"โมโน กรุ๊ป" เตรียมทุ่มงบกว่าพันล้าน ร่วมวงประมูลทีวีดิจิตอล 3 ช่องรวด ทั้งวาไรตี SD ช่องข่าว และช่องเด็ก ล่าสุดคว้าลิขสิทธิ์ผลิตคอนเทนต์ผ่านโมบายสโมสรฟุตบอลดัง "หงส์แดง" เผยพร้อมต่อยอดลงช่องทีวี มั่นใจดันรายได้โต 20-30% ด้านผู้บริหารลิเวอร์พูลเผย พร้อมจับมือกับทุกธุรกิจในไทยที่มีศักยภาพ
นายซัง โด ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตคอนเทนต์ให้กับสื่อต่างๆ อาทิ โทรทัศน์ , โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอลในเมืองไทยที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ โดยบริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลในช่องวาไรตีระบบสแตนดาร์ด (SD) ช่องข่าว และช่องเด็ก ซึ่งการเข้าประมูลครั้งนี้บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าชนะการประมูลตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากการประมูลครั้งนี้กสทช.ต้องการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกฝ่าย และบริษัทเองมีความพร้อมทางด้านคอนเทนต์เต็มที่ และไม่มีความกังวลทั้งในเรื่องเงินลงทุนและโครงข่ายที่ขณะนี้ยังไม่สรุปเรื่องของราคา
ล่าสุดบริษัทได้ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ข้อมูลของลิเวอร์พูล ทั้ง ประวัติ, สโมสร, นักกีฬา, เพลง, รูปภาพและข่าวสารต่างๆ เพื่อนำมาแปลเป็นภาษาไทยและให้บริการข้อมูลของทีมโปรดผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เรียกว่าเอ็กซ์คลูซีฟโมบายคอนเทนต์ เพื่อนำมาทำกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทาง SMS, MMS, IVR ภายใน ประจำประเทศไทยแบบถูกลิขสิทธิ์เพียงเจ้าเดียว อีกทั้งยังสามารถเผยแพร่กิจกรรมข่าวสารต่างๆ ของสโมสรผ่านทางเว็บไซต์ภายใต้ชื่อ
http://sport.mthai.com/lfc' ได้อีกด้วย โดยบริษัทคาดว่าหลังจากที่ได้ช่องทีวีดิจิตอลมาแล้ว จะสามารถต่อยอดคอนเทนต์ดังกล่าวสู่ธุรกิจทีวีด้วย
"ศักยภาพความพร้อมของโมโน มีทั้งด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานมืออาชีพ ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟจาก ลิเวอร์พูลในรูปแบบต่างๆ ส่งตรงถึงผู้ใช้บริการทางมือถืออย่างแน่อน และเชื่อว่าน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเดอะค็อปในไทยเพราะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ด้านกีฬาระดับโลกให้กับเดอะค็อปไทยได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษในบริการต่างๆ ของโมโนด้วย"
สำหรับผลประกอบการของบริษัทจะมาจากการทำคอนเทนต์ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 80% และอีก 20% เป็นธุรกิจผลิตสื่อเช่น ทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตกว่า 18% และมีกำไรกว่า 20% และในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตกว่า 20-30% เนื่องจากมีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลเข้ามา ในอนาคตโมโนยังมองหาและลงทุนในกิจการเกี่ยวกับธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ถือเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและสารบันเทิงผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ สื่ออินเตอร์เน็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐาน โดยมีบริษัทในเครือทั้งหมด 8 บริษัท แบ่งเป็น 2 สายธุรกิจ คือ 1. ธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูล 2. ธุรกิจให้บริการด้านความบันเทิง เช่น เว็บไซต์เอ็มไทย และธุรกิจโมบาย เป็นธุรกิจที่ให้บริการคอนเทนต์ผ่านระบบมือถือในรูปแบบ SMS, MMS, IVR, Mobile Internet (WAP) และ แอพพลิเคชัน อีกทั้งบริษัทมองว่าประเทศไทยหลังจากที่มีคลื่น 3G 2100 แล้วจะมีแนวโน้มการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ด้านนายออลลี่ เดล ผู้อำนวยการฝ่ายขายลิขสิทธิ์ทีมลิเวอร์พูล กล่าวว่า บริษัทมองว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยขยายฐานแฟนบอลของลิเวอร์พูลให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันบริษัทต้องยอมรับว่ากลุ่มแฟนบอลของลิเวอร์พูลมีความชื่นชอบในทีมอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของบริษัทที่เข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ครั้งนี้ อีกทั้งบริษัทมีความยินดีหากธุรกิจในประเทศไทยจะเข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ เพราะบริษัทเองก็มองพาร์ตเนอร์ที่มีศักยภาพทุกกลุ่มธุรกิจของประเทศไทยเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,866 วันที่ 1 - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556
MONO ทุ่มพันล.ชิงทีวีดิจิตอล3ช่อง
"โมโน กรุ๊ป" เตรียมทุ่มงบกว่าพันล้าน ร่วมวงประมูลทีวีดิจิตอล 3 ช่องรวด ทั้งวาไรตี SD ช่องข่าว และช่องเด็ก ล่าสุดคว้าลิขสิทธิ์ผลิตคอนเทนต์ผ่านโมบายสโมสรฟุตบอลดัง "หงส์แดง" เผยพร้อมต่อยอดลงช่องทีวี มั่นใจดันรายได้โต 20-30% ด้านผู้บริหารลิเวอร์พูลเผย พร้อมจับมือกับทุกธุรกิจในไทยที่มีศักยภาพ
นายซัง โด ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตคอนเทนต์ให้กับสื่อต่างๆ อาทิ โทรทัศน์ , โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอลในเมืองไทยที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ โดยบริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลในช่องวาไรตีระบบสแตนดาร์ด (SD) ช่องข่าว และช่องเด็ก ซึ่งการเข้าประมูลครั้งนี้บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าชนะการประมูลตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากการประมูลครั้งนี้กสทช.ต้องการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกฝ่าย และบริษัทเองมีความพร้อมทางด้านคอนเทนต์เต็มที่ และไม่มีความกังวลทั้งในเรื่องเงินลงทุนและโครงข่ายที่ขณะนี้ยังไม่สรุปเรื่องของราคา
ล่าสุดบริษัทได้ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ข้อมูลของลิเวอร์พูล ทั้ง ประวัติ, สโมสร, นักกีฬา, เพลง, รูปภาพและข่าวสารต่างๆ เพื่อนำมาแปลเป็นภาษาไทยและให้บริการข้อมูลของทีมโปรดผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เรียกว่าเอ็กซ์คลูซีฟโมบายคอนเทนต์ เพื่อนำมาทำกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทาง SMS, MMS, IVR ภายใน ประจำประเทศไทยแบบถูกลิขสิทธิ์เพียงเจ้าเดียว อีกทั้งยังสามารถเผยแพร่กิจกรรมข่าวสารต่างๆ ของสโมสรผ่านทางเว็บไซต์ภายใต้ชื่อ http://sport.mthai.com/lfc' ได้อีกด้วย โดยบริษัทคาดว่าหลังจากที่ได้ช่องทีวีดิจิตอลมาแล้ว จะสามารถต่อยอดคอนเทนต์ดังกล่าวสู่ธุรกิจทีวีด้วย
"ศักยภาพความพร้อมของโมโน มีทั้งด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานมืออาชีพ ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟจาก ลิเวอร์พูลในรูปแบบต่างๆ ส่งตรงถึงผู้ใช้บริการทางมือถืออย่างแน่อน และเชื่อว่าน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเดอะค็อปในไทยเพราะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ด้านกีฬาระดับโลกให้กับเดอะค็อปไทยได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษในบริการต่างๆ ของโมโนด้วย"
สำหรับผลประกอบการของบริษัทจะมาจากการทำคอนเทนต์ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 80% และอีก 20% เป็นธุรกิจผลิตสื่อเช่น ทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตกว่า 18% และมีกำไรกว่า 20% และในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตกว่า 20-30% เนื่องจากมีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลเข้ามา ในอนาคตโมโนยังมองหาและลงทุนในกิจการเกี่ยวกับธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ถือเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและสารบันเทิงผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ สื่ออินเตอร์เน็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐาน โดยมีบริษัทในเครือทั้งหมด 8 บริษัท แบ่งเป็น 2 สายธุรกิจ คือ 1. ธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูล 2. ธุรกิจให้บริการด้านความบันเทิง เช่น เว็บไซต์เอ็มไทย และธุรกิจโมบาย เป็นธุรกิจที่ให้บริการคอนเทนต์ผ่านระบบมือถือในรูปแบบ SMS, MMS, IVR, Mobile Internet (WAP) และ แอพพลิเคชัน อีกทั้งบริษัทมองว่าประเทศไทยหลังจากที่มีคลื่น 3G 2100 แล้วจะมีแนวโน้มการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ด้านนายออลลี่ เดล ผู้อำนวยการฝ่ายขายลิขสิทธิ์ทีมลิเวอร์พูล กล่าวว่า บริษัทมองว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยขยายฐานแฟนบอลของลิเวอร์พูลให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันบริษัทต้องยอมรับว่ากลุ่มแฟนบอลของลิเวอร์พูลมีความชื่นชอบในทีมอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของบริษัทที่เข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ครั้งนี้ อีกทั้งบริษัทมีความยินดีหากธุรกิจในประเทศไทยจะเข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ เพราะบริษัทเองก็มองพาร์ตเนอร์ที่มีศักยภาพทุกกลุ่มธุรกิจของประเทศไทยเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,866 วันที่ 1 - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556