สวัสดีค่ะ ตั้งกระทู้ที่ห้องชานเรือนครั้งแรกในรอบปี หลังจากที่ Pantip อัพเดตรูปแบบใหม่ค่ะ
วันนี้อุ้ยจะมาเล่าเรื่องของคุณแม่ให้ฟัง ต้อนรับวันแม่เลย555 เกี่ยวกันไหมนะ เรื่องราวทุกอย่าง ผ่านการพิจารณาจากแม่แล้วนะคะ
เพราะฉะนั้น เราจะใส่เต็มที่เลย
อดีต
แม่เราเป็นสาวโคราช หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวคล้ำแต่เนียนสวย ตามแบบฉบับสาวโคราชเมื่อประมาณ 40 กว่าปีก่อน
ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะมีคนบอกว่าเราสวยได้ไม่เท่าแม่ตอนสาวๆเลย (เชื่อค่ะ เห็นรูปแล้ว) แม่เป็นเด็กเรียนเก่งมากถึงมากที่สุดค่ะ
สอบชิงทุนเข้าเรียนต่อโรงเรียนในตัวเมืองโคราชได้ สอบได้ที่ 1 ของจังหวัดเลย (ทำไมน้า ลูกๆไม่มีใครได้ตรงนี้มาสักคน)
ขอย้อนไปมื่อแม่ยังเล็กๆ แม่เราเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชายและน้องสาวอีก 3 คน แม่เราทำทุกอย่างในบ้าน กวาดบ้าน ถูกบ้าน หาบน้ำ
ทำไร่ ทำนา แม่เราทำหมด คุณตาเราเป็นผู้ใหญ่บ้าน คุณยายเราทำไร่ ทำนา แต่ที่บ้าน คุณตาจะสนับสนุนให้ลูกๆเรียนหนังสือทุกคนค่ะ
ท่านว่าความรู้คือทุกสิ่ง (แม่บอกนะคะ)
พอแม่อายุได้ 16 ปี แม่ก็เข้ามาเรียนต่อ มศ 4 ที่ในตัวเมือง (ระดับการศึกษาสมัยนั้น) แม่เราเล่าว่า ที่บ้านจนบางทีก็ต้องเดินเข้าอำเภอ แล้วค่อยต่อรถเข้าตัวเมืองบ่อยๆ แต่แม่รักการเรียน อะไรที่ทำได้แม่ก็อดทนไป เพื่อนๆคุณแม่มีเยอะค่ะ มีหนุ่มๆตามจีบบ้าง เป็นแม่สื่อบ้าง
พอแม่เราเรียนถึง มศ 5 แม่เราก็เจอคุณพ่อค่ะ พ่อเราเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยจีน สมัยก่อนเรียกว่า เจ็ก 555 (ตอนนี้ยังมีเรียกอยู่) พ่อเราตอนหนุ่มหล่อมากๆเลยค่ะ เราเห็นรูปตอนนั้นยังบอกเลยว่าพ่อหล่อกว่าสามีเราอีก พ่อเราเป็นคนกำแพงเพชร เรียนหนังสือไม่เท่าไหร่ก็ลงมาทำงานกับคนรุ้จัก จนมาถึงโคราช ก็ตามจีบแม่อยู่ จนกระทั่ง แม่เราท้องตอนเรียนอยูชั้น มศ 5 นั่นแหละค่ะ เรื่องถึงหูคุณตา คุณยาย แต่ไม่มีใครว่าแม่เราเลย เพราะคุณพ่อก็แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหน คุณตากับคุณยายเราเลยรักคุณพ่อเรามาก แม้กระทั่งตอนนี้
พอแม่ท้องก็ต้องหยุดเรียน แม่เราบอกตอนนั้นเสียดายอนาคตมาก แต่ทำไงได้เมื่อพลาดไปแล้วก็ต้องเริ่มชีวิตใหม่ ในรูปแบบใหม่อีกครั้ง แม่ออกมาอยู่กับพ่อจนกระทั่งคลอดลูกคนแรด คือพี่สาวเรา ทุกคนรักและเอ็นดูพี่เรามาก พ่อเราก็เช่นกัน แต่ที่แม่มารู้ทีหลังคือ พ่อเราเจ้าชู้ชนิดเรียกว่า คาสโนว่าตัวพ่อเลย แม่เราก็หึงหวงปกติเหมือนคนทั่วไป ร้องไห้เสียใจบ้าง แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน พ่อกับแม่ช่วยกันทำงาน พี่สาวเราก็มีคุณตาและคุณยาย รวมถึงน้าๆช่วยกันเลี้ยง จนกระทั่งผ่านไป 4 ปี เราก็เกิด เมื่อเราอายุได้ 2 เดือนกว่าๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราชนิดที่ว่าชาตินี้ให้ตายก็ไม่ลืม
ตอนนั้นพ่อเราอยู่ กทม. คุณยายก็อยู่ กทม. อยู่บ้านน้องสาว บ้านที่โคราชมี แม่ ตา ยาย แล้วก็น้าๆ รวมถึงเราและพี่สาวเราอยู่ด้วย เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนเย็น คุณแม่อุ้มเราออกไปเดินเล่น เดินไปบ้านคนนู้นคนนี้ที พี่สาวเราก็มาด้วยกัน ตามเล่นกับเรา จนเราร้องไห้โยเย แม่เลยใช้ให้พี่สาวเราเข้าไปเอาขวดนมที่บ้าน นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่เห็นหน้าพี่สาวเรา ใช่ค่ะ บ้านเราถูกปล้น โดยคนที่รู้จักกัน คนร้ายยิงคุณตา ยิงน้าสาวเรา ยิงน้าชายเรา และยิงพี่สาวเรา และมีญาติอีกคนที่เสียชีวิตเพราะวิ่งมาห้ามคนร้าย รวมเป็น 5 ศพในวันนั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคุณแม่ คุณพ่อ และคุณยาย ตัวเราเองก็ไม่มีพี่สาวให้เรียกอีกแล้ว ไม่มีคุณตาที่ทุกคนบอกว่ารักเราสุดหัวใจ รักเรายิ่งกว่าใครๆ อยู่ดูเราจนโต ไม่มีน้าๆ ให้เห็นให้รู้จัก คุณยายก็เช่นกัน คุณยายสูญเสียสามี ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว สูญเสียลูกๆอันเป็นที่รักทั้งสองคน สูญเสียหลายสาวที่ชุบเลี้ยงมาจนโต แล้วยังญาติผู้เป็นที่รักอีก แล้วแม่เราหล่ะ
ตอนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่บอกว่าแม่ได้ยินเสียงปืน หลายนัดมาก ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นที่บ้าน จนมีคนวิ่งมาบอกให้ไปดูที่บ้าน โดนยิงตายกันหมดแล้ว เท่านั้นแหละเราที่อยู่ในมือแม่ตอนนั้นแม่ทิ้งไปเลย คนแถวนั้นก็ช่วยๆกันอุ้มเราเอาไว้ พอแม่ไปถึง สิ่งที่แม่เห็นคือญาติสนิท นอนจมกองเลือดอยู่ที่บนได้หน้าบ้าน แม่เราตัวสั่นและตกใจมาก ปากก็ตะโกนเรียกแต่ชื่อพี่สาวเรา พอขึ้นไปบนบ้าน สิ่งที่พบก็คือน้าชายคนที่สอง นอนหงายในสภาพไม่ใส่เสื้อ หน้าอกมีรอยกระสุนชัดเจน เลือดไหลนองพื้นเลย แม่เรากรี้ดแล้วค่ะตอนนั้น ปากก็เรียกชื่อพี่สาวเรา เรียกชื่อคุณตา เดินไปในครัว เจอน้าสาวเราในสภาพนอนตะแคงแต่เลือดเต็มตัว ถึงตรงนี้แม่เราวิ่งไปห้องนอนของแม่ทันที ภาพที่เห็นคือ คุณตานั่งพิงผนังห้อง มีพี่สาวเรากอดตัวคุณตาไว้ในท่านั่ง หลังของพี่สาวเราชุ่มไปด้วยเลือด คุณตาก็เช่นกัน แม่บอกว่า ตอนนั้นเหมือนคนไม่มีหัวใจ มันเหมือนลอยได้ หายใจไม่เป็น รู้ตัวอีกทีคือตอนที่ตำรวจมา หนังสือพิมพ์อาชกรรมตีข่าวบ้านเราดังมากในช่วงเวลานั้น ปี 2529 ค่ะ ตำรวจเองตามจับคนร้ายไม่ได้ พอแม่ได้สติกลับคืนมา แม่เราวิ่งไปคว้ามีดในครัวแล้ววิ่งออกจากบ้านเหมือนคนบ้า เพราะชาวบ้านแถวนั้นรู้กันค่ะว่าใครเป็นคนทำวิ่งยังไม่ทันออกจากรั้วบ้านดี แม่ได้ยินเสียงเราร้องไห้ แม่ถึงได้สติว่าถ้าไปแล้วมันยิงแม่อีกคน ใครจะเลี้ยงเรา แม่นั่งร้องไห้อยู่ตรงรั้วบ้านนั่นแหละค่ะ คนที่อุ้มเราอยู่ก็ช่วยกันปลอบแม่ทั้งน้ำตา เพราะแถวนั้นก็ญาติๆกันหมดถึงจะห่างๆกันก็เถอะ อีกวันพ่อกับยายก็มาถึง ญาติก็เต็มบ้านแม่เราได้แต่ร้องไห้ ทำอะไรไม่ได้เลย เราก็ถูกปล่อยทิ้งขว้างไปเลยค่ะ ยายเรา พ่อเรา ลืมเราไปเลย (แม่บอก) เราได้คนแถวนั้นช่วยๆกันดู จนกระทั่งงานศพผ่านไป พ่อพาแม่ไปอยู่ด้วยที่ กทม. ส่วนเรา ยายเราขอเลี้ยงเองที่โคราช แม่เราก็ยอม เพราะในใจลึกๆตอนนั้นแม่คิดว่า ถ้าเราไม่ร้อง พี่สาวเราคงไม่ตาย (แม่บอกค่ะ เราเองก็คิดเหมือนกันจนถึงทุกวันนี้ แต่แม่ไม่คิดแล้ว แม่บอกพี่เรามีกรรม อยู่ได้แค่นี้ แม่ไม่โทษใคร โทษคนร้ายเท่านั้น) แม่เลยให้เราอยู่กับยายจนเรา 1 ปีกว่าๆ แม่ก็มีน้องสาวให้เราอีกคน น้องเราก็มาอยู่กับเราและยายค่ะ ถูกเลี้ยงกันไปตามประสา เราก็ติดยายมาก รักยายมาก ยายเราดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ยันวันนี้
พอเราอายุได้ 3 ขวบ แม่ก็มารับเรากับน้องสาวเราไปอยู่ด้วยที่สุราษ(ขอเขียนสั้น) ตอนนั้นพ่อเราได้งานที่นู้นค่อนข้างดี แม่เราก็คลอดน้องชายมาให้เราอีกคน แต่น้องชายคนนี้ฝั่งก๋งและย่ามาขอไปเลี้ยงเพราะเป็นเด็กผู้ชาย เค้าชอบ แม่เราก็ไม่ให้ จนน้องได้ 1 ขวบกว่าๆ ย่ามารับแล้วนั่งรถทัวร์กลับไปเลย แม่เราเสียใจมากๆ แต่ในเมื่อท่านหวังดี แม่เราก็เลยปล่อยไป
เหตุการณ์มาเปลี่ยนอีก เมื่อแม่รู้ว่าพ่อมีเมียน้อย เป็นพนักงานในบริษัท คนๆนี้ก็รู้จักแม่เราดีเลยค่ะ เป็นเพื่อนบ้านกันด้วย ตอนนั้นน้ำท่วมสุราษเมื่อปี 2533 หรือ 2534 ไม่แน่ใจ เมียน้อยพ่อมาประกาศตัวบอกว่าเป็นเมียอีกคน ต้องการให้พ่อไปช่วยขนของที่บ้าน (เหตุผลกระจอกมาก) แม่เราช้ำใจสุดๆ ทะเลาะกับพ่อรุนแรง พ่อเราตบตีแม่เรา จนแขนแม่เราหัก แล้วพ่อก็ขับมอเตอร์ไซด์ซูซูกิคันใหญ่ๆ (แบบเมื่อก่อนค่ะ) ออกจากบ้านไปกับเมียน้อย แล้วไปล้มเข้าโรงพยาบาล แม่เราเลยพาเรากับน้องสาว กลับไปหาคุณยายที่โคราช แล้วจ้างให้รถ 10 ล้อขนของไปส่งที่โคราชวันนั้นเลย เราก็ไม่รู้เรื่องปัญหาของผู้ใหญ่หรอกค่ะ แต่เราจำได้ว่า เราติดพ่อมาก และร้องไห้จะหาพ่ออย่างเดียวตอนอยู่บ้านยาย อยู่ได้สัก 3-4 เดือน พ่อเรามาง้อแม่ถึงบ้าน เอาดอกไม้มาขอขมาคุณยาย คุณยายซึ่งรักพ่อมากอยู่แล้วก็ให้อภัยแล้วให้แม่กลับไปกับพ่อ ส่วนเราก็ไปอยู่บ้านย่ากับก๋ง เพราะยายเราจะลงไปอยู่หาดใหญ่ ไปอยู่กับน้องสาวคนสุดท้องของท่านเพื่อช่วยเลี้ยงหลานค่ะ
พออายุได้ 7 ขวบกว่าๆ เรากับน้องสาวก็มาอยู่ที่พระประแดงกับพ่อและแม่ ตอนนั้นแม่ก็ท้องอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นคุณแม่ติดการพนันมากๆ พ่อเราก็กำลังทำงานไปได้สวย เราอยู่คอนโดกันทั้งครอบครัว เรียนโรงเรียนแถวบ้านเหมือนจะปกติดี จนกระทั่งคลอดน้องสาวอีกคนก่อนกำหนดเพราะแม่เล่นแต่ไพ่ค่ะ นั่งนานไป หมอบอก พอน้องสาวคลอด คุณยายก็มาเลี้ยงให้ แม่เราก็ไปทำงานกับคุณพ่อ ช่วงนั้น รายได้ของครอบครัวค่อนข้างดีเลยค่ะ พ่อเราซื้อรถกระบะคันใหม่ ไปกินข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละ 3 วันเลย ใช้ชีวิตแบบสนุกมาก แม่เราก็เหมือนกัน คือสบายใจ ไม่กังวลอะไร จนรับน้องชายที่อยู่กับก๋งกับย่ามาเลี้ยง ทีนี้ครอบครัวเราก็เลยกลายเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ แต่ยังอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย อยู่ๆมาวันหนึ่ง แม่เราก็ถูกพ่อตบตีอีกครั้ง ทีนี้ต่อหน้าพวกเราลูกๆทุกคน เอามีดมาจะฆ่าแม่ พวกเราได้แต่ร้องไห้ วิ่งออกนอกห้องเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ แม่เราตาเขียว หน้าบวม เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำ ผมถูกกรรไกรตัดจนสั้น ไม่เหลือเค้าคุณแม่ของเราเลย เหตุการณ์เป็นแบบนี้เรื่อยๆเลยค่ะ พวกเราเด็กๆก็ได้แต่กลัวว่าพ่อจะฆ่าแม่จริงๆ แม่เราก็อดทนอยู่ไม่ได้หนีไปไหน ยังคงอยู่กับพวกเราเสมอ จนกระทั่งแม่มีน้องอีกคน คนนี้ก็เหมือนกัน ถูกก๋งและย่ามาขอไปเลี้ยงเพราะหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่น (โตมามันก็สวยจริงๆ) เวลาผ่านไปจนเราอยู่ ป.5 แม่มาลาออกให้เรากับน้องๆอีกสามคน บอกว่าจะย้ายบ้าน วันนั้นเราจำได้ดีเลย ประมาณ 11 โมง เรานั่งรถ 10 ล้อมากับแม่ส่วนน้องๆนั่งรถไปกับพ่อ พอถึงที่ แม่ก็ชวนเราลงจากรถแล้วบอกว่า ถึงแล้ว นี่ไงบ้านเรา
พวกเราย้ายมาอยู่ กทม.แบบเต็มตัว เราย้ายโรงเรียน ชีวิตดีขึ้นแบบสุดๆ แม่เราก็ยังคงทำงานหนักเหมือนเดิม ทั้งงานบ้าน และงานนอก พ่อเราก็มีเมียน้อยมาตลอด ไปไหนก็แบบมีเมียทุกจังหวัด แต่แม่เราทำใจแล้วขอแค่แม่ได้ถือเงินไว้ก็พอ ผ่านไปสัก 4 ปี แม่เราก็มีน้องสาวคนสุดท้องอีกคน น้องเกิดมาพร้อมทุกอย่าง บ้าน รถ พี่เลี้ยง ถูกสปอยสุดๆ พ่อก็รักน้องคนนี้มากๆเช่นกัน อยู่ติดบ้านตลอด จนกระทั่งพ่อเราเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง แม่เราก็ทำทุกอย่างเหมือนเคย ทำบัญชี วิ่งงาน เสนองาน ทำธุรการ ทำจนสามารถซื้อรถคันละล้านกว่าๆได้ 3 คันแบบเงินสดด้วย ถึงตอนนี้เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ไม่เลย
เราเรียน ม 6. พ่อเราเริ่มออกลายอีกแล้ว เริ่มพาผู้หญิงเข้าบ้าน แต่มาแนะนำให้รู้จักในฐานะคนรู้จักนะคะ มานอนห้องเดียวกับแม่ มาอยู่มากิน แต่คงทนไม่ได้ เพราะพวกเราไม่ยอม โตๆกันแล้ว ปกป้องแม่กันได้บ้างแล้ว พ่อเราก็ไม่ค่อยกล้าตีแม่อีก แต่มีบ้างที่ทะเลาะกันหนัก ซึ่งเราไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก็จะมีเรานี่แหละที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพ่อ พ่อถือมีด เราก็ถือมีด พ่อจะฟันเรา เราก็จะฟันพ่อ พ่อตบเรา เราก็ตีพ่อกลับ (บาปสุดๆ) แต่ให้เราทำไง เราทนไม่ได้ที่จะเห็นแม่ถูกทำร้ายอีก น้องๆก็ยุให้เราไปช่วยแม่ เพราะทุกคนกลัวมากๆ เราเลยต้องเป็นคนร้ายกาจ ต้องเป็นคนบาปเพื่อปกป้องทุกคนจากคนที่รักที่สุดเหมือนกัน (น้ำตาไหลขออนุญาติเช็ดน้ำตาตัวเอง)
แต่ถึงเรากับพ่อจะเป็นแบบนี้กัน แต่เราก็คุยเล่นหัวกันเสมอ โดยเฉพาะวันที่ประกาศผลเอ็นทรานซ์ เราสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งที่ศรีราชา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า พ่อเราดีใจมาก แม่เราก็เช่นกัน ทุกคนยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ของเรา เราเรียนเพราะคิดว่าเมื่อเรียนจบเราจะมาช่วยพ่อทำงานได้ เพราะพ่อเราไม่มีความรู้ด้านนี้ (บ้านเราเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างค่ะ) ตอนนั้นแม่เราหน้าบานสุดๆ ไปไหนก็คุยไป ลูกชั้นเรียนที่นี่นะ มันสอบได้ มันตั้งใจจะช่วยพ่อมันทำงาน
เราเรียนไม่จบนะคะ ออกมาก่อน ขอไม่เล่านะคะ ขอข้ามไปเลย
ต่อความเห็นต่อไปนะคะ มันยาวมากเลย -----------------------------
++++++ย้อนอดีตของคุณแม่ และโชคชะตาที่เล่นตลกกับท่าน++++++
วันนี้อุ้ยจะมาเล่าเรื่องของคุณแม่ให้ฟัง ต้อนรับวันแม่เลย555 เกี่ยวกันไหมนะ เรื่องราวทุกอย่าง ผ่านการพิจารณาจากแม่แล้วนะคะ
เพราะฉะนั้น เราจะใส่เต็มที่เลย
อดีต
แม่เราเป็นสาวโคราช หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวคล้ำแต่เนียนสวย ตามแบบฉบับสาวโคราชเมื่อประมาณ 40 กว่าปีก่อน
ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะมีคนบอกว่าเราสวยได้ไม่เท่าแม่ตอนสาวๆเลย (เชื่อค่ะ เห็นรูปแล้ว) แม่เป็นเด็กเรียนเก่งมากถึงมากที่สุดค่ะ
สอบชิงทุนเข้าเรียนต่อโรงเรียนในตัวเมืองโคราชได้ สอบได้ที่ 1 ของจังหวัดเลย (ทำไมน้า ลูกๆไม่มีใครได้ตรงนี้มาสักคน)
ขอย้อนไปมื่อแม่ยังเล็กๆ แม่เราเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชายและน้องสาวอีก 3 คน แม่เราทำทุกอย่างในบ้าน กวาดบ้าน ถูกบ้าน หาบน้ำ
ทำไร่ ทำนา แม่เราทำหมด คุณตาเราเป็นผู้ใหญ่บ้าน คุณยายเราทำไร่ ทำนา แต่ที่บ้าน คุณตาจะสนับสนุนให้ลูกๆเรียนหนังสือทุกคนค่ะ
ท่านว่าความรู้คือทุกสิ่ง (แม่บอกนะคะ)
พอแม่อายุได้ 16 ปี แม่ก็เข้ามาเรียนต่อ มศ 4 ที่ในตัวเมือง (ระดับการศึกษาสมัยนั้น) แม่เราเล่าว่า ที่บ้านจนบางทีก็ต้องเดินเข้าอำเภอ แล้วค่อยต่อรถเข้าตัวเมืองบ่อยๆ แต่แม่รักการเรียน อะไรที่ทำได้แม่ก็อดทนไป เพื่อนๆคุณแม่มีเยอะค่ะ มีหนุ่มๆตามจีบบ้าง เป็นแม่สื่อบ้าง
พอแม่เราเรียนถึง มศ 5 แม่เราก็เจอคุณพ่อค่ะ พ่อเราเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยจีน สมัยก่อนเรียกว่า เจ็ก 555 (ตอนนี้ยังมีเรียกอยู่) พ่อเราตอนหนุ่มหล่อมากๆเลยค่ะ เราเห็นรูปตอนนั้นยังบอกเลยว่าพ่อหล่อกว่าสามีเราอีก พ่อเราเป็นคนกำแพงเพชร เรียนหนังสือไม่เท่าไหร่ก็ลงมาทำงานกับคนรุ้จัก จนมาถึงโคราช ก็ตามจีบแม่อยู่ จนกระทั่ง แม่เราท้องตอนเรียนอยูชั้น มศ 5 นั่นแหละค่ะ เรื่องถึงหูคุณตา คุณยาย แต่ไม่มีใครว่าแม่เราเลย เพราะคุณพ่อก็แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหน คุณตากับคุณยายเราเลยรักคุณพ่อเรามาก แม้กระทั่งตอนนี้
พอแม่ท้องก็ต้องหยุดเรียน แม่เราบอกตอนนั้นเสียดายอนาคตมาก แต่ทำไงได้เมื่อพลาดไปแล้วก็ต้องเริ่มชีวิตใหม่ ในรูปแบบใหม่อีกครั้ง แม่ออกมาอยู่กับพ่อจนกระทั่งคลอดลูกคนแรด คือพี่สาวเรา ทุกคนรักและเอ็นดูพี่เรามาก พ่อเราก็เช่นกัน แต่ที่แม่มารู้ทีหลังคือ พ่อเราเจ้าชู้ชนิดเรียกว่า คาสโนว่าตัวพ่อเลย แม่เราก็หึงหวงปกติเหมือนคนทั่วไป ร้องไห้เสียใจบ้าง แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน พ่อกับแม่ช่วยกันทำงาน พี่สาวเราก็มีคุณตาและคุณยาย รวมถึงน้าๆช่วยกันเลี้ยง จนกระทั่งผ่านไป 4 ปี เราก็เกิด เมื่อเราอายุได้ 2 เดือนกว่าๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราชนิดที่ว่าชาตินี้ให้ตายก็ไม่ลืม
ตอนนั้นพ่อเราอยู่ กทม. คุณยายก็อยู่ กทม. อยู่บ้านน้องสาว บ้านที่โคราชมี แม่ ตา ยาย แล้วก็น้าๆ รวมถึงเราและพี่สาวเราอยู่ด้วย เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนเย็น คุณแม่อุ้มเราออกไปเดินเล่น เดินไปบ้านคนนู้นคนนี้ที พี่สาวเราก็มาด้วยกัน ตามเล่นกับเรา จนเราร้องไห้โยเย แม่เลยใช้ให้พี่สาวเราเข้าไปเอาขวดนมที่บ้าน นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่เห็นหน้าพี่สาวเรา ใช่ค่ะ บ้านเราถูกปล้น โดยคนที่รู้จักกัน คนร้ายยิงคุณตา ยิงน้าสาวเรา ยิงน้าชายเรา และยิงพี่สาวเรา และมีญาติอีกคนที่เสียชีวิตเพราะวิ่งมาห้ามคนร้าย รวมเป็น 5 ศพในวันนั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคุณแม่ คุณพ่อ และคุณยาย ตัวเราเองก็ไม่มีพี่สาวให้เรียกอีกแล้ว ไม่มีคุณตาที่ทุกคนบอกว่ารักเราสุดหัวใจ รักเรายิ่งกว่าใครๆ อยู่ดูเราจนโต ไม่มีน้าๆ ให้เห็นให้รู้จัก คุณยายก็เช่นกัน คุณยายสูญเสียสามี ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว สูญเสียลูกๆอันเป็นที่รักทั้งสองคน สูญเสียหลายสาวที่ชุบเลี้ยงมาจนโต แล้วยังญาติผู้เป็นที่รักอีก แล้วแม่เราหล่ะ
ตอนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่บอกว่าแม่ได้ยินเสียงปืน หลายนัดมาก ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นที่บ้าน จนมีคนวิ่งมาบอกให้ไปดูที่บ้าน โดนยิงตายกันหมดแล้ว เท่านั้นแหละเราที่อยู่ในมือแม่ตอนนั้นแม่ทิ้งไปเลย คนแถวนั้นก็ช่วยๆกันอุ้มเราเอาไว้ พอแม่ไปถึง สิ่งที่แม่เห็นคือญาติสนิท นอนจมกองเลือดอยู่ที่บนได้หน้าบ้าน แม่เราตัวสั่นและตกใจมาก ปากก็ตะโกนเรียกแต่ชื่อพี่สาวเรา พอขึ้นไปบนบ้าน สิ่งที่พบก็คือน้าชายคนที่สอง นอนหงายในสภาพไม่ใส่เสื้อ หน้าอกมีรอยกระสุนชัดเจน เลือดไหลนองพื้นเลย แม่เรากรี้ดแล้วค่ะตอนนั้น ปากก็เรียกชื่อพี่สาวเรา เรียกชื่อคุณตา เดินไปในครัว เจอน้าสาวเราในสภาพนอนตะแคงแต่เลือดเต็มตัว ถึงตรงนี้แม่เราวิ่งไปห้องนอนของแม่ทันที ภาพที่เห็นคือ คุณตานั่งพิงผนังห้อง มีพี่สาวเรากอดตัวคุณตาไว้ในท่านั่ง หลังของพี่สาวเราชุ่มไปด้วยเลือด คุณตาก็เช่นกัน แม่บอกว่า ตอนนั้นเหมือนคนไม่มีหัวใจ มันเหมือนลอยได้ หายใจไม่เป็น รู้ตัวอีกทีคือตอนที่ตำรวจมา หนังสือพิมพ์อาชกรรมตีข่าวบ้านเราดังมากในช่วงเวลานั้น ปี 2529 ค่ะ ตำรวจเองตามจับคนร้ายไม่ได้ พอแม่ได้สติกลับคืนมา แม่เราวิ่งไปคว้ามีดในครัวแล้ววิ่งออกจากบ้านเหมือนคนบ้า เพราะชาวบ้านแถวนั้นรู้กันค่ะว่าใครเป็นคนทำวิ่งยังไม่ทันออกจากรั้วบ้านดี แม่ได้ยินเสียงเราร้องไห้ แม่ถึงได้สติว่าถ้าไปแล้วมันยิงแม่อีกคน ใครจะเลี้ยงเรา แม่นั่งร้องไห้อยู่ตรงรั้วบ้านนั่นแหละค่ะ คนที่อุ้มเราอยู่ก็ช่วยกันปลอบแม่ทั้งน้ำตา เพราะแถวนั้นก็ญาติๆกันหมดถึงจะห่างๆกันก็เถอะ อีกวันพ่อกับยายก็มาถึง ญาติก็เต็มบ้านแม่เราได้แต่ร้องไห้ ทำอะไรไม่ได้เลย เราก็ถูกปล่อยทิ้งขว้างไปเลยค่ะ ยายเรา พ่อเรา ลืมเราไปเลย (แม่บอก) เราได้คนแถวนั้นช่วยๆกันดู จนกระทั่งงานศพผ่านไป พ่อพาแม่ไปอยู่ด้วยที่ กทม. ส่วนเรา ยายเราขอเลี้ยงเองที่โคราช แม่เราก็ยอม เพราะในใจลึกๆตอนนั้นแม่คิดว่า ถ้าเราไม่ร้อง พี่สาวเราคงไม่ตาย (แม่บอกค่ะ เราเองก็คิดเหมือนกันจนถึงทุกวันนี้ แต่แม่ไม่คิดแล้ว แม่บอกพี่เรามีกรรม อยู่ได้แค่นี้ แม่ไม่โทษใคร โทษคนร้ายเท่านั้น) แม่เลยให้เราอยู่กับยายจนเรา 1 ปีกว่าๆ แม่ก็มีน้องสาวให้เราอีกคน น้องเราก็มาอยู่กับเราและยายค่ะ ถูกเลี้ยงกันไปตามประสา เราก็ติดยายมาก รักยายมาก ยายเราดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ยันวันนี้
พอเราอายุได้ 3 ขวบ แม่ก็มารับเรากับน้องสาวเราไปอยู่ด้วยที่สุราษ(ขอเขียนสั้น) ตอนนั้นพ่อเราได้งานที่นู้นค่อนข้างดี แม่เราก็คลอดน้องชายมาให้เราอีกคน แต่น้องชายคนนี้ฝั่งก๋งและย่ามาขอไปเลี้ยงเพราะเป็นเด็กผู้ชาย เค้าชอบ แม่เราก็ไม่ให้ จนน้องได้ 1 ขวบกว่าๆ ย่ามารับแล้วนั่งรถทัวร์กลับไปเลย แม่เราเสียใจมากๆ แต่ในเมื่อท่านหวังดี แม่เราก็เลยปล่อยไป
เหตุการณ์มาเปลี่ยนอีก เมื่อแม่รู้ว่าพ่อมีเมียน้อย เป็นพนักงานในบริษัท คนๆนี้ก็รู้จักแม่เราดีเลยค่ะ เป็นเพื่อนบ้านกันด้วย ตอนนั้นน้ำท่วมสุราษเมื่อปี 2533 หรือ 2534 ไม่แน่ใจ เมียน้อยพ่อมาประกาศตัวบอกว่าเป็นเมียอีกคน ต้องการให้พ่อไปช่วยขนของที่บ้าน (เหตุผลกระจอกมาก) แม่เราช้ำใจสุดๆ ทะเลาะกับพ่อรุนแรง พ่อเราตบตีแม่เรา จนแขนแม่เราหัก แล้วพ่อก็ขับมอเตอร์ไซด์ซูซูกิคันใหญ่ๆ (แบบเมื่อก่อนค่ะ) ออกจากบ้านไปกับเมียน้อย แล้วไปล้มเข้าโรงพยาบาล แม่เราเลยพาเรากับน้องสาว กลับไปหาคุณยายที่โคราช แล้วจ้างให้รถ 10 ล้อขนของไปส่งที่โคราชวันนั้นเลย เราก็ไม่รู้เรื่องปัญหาของผู้ใหญ่หรอกค่ะ แต่เราจำได้ว่า เราติดพ่อมาก และร้องไห้จะหาพ่ออย่างเดียวตอนอยู่บ้านยาย อยู่ได้สัก 3-4 เดือน พ่อเรามาง้อแม่ถึงบ้าน เอาดอกไม้มาขอขมาคุณยาย คุณยายซึ่งรักพ่อมากอยู่แล้วก็ให้อภัยแล้วให้แม่กลับไปกับพ่อ ส่วนเราก็ไปอยู่บ้านย่ากับก๋ง เพราะยายเราจะลงไปอยู่หาดใหญ่ ไปอยู่กับน้องสาวคนสุดท้องของท่านเพื่อช่วยเลี้ยงหลานค่ะ
พออายุได้ 7 ขวบกว่าๆ เรากับน้องสาวก็มาอยู่ที่พระประแดงกับพ่อและแม่ ตอนนั้นแม่ก็ท้องอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นคุณแม่ติดการพนันมากๆ พ่อเราก็กำลังทำงานไปได้สวย เราอยู่คอนโดกันทั้งครอบครัว เรียนโรงเรียนแถวบ้านเหมือนจะปกติดี จนกระทั่งคลอดน้องสาวอีกคนก่อนกำหนดเพราะแม่เล่นแต่ไพ่ค่ะ นั่งนานไป หมอบอก พอน้องสาวคลอด คุณยายก็มาเลี้ยงให้ แม่เราก็ไปทำงานกับคุณพ่อ ช่วงนั้น รายได้ของครอบครัวค่อนข้างดีเลยค่ะ พ่อเราซื้อรถกระบะคันใหม่ ไปกินข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละ 3 วันเลย ใช้ชีวิตแบบสนุกมาก แม่เราก็เหมือนกัน คือสบายใจ ไม่กังวลอะไร จนรับน้องชายที่อยู่กับก๋งกับย่ามาเลี้ยง ทีนี้ครอบครัวเราก็เลยกลายเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ แต่ยังอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย อยู่ๆมาวันหนึ่ง แม่เราก็ถูกพ่อตบตีอีกครั้ง ทีนี้ต่อหน้าพวกเราลูกๆทุกคน เอามีดมาจะฆ่าแม่ พวกเราได้แต่ร้องไห้ วิ่งออกนอกห้องเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ แม่เราตาเขียว หน้าบวม เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำ ผมถูกกรรไกรตัดจนสั้น ไม่เหลือเค้าคุณแม่ของเราเลย เหตุการณ์เป็นแบบนี้เรื่อยๆเลยค่ะ พวกเราเด็กๆก็ได้แต่กลัวว่าพ่อจะฆ่าแม่จริงๆ แม่เราก็อดทนอยู่ไม่ได้หนีไปไหน ยังคงอยู่กับพวกเราเสมอ จนกระทั่งแม่มีน้องอีกคน คนนี้ก็เหมือนกัน ถูกก๋งและย่ามาขอไปเลี้ยงเพราะหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่น (โตมามันก็สวยจริงๆ) เวลาผ่านไปจนเราอยู่ ป.5 แม่มาลาออกให้เรากับน้องๆอีกสามคน บอกว่าจะย้ายบ้าน วันนั้นเราจำได้ดีเลย ประมาณ 11 โมง เรานั่งรถ 10 ล้อมากับแม่ส่วนน้องๆนั่งรถไปกับพ่อ พอถึงที่ แม่ก็ชวนเราลงจากรถแล้วบอกว่า ถึงแล้ว นี่ไงบ้านเรา
พวกเราย้ายมาอยู่ กทม.แบบเต็มตัว เราย้ายโรงเรียน ชีวิตดีขึ้นแบบสุดๆ แม่เราก็ยังคงทำงานหนักเหมือนเดิม ทั้งงานบ้าน และงานนอก พ่อเราก็มีเมียน้อยมาตลอด ไปไหนก็แบบมีเมียทุกจังหวัด แต่แม่เราทำใจแล้วขอแค่แม่ได้ถือเงินไว้ก็พอ ผ่านไปสัก 4 ปี แม่เราก็มีน้องสาวคนสุดท้องอีกคน น้องเกิดมาพร้อมทุกอย่าง บ้าน รถ พี่เลี้ยง ถูกสปอยสุดๆ พ่อก็รักน้องคนนี้มากๆเช่นกัน อยู่ติดบ้านตลอด จนกระทั่งพ่อเราเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง แม่เราก็ทำทุกอย่างเหมือนเคย ทำบัญชี วิ่งงาน เสนองาน ทำธุรการ ทำจนสามารถซื้อรถคันละล้านกว่าๆได้ 3 คันแบบเงินสดด้วย ถึงตอนนี้เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ไม่เลย
เราเรียน ม 6. พ่อเราเริ่มออกลายอีกแล้ว เริ่มพาผู้หญิงเข้าบ้าน แต่มาแนะนำให้รู้จักในฐานะคนรู้จักนะคะ มานอนห้องเดียวกับแม่ มาอยู่มากิน แต่คงทนไม่ได้ เพราะพวกเราไม่ยอม โตๆกันแล้ว ปกป้องแม่กันได้บ้างแล้ว พ่อเราก็ไม่ค่อยกล้าตีแม่อีก แต่มีบ้างที่ทะเลาะกันหนัก ซึ่งเราไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก็จะมีเรานี่แหละที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพ่อ พ่อถือมีด เราก็ถือมีด พ่อจะฟันเรา เราก็จะฟันพ่อ พ่อตบเรา เราก็ตีพ่อกลับ (บาปสุดๆ) แต่ให้เราทำไง เราทนไม่ได้ที่จะเห็นแม่ถูกทำร้ายอีก น้องๆก็ยุให้เราไปช่วยแม่ เพราะทุกคนกลัวมากๆ เราเลยต้องเป็นคนร้ายกาจ ต้องเป็นคนบาปเพื่อปกป้องทุกคนจากคนที่รักที่สุดเหมือนกัน (น้ำตาไหลขออนุญาติเช็ดน้ำตาตัวเอง)
แต่ถึงเรากับพ่อจะเป็นแบบนี้กัน แต่เราก็คุยเล่นหัวกันเสมอ โดยเฉพาะวันที่ประกาศผลเอ็นทรานซ์ เราสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งที่ศรีราชา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า พ่อเราดีใจมาก แม่เราก็เช่นกัน ทุกคนยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ของเรา เราเรียนเพราะคิดว่าเมื่อเรียนจบเราจะมาช่วยพ่อทำงานได้ เพราะพ่อเราไม่มีความรู้ด้านนี้ (บ้านเราเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างค่ะ) ตอนนั้นแม่เราหน้าบานสุดๆ ไปไหนก็คุยไป ลูกชั้นเรียนที่นี่นะ มันสอบได้ มันตั้งใจจะช่วยพ่อมันทำงาน
เราเรียนไม่จบนะคะ ออกมาก่อน ขอไม่เล่านะคะ ขอข้ามไปเลย
ต่อความเห็นต่อไปนะคะ มันยาวมากเลย -----------------------------