ยน.13:34
“เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด”
“บัญญัติใหม่” ที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้เราทราบ คือความรัก พระองค์ได้แสดงให้เราเห็นว่าจะต้องรักกันอย่างไร เราจะต้องรักเช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงรักเรา
1.ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
พระเยซูคริสต์ทรงให้ความสำคัญกับผู้อื่นเป็นลำดับแรก ทรงรักทุกคนด้วยหัวใจที่ไม่แบ่งแยก เห็นได้จากทรงติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนบาปทั้งหลาย
รม.5:8
“แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือ ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา”
2.ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว
มธ.5:44-45
“ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน ทำดังนี้แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตก แก่คนชอบธรรมและคนอธรรม”
พระเยซูคริสต์ทรงสะท้อนภาพความรักของพระบิดาที่โปรดให้ดวงอาทิตย์สาดส่องเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ทุกสิ่งที่พระองค์มีทรงให้แก่เราทั้งหมด แม้กระทั่งเลือดหยดสุดท้าย
3.ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ให้อภัยเสมอ
แม้เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ถึงสามครั้งและบรรดาสาวกคนอื่นๆ ต่างหนีเอาตัวรอด ทิ้งให้พระองค์อยู่ในเงื้อมมือศัตรูตามลำพัง แต่พระองค์ก็ทรงให้อภัยพวกเขา ในวาระสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงวอนขอให้พระบิดาอภัยความผิดของพวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่ากระทำอะไรลงไป
ลก.23:34
“ฝ่ายพระเยซู จึงทรงอธิษฐานว่า
"โอ พระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขา เพราะว่าเขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร"
4.ความรักของพระองค์สละได้แม้กระทั่งชีวิต
ยน.15:13
“ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือ การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตน เพื่อมิตรสหายของตน”
พระเยซูคริสต์ทรงทำให้เห็นความรักของพระองค์ด้วยการยอมรับความตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย พระองค์ไม่เพียงเทศน์สอน แต่ได้มอบชีวิตของพระองค์เพื่อเรา
สรุป พระเยซูคริสต์ได้มอบบัญญัติใหม่และแบบอย่างในการปฏิบัติสำหรับเราแล้ว ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่า เราจะนำมาปฏิบัติให้เป็นจริงในชีวิตประจำวันของเรา มากน้อยแค่ไหน หากเราดำเนินชีวิตในความรัก เราจะเป็นพยานที่มีชีวิตที่ดีที่สำแดงพระลักษณะของพระเยซูคริสต์ให้ผู้คนรอบข้าง เมื่อนั้น สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในใจเราและสันติภาพจะบังเกิดขึ้นในท่ามกลางคนของพระเจ้าและโลกนี้
ข้อควรระลึก
· พระคัมภีร์บอกเราว่า จงรักษาพระวจนะของพระเจ้าไว้ในใจ
· ภาษาฮีบรู คำว่า “รักษา” เป็นการปกป้อง ป้องกันจากศัตรูของเรา
· มารต้องการมาขโมยพระวจนะของพระเจ้าไปจากหัวใจของเรา (เพราะเป็นเหมือนแหวนเพชร หรือมรดก )
· และหากเราไม่ระวังรักษาเอาไว้ในใจมารก็จะมาขโมยมันไป หากเราต้องการประสบความสำเร็จเราจำเป็นต้องเติมพระวจนะของพระเจ้าไว้ตลอด ตรึกตรองทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นการรักษาไว้ในใจของเรา
โดย : คริสตจักรโดยพระคุณ
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
รักอย่างพระเยซูคริสต์ทรงรักเรา
“เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด”
“บัญญัติใหม่” ที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้เราทราบ คือความรัก พระองค์ได้แสดงให้เราเห็นว่าจะต้องรักกันอย่างไร เราจะต้องรักเช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงรักเรา
1.ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
พระเยซูคริสต์ทรงให้ความสำคัญกับผู้อื่นเป็นลำดับแรก ทรงรักทุกคนด้วยหัวใจที่ไม่แบ่งแยก เห็นได้จากทรงติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนบาปทั้งหลาย
รม.5:8
“แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือ ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา”
2.ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว
มธ.5:44-45
“ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน ทำดังนี้แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตก แก่คนชอบธรรมและคนอธรรม”
พระเยซูคริสต์ทรงสะท้อนภาพความรักของพระบิดาที่โปรดให้ดวงอาทิตย์สาดส่องเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ทุกสิ่งที่พระองค์มีทรงให้แก่เราทั้งหมด แม้กระทั่งเลือดหยดสุดท้าย
3.ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ให้อภัยเสมอ
แม้เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ถึงสามครั้งและบรรดาสาวกคนอื่นๆ ต่างหนีเอาตัวรอด ทิ้งให้พระองค์อยู่ในเงื้อมมือศัตรูตามลำพัง แต่พระองค์ก็ทรงให้อภัยพวกเขา ในวาระสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงวอนขอให้พระบิดาอภัยความผิดของพวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่ากระทำอะไรลงไป
ลก.23:34
“ฝ่ายพระเยซู จึงทรงอธิษฐานว่า "โอ พระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขา เพราะว่าเขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร"
4.ความรักของพระองค์สละได้แม้กระทั่งชีวิต
ยน.15:13
“ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือ การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตน เพื่อมิตรสหายของตน”
พระเยซูคริสต์ทรงทำให้เห็นความรักของพระองค์ด้วยการยอมรับความตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย พระองค์ไม่เพียงเทศน์สอน แต่ได้มอบชีวิตของพระองค์เพื่อเรา
สรุป พระเยซูคริสต์ได้มอบบัญญัติใหม่และแบบอย่างในการปฏิบัติสำหรับเราแล้ว ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่า เราจะนำมาปฏิบัติให้เป็นจริงในชีวิตประจำวันของเรา มากน้อยแค่ไหน หากเราดำเนินชีวิตในความรัก เราจะเป็นพยานที่มีชีวิตที่ดีที่สำแดงพระลักษณะของพระเยซูคริสต์ให้ผู้คนรอบข้าง เมื่อนั้น สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในใจเราและสันติภาพจะบังเกิดขึ้นในท่ามกลางคนของพระเจ้าและโลกนี้
ข้อควรระลึก
· พระคัมภีร์บอกเราว่า จงรักษาพระวจนะของพระเจ้าไว้ในใจ
· ภาษาฮีบรู คำว่า “รักษา” เป็นการปกป้อง ป้องกันจากศัตรูของเรา
· มารต้องการมาขโมยพระวจนะของพระเจ้าไปจากหัวใจของเรา (เพราะเป็นเหมือนแหวนเพชร หรือมรดก )
· และหากเราไม่ระวังรักษาเอาไว้ในใจมารก็จะมาขโมยมันไป หากเราต้องการประสบความสำเร็จเราจำเป็นต้องเติมพระวจนะของพระเจ้าไว้ตลอด ตรึกตรองทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นการรักษาไว้ในใจของเรา
โดย : คริสตจักรโดยพระคุณ
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ