทั้งหมดมาฝากในบัญชีเพื่อการเลี้ยงดูบุตร หรือทำใบมอบอำนาจให้ผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรทำการบริหารจัดการต่อไป

      2.5 กรมธรรม์ประกันชีวิตทั้งหมดที่ทำในระหว่างสมรสจะต้องใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อบุตร โดยไม่ให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขในภายหลัง

      2.6 ทรัพย์สินอื่นๆ ให้อยู่ในการพิจารณาจัดการของผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร

3.    การนำทรัพย์สินสำหรับการอุปการะเลี้ยงดูบุตรไปลงทุนสามารถทำได้โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรโดยจะต้องมีสัดส่วนดังนี้

      3.1 เงินสดในบัญชีอุปการะเลี้ยงดูบุตร จะต้องมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด

      3.2 การลงทุนในหุ้น กองทุน หรือการลงทุนอื่นใดที่มีความเสี่ยงสูงให้มีสัดส่วนไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด

4.    รายได้ทั้งหมดในการลงทุนของทรัพย์สินสำหรับการอุปการะเลี้ยงดูบุตร จะถือเป็นรายได้ของบัญชีเพื่อการอุปการะเลี้ยงดูบุตร โดยให้ผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรจัดทำบัญชีแสดงกำไร-ขาดทุน จากการลงทุน

คู่สมรสได้ลงชื่อเพื่อเป็นหลักฐานว่า ได้เข้าใจในข้อความในสัญญาฉบับนี้ และยินดีปฏิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข

ลงชื่อทั้งสองฝ่ายและพยาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่