สืบเนื่องจากการให้สัมภาษณ์ของคุณสุเทพต่อทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นั้น ผมรู้สึกว่าคุณสุเทพก็ยังคงเป็นคุณสุเทพคนเดิม เป็นคุณสุเทพคนที่เพียงหวังผลทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงความถูกต้องและไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมอะไรทั้งสิ้น
ทำให้ผมนึกถึงกระดาษแผ่นเดียวของคุณสุเทพที่ชูขึ้น แล้วบอกว่าเป็นหลักฐานท่อน้ำเลี้ยงที่ส่งผ่านเข้ามาทางสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณสุเทพก็ไม่เคยนำหลักฐานชิ้นนั้นมาให้สังคมได้เห็นกันถ้วนทั่ว ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า เป็นการใส่ร้ายเพื่อหวังผล โดยไม่มีหลักฐานจริงๆดังคำพูด
ทำให้ผมนึกถึงผังล้มเจ้ากำมะลอ ที่ไม่ปรากฏที่มาที่ไป แต่คุณสุเทพก็นำมาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เคอะเขิน นี่ก็เป็นการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ชอบธรรม ท้ายสุดก็ไม่ต้องมีใครต้องรับผิดชอบ
ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่คุณสุเทพพยายามตอกย้ำเรื่องคุณทักษิณอยากล้มล้างการปกครอง เพื่อเป็นประธานาธิบดี ทั้งๆที่ศาลก็ได้พิพากษา บทความปฏิญญาฟินแลนด์เป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท และผู้เขียนและเผยแพร่ ต่างก็ถูกลงโทษแล้วทั้งสิ้น แต่คุณสุเทพก็ยังคงย้ำคิดย้ำทำ อยู่กับการกล่าวหาอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่คุณสุเทพกับผมก็ต่างรับรู้ร่วมกันว่า สิ่งที่คุณสุเทพพยายามฉายหนังซ้ำ จะหลอกได้ก็แต่สาวกที่ชอบ “เชื่อได้ว่า”มากกว่าชอบ “ข้อเท็จจริง”
ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยิงกันเอง ชายชุดดำ ใช้กระสุนปลอม ไม่มีทหารบนรางรถไฟฟ้า การเผาห้างหรือแม้กระทั่งผู้ก่อการร้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หลายเรื่องที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และก็มีคำวินิจฉัยในเบื้องต้น ล้วนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น ส่วนการเผาห้างต่างๆก็ได้รับการยกฟ้อง และคดีต่างๆเหล่านี้ ไม่ใช่การก่อการร้าย แสดงให้เห็นที่ผ่านมา คุณสุเทพให้ความจริงกับประชาชนแค่ไหน มีความน่าเชื่อถือได้แค่ไหน
คราวนี้มาดูเรื่องที่คุณสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่พยายามจะปลุกระดมให้ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐ เพียงเพราะรัฐบาลต้องการนิรโทษกรรมกับเหล่านักโทษทางการเมือง ซึ่งหลายเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่า นักโทษกลุ่มนี้มีหลายคน ต้องสูญสิ้นอิสรภาพ ภายใต้การจับกุมอย่างเหวี่ยงแห มีการทำร้ายกันอย่างไม่เป็นธรรม มันเป็นการถูกกระทำภายใต้การสร้างลัทธิแห่งความเกลียดชังกันมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงตอนนี้ คุณสุเทพยังพยายามจะขัดขวางหนทางสู่อิสรภาพที่รัฐบาลพยายามจะแก้ไขเยียวยาอีกหรือ ใจดำไปหรือเปล่าครับคุณสุเทพ
คุณสุเทพพยายามปลุกเร้าให้การคืนอิสรภาพให้กับนักโทษการเมืองเป็นเรื่องของ คดีฆ่าคนตาย คดีวางเพลิงไหม้ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมทั้งคดีทุจริต หรือกระทั่งพูดไปถึงคดีฆ่า พล.อ.ร่มเกล้า จะต้องหยุดหมด และรวมทั้งการพ่วงร่าง พรบ.นิรโทษกรรมฉบับต่างๆเข้าไปด้วย ทำให้คุณทักษิณพ้นผิด แล้วยังได้เงินคืนอีกต่างหาก
ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่คุณสุเทพคิดกลัวไปเอง หรือพยายามจะสร้างกระแสให้สังคมเกลียดชังรัฐบาลกันแน่ แต่ตามความรู้สึก และจากการกระทำของคุณสุเทพที่ผ่านมา ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า น่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า
ก็ฉบับคุณวรชัยพูดกันอย่างชัดแจ้ง คดีฆ่าคนตาย ผู้สั่งฆ่าจะไม่เข้าข่าย คดีวางเพลิง แกนนำไม่เข้าข่าย คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือคดีทุจริต จะมีหรือไม่ ตอนโหวตผ่านวาระก็จะเป็นคำตอบให้อย่างดี คุณสุเทพกับแก๊งค์ชำนาญมากอยู่แล้วนี่ครับ แสดงให้ประชาชนเห็นสิครับ เรื่องอย่างนี้จะงุบงิบผ่านไปไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นผมจึงคิดว่า แก๊งค์คุณสุเทพไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อนปลุกกระแสต่อต้านกันตั้งแต่ตอนนี้เลยนี่ครับ
นอกเสียจากคุณสุเทพจะทนรอไม่ไหว คดีหลายคดีเริ่มคืบหน้า ถ้าปล่อยให้รัฐบาลบริหารต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยนักโทษการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศ และยังปล่อยให้รัฐบาลสร้างความปรองดองสำเร็จ จะทำให้โอกาสที่จะกลับมาเป็นรัฐบาล แล้วเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไร เพื่อประโยชน์ของคุณสุเทพเองยากลำบากยิ่งขึ้น
ดังนั้นทางเดียวที่จะกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม ต้องทำให้ประเทศเกิดอะไรบางอย่างที่ยากจะควบคุม แล้วอาศัยช่องทางพิเศษเหมือนที่ผ่านมา มันเป็นความหวังเดียวท่ามกลางความสิ้นหวัง เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ แม้แต่เส้นฟางเพียงเส้นเดียว คุณสุเทพก็ยังพยายามยึดเหนี่ยวไว้ โดยความหวังเดียว “เผื่อฟลุ๊ค”
แต่คุณสุเทพครับ สังคมไทยผ่านช่วงนั้นมาหลายปีแล้วครับ คำพูดและการกระทำต่างๆที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาทั้งเห็น ทั้งได้ยิน และทั้งได้คิด จนมองเห็นสถานการณ์บ้านเมืองได้กระจ่างชัดยิ่งกว่าลายเส้นบนฝ่ามือเสียอีก ดังนั้นความหวังของคุณสุเทพ จึงเป็นเพียงความหวังที่ไร้หวังอย่างสิ้นเชิง
นอกจากสร้างความปั่นป่วนและเพิ่มความวุ่นวายให้กับสังคมไทยเท่านั้นเอง เพราะถึงตอนนี้คุณสุเทพน่าจะมองออกว่า คนที่เชื่อคุณสุเทพกับแก๊งค์ก็ยังคงเป็นพวกเดิมๆ แต่ปริมาณจะค่อยๆลดลง เพราะหลายต่อหลายคนเริ่มคิดได้และคิดเป็นแล้วครับคุณสุเทพ ดังนั้นหยุดอ้างทำเพื่อประเทศชาติอีกเลยครับ มันฟังแล้วรู้สึกทั้งสมเพชและสังเวชเหลือเกิน
คุณสุเทพครับ เล่นการเมืองเพื่อประเทศชาติกันแบบนี้เลยหรือครับ
ทำให้ผมนึกถึงกระดาษแผ่นเดียวของคุณสุเทพที่ชูขึ้น แล้วบอกว่าเป็นหลักฐานท่อน้ำเลี้ยงที่ส่งผ่านเข้ามาทางสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณสุเทพก็ไม่เคยนำหลักฐานชิ้นนั้นมาให้สังคมได้เห็นกันถ้วนทั่ว ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า เป็นการใส่ร้ายเพื่อหวังผล โดยไม่มีหลักฐานจริงๆดังคำพูด
ทำให้ผมนึกถึงผังล้มเจ้ากำมะลอ ที่ไม่ปรากฏที่มาที่ไป แต่คุณสุเทพก็นำมาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เคอะเขิน นี่ก็เป็นการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ชอบธรรม ท้ายสุดก็ไม่ต้องมีใครต้องรับผิดชอบ
ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่คุณสุเทพพยายามตอกย้ำเรื่องคุณทักษิณอยากล้มล้างการปกครอง เพื่อเป็นประธานาธิบดี ทั้งๆที่ศาลก็ได้พิพากษา บทความปฏิญญาฟินแลนด์เป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท และผู้เขียนและเผยแพร่ ต่างก็ถูกลงโทษแล้วทั้งสิ้น แต่คุณสุเทพก็ยังคงย้ำคิดย้ำทำ อยู่กับการกล่าวหาอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่คุณสุเทพกับผมก็ต่างรับรู้ร่วมกันว่า สิ่งที่คุณสุเทพพยายามฉายหนังซ้ำ จะหลอกได้ก็แต่สาวกที่ชอบ “เชื่อได้ว่า”มากกว่าชอบ “ข้อเท็จจริง”
ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยิงกันเอง ชายชุดดำ ใช้กระสุนปลอม ไม่มีทหารบนรางรถไฟฟ้า การเผาห้างหรือแม้กระทั่งผู้ก่อการร้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หลายเรื่องที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และก็มีคำวินิจฉัยในเบื้องต้น ล้วนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น ส่วนการเผาห้างต่างๆก็ได้รับการยกฟ้อง และคดีต่างๆเหล่านี้ ไม่ใช่การก่อการร้าย แสดงให้เห็นที่ผ่านมา คุณสุเทพให้ความจริงกับประชาชนแค่ไหน มีความน่าเชื่อถือได้แค่ไหน
คราวนี้มาดูเรื่องที่คุณสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่พยายามจะปลุกระดมให้ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐ เพียงเพราะรัฐบาลต้องการนิรโทษกรรมกับเหล่านักโทษทางการเมือง ซึ่งหลายเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่า นักโทษกลุ่มนี้มีหลายคน ต้องสูญสิ้นอิสรภาพ ภายใต้การจับกุมอย่างเหวี่ยงแห มีการทำร้ายกันอย่างไม่เป็นธรรม มันเป็นการถูกกระทำภายใต้การสร้างลัทธิแห่งความเกลียดชังกันมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงตอนนี้ คุณสุเทพยังพยายามจะขัดขวางหนทางสู่อิสรภาพที่รัฐบาลพยายามจะแก้ไขเยียวยาอีกหรือ ใจดำไปหรือเปล่าครับคุณสุเทพ
คุณสุเทพพยายามปลุกเร้าให้การคืนอิสรภาพให้กับนักโทษการเมืองเป็นเรื่องของ คดีฆ่าคนตาย คดีวางเพลิงไหม้ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมทั้งคดีทุจริต หรือกระทั่งพูดไปถึงคดีฆ่า พล.อ.ร่มเกล้า จะต้องหยุดหมด และรวมทั้งการพ่วงร่าง พรบ.นิรโทษกรรมฉบับต่างๆเข้าไปด้วย ทำให้คุณทักษิณพ้นผิด แล้วยังได้เงินคืนอีกต่างหาก
ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่คุณสุเทพคิดกลัวไปเอง หรือพยายามจะสร้างกระแสให้สังคมเกลียดชังรัฐบาลกันแน่ แต่ตามความรู้สึก และจากการกระทำของคุณสุเทพที่ผ่านมา ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า น่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า
ก็ฉบับคุณวรชัยพูดกันอย่างชัดแจ้ง คดีฆ่าคนตาย ผู้สั่งฆ่าจะไม่เข้าข่าย คดีวางเพลิง แกนนำไม่เข้าข่าย คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือคดีทุจริต จะมีหรือไม่ ตอนโหวตผ่านวาระก็จะเป็นคำตอบให้อย่างดี คุณสุเทพกับแก๊งค์ชำนาญมากอยู่แล้วนี่ครับ แสดงให้ประชาชนเห็นสิครับ เรื่องอย่างนี้จะงุบงิบผ่านไปไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นผมจึงคิดว่า แก๊งค์คุณสุเทพไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อนปลุกกระแสต่อต้านกันตั้งแต่ตอนนี้เลยนี่ครับ
นอกเสียจากคุณสุเทพจะทนรอไม่ไหว คดีหลายคดีเริ่มคืบหน้า ถ้าปล่อยให้รัฐบาลบริหารต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยนักโทษการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศ และยังปล่อยให้รัฐบาลสร้างความปรองดองสำเร็จ จะทำให้โอกาสที่จะกลับมาเป็นรัฐบาล แล้วเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไร เพื่อประโยชน์ของคุณสุเทพเองยากลำบากยิ่งขึ้น
ดังนั้นทางเดียวที่จะกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม ต้องทำให้ประเทศเกิดอะไรบางอย่างที่ยากจะควบคุม แล้วอาศัยช่องทางพิเศษเหมือนที่ผ่านมา มันเป็นความหวังเดียวท่ามกลางความสิ้นหวัง เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ แม้แต่เส้นฟางเพียงเส้นเดียว คุณสุเทพก็ยังพยายามยึดเหนี่ยวไว้ โดยความหวังเดียว “เผื่อฟลุ๊ค”
แต่คุณสุเทพครับ สังคมไทยผ่านช่วงนั้นมาหลายปีแล้วครับ คำพูดและการกระทำต่างๆที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาทั้งเห็น ทั้งได้ยิน และทั้งได้คิด จนมองเห็นสถานการณ์บ้านเมืองได้กระจ่างชัดยิ่งกว่าลายเส้นบนฝ่ามือเสียอีก ดังนั้นความหวังของคุณสุเทพ จึงเป็นเพียงความหวังที่ไร้หวังอย่างสิ้นเชิง
นอกจากสร้างความปั่นป่วนและเพิ่มความวุ่นวายให้กับสังคมไทยเท่านั้นเอง เพราะถึงตอนนี้คุณสุเทพน่าจะมองออกว่า คนที่เชื่อคุณสุเทพกับแก๊งค์ก็ยังคงเป็นพวกเดิมๆ แต่ปริมาณจะค่อยๆลดลง เพราะหลายต่อหลายคนเริ่มคิดได้และคิดเป็นแล้วครับคุณสุเทพ ดังนั้นหยุดอ้างทำเพื่อประเทศชาติอีกเลยครับ มันฟังแล้วรู้สึกทั้งสมเพชและสังเวชเหลือเกิน