ตันก๋ง นายอำเภอเล็กๆใกล้กับเมืองหลวง แต่เป็นหนึ่งในเครือข่ายตระกูลสุมา ซึ่งแทรกซึมเข้ามาในวงการ ขุนนาง ได้รับทราบถึงความสำคัญของโจโฉ ตัวละครการเมืองตัวหนึ่งที่สุมาเต๊กโชให้ความสนใจเป็นพิเศษ ด้วยความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับขุมกำลังเก่าแก่ภาคเหนืออย่างอ้วนเสี้ยว และขุมกำลังเกิดใหม่ภาคใต้อย่างซุนเกี๋ยน อีกทั้งสืบทราบมาว่า โจโฉเอง ก็แอบสะสมกองกำลังส่วนตัวในถิ่นเดิมที่มีเครือญาติมากฝีมืออย่างแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน โจหอง เป็นต้น ทำให้โจโฉเป็นห่วงโซ่สำคัญที่น่าจะนำมาใช้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง หากแต่ภารกิจลับที่ท่านสุมาเต๊กโชสั่งความไว้คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่เลวร้ายให้กับโจโฉต่างหาก ที่สร้างความลำบากใจต่อเขาเป็นยิ่งนัก เพราะโจโฉเป็นนายทหารสำคัญฝ่ายเสนาธิการที่ อาศัยอยู่แต่ ในเมืองหลวงมาโดยตลอด
ดังนั้น เมื่อพิราบข่าวรายงานการลอบสังหารตั๋งโต๊ะโดยโจโฉ ทำให้ตันก๋งกวดขันให้ทหารจับกุมให้จงได้ เพราะเป็นเส้นทางที่โจโฉต้องผ่านมาอย่างแน่นอน หากมันคิดจะกลับไปยังถิ่นเดิม จนเมื่อวันสำคัญนั้นมาถึง ตันก๋งก็พบมันนอนสลบนิ่งอยู่ที่เชิงเขา จึงจับตัวกลับมาเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี และรักษาอาการบาดเจ็บ เป็นการลับจนหายบอบช้ำ ก่อนแสดงความจริงใจด้วยการปล่อยตัวโจโฉ และหลบหนีไปด้วยกัน
...
โจโฉชักชวนตันก๋งให้ไปอาศัยพักค้างคืนที่บ้านของลิแปะเฉีย สหายเก่าของ โจโก๋ บิดาตนเอง ซึ่งลิแปะเฉียก็แสนดี ที่อุตส่าห์ฝ่าลมหนาวยามราตรีออกไปหาซื้อสุรามาเลี้ยงฉลองให้พวกตน ปล่อยให้พวกตนพักผ่อนกับในบ้าน อย่างอิสระ
“มัดก่อนหรือฆ่าก่อน”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องครัว และเป็นประโยคสำคัญที่ทำให้ตันก๋งตัดสินใจลงมือ เขาสบตากับโจโฉ พร้อมส่งสัญญาณให้ชักกระบี่ออกจากฝักทันที คนน้อยกว่าหลายเท่า หากจะลงมือ ก็ต้องรีบกระทำ ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะคาดคิดทัน
...
“มัดก่อนหรือฆ่าก่อน”
เหล่าคนรับใช้ของลิแปะเฉียกำลังงงงันกับเสียงลึกลับที่ดังมาจากเพดานห้องครัว พลางคิดถึงเรื่องประหลาด วันก่อนที่จู่ๆไหสุรานับสิบไหที่เก็บรักษาไว้อย่างดี ล้วนถูกทุบทำลายไปจนหมดสิ้น จนวันนี้ นายท่านลิแปะเฉีย ต้องฝ่าราตรีไปซื้อเหล้า หรือว่า... เป็นผีสางอันใดมารบกวนแล้ว
ทันใดนั้น อาคันตุกะแปลกหน้าทั้งสองของนายท่านก็พังประตูเข้ามา ฆ่าฟันพวกมันทุกคนที่อยู่ในบ้าน จนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของลิแปะเฉียเองที่กำลังพักผ่อนอยู่ด้วยกัน
ขณะที่สถานการณ์วุ่นวายอยู่นั้นเอง กลับปรากฏคนรับใช้ที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่สำแดงฝีมือการต่อสู้โดดเด่น เหนือความคาดหมาย และดูเหมือนจะมีชัยเหนือโจโฉด้วยซ้ำ แต่แล้ว คนรับใช้ผู้นั้นกลับเชื่องช้าไปชั่ววูบ ตันก๋งจึงสะอึกเข้ามาแทงทะลุอกได้จากด้านหลังช่วยชีวิตโจโฉไว้ได้ทัน สองคนกวาดตาสำรวจโดยรอบ อีกครั้งก่อนหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนั้น
รอจนสองอาคันตุกะจากไปแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ที่เดิม จึงโดดลงมาสำรวจศพของ คนรับใช้ปริศนา พบเห็นที่ข้อมือมีรอยสักรูปร่างพิสดารคล้ายต้นไม้โบราณ ภายในอกเสื้อยังมียาพิษซ่อนอยู่ ก็คาดเดาว่าเป็นฝีมือขององค์กรป่วนอดีตแฝงตัวมาลอบฆ่าโจโฉอีกแล้ว ดีที่มันอยู่ด้วยจึงลอบซัดอาวุธลับ สกัดจุดไว้ได้ทันก่อนโจโฉจะจบชีวิตไปอย่างงมงายในบ้านลิแปะเฉียแห่งนี้ จากนั้น มันจึงใช้โลหิตผู้ตาย เขียนบนฝาผนัง “ยอมทรยศคนทั่วหล้า ดีกว่าถูกใครมาหักหลัง - โจโฉ”
“การใส่ร้ายป้ายสีในอดีตกาล ก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆเช่นนี้เอง” เหยี่ยวดำ ลำดับ13 นึกในใจ
เสียงกุกกักดังขึ้นจากห้องนอน เหยี่ยวดำรีบพุ่งเข้าไปสำรวจ กลับพบเด็กน้อยวัยสิบเอ็ดสิบสองปีแอบซ่อนอยู่ใต้เตียง ด้วยความหวาดกลัว ข้างกายมีรูปวาดขีดเขียนอยู่สองสามแผ่น เด็กน้อยคงแอบวาดรูปเล่นอยู่ใต้เตียงก่อนแล้ว จึงหลบรอดการสังหารหมู่มาได้ ในใจนึกเวทนาและถูกชะตา ดูจากการแต่งกาย คงเป็นทายาทของลิแปะเฉียกระมัง มันจึงรีบพาตัวเด็กน้อย หลบหนีไปจากเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวนี้ เพราะอีกไม่นาน เด็กน้อยก็จะเป็นกำพร้าแล้ว คนเคยอ่านสามก๊ก มาก่อน ย่อมจดจำเรื่องนี้ได้ดียิ่งนัก
ในหนังสือเขียนไว้ว่า "โจโฉ ผู้ทรยศคนได้ทั้งแผ่นดิน สังหารแม้แต่ผู้มีพระคุณ และสหายเก่าของบิดา"
...
โจโฉเองยังงงงันกับการกระทำของตันก๋งอยู่ไม่หาย ในใจก็หวังว่า มันเองคงคบคนไม่ผิด เพราะตันก๋งก็ อุตส่าห์สละตำแหน่งนายอำเภอมาหลบหนีพร้อมกับตนเอง แต่เมื่อครู่นี้ มันก็เห็นสุกรถูกมัดไว้ในห้องครัวแท้ๆ หรือว่า ตันก๋งคิดผิดไปเอง
ขณะที่โจโฉกำลังขบคิดอยู่นั้น สายตาก็แลเห็นลิแปะเฉียขี่ม้าสวนเข้ามาข้างหน้า พร้อมชูอวดไหสุราใบย่อม แต่โจโฉไม่ทันเอ่ยคำทักทายใดๆ ตันก๋งก็ชิงเบียดม้าขึ้นไปแทงใส่ลิแปะเฉียสิ้นชีพไปในทันที
“ท่านเป็นอะไรไปหรือนี่ เมื่อครู่ก็ฆ่าคนทั้งบ้าน แล้วยังมาฆ่าสหายของบิดาข้าอีก” โจโฉสุดทนแล้ว
“ไม่โหดเหี้ยม ไม่อาจเป็นใหญ่ได้ ขืนปล่อยไปสิ มันไปพบเห็นเหตุการณ์ที่บ้าน ก็คงแจ้งทางการให้มาช่วย ท่านนั่นแหละจะฝ่ายที่โดนไล่ล่าไปจนถึงบ้านเดิม” ตันก๋งมองหน้าโจโฉอย่างเฉยชา พลันกล่าวต่อ “เอาเถอะ บัญชีเลือดนี้ ให้ตกอยู่กับข้าเอง ท่านก็ไปตามทางของท่านเถิด เราจะไปตามทางของเราเอง” ว่าแล้ว ตันก๋งก็ย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม ปล่อยให้โจโฉเศร้าเสียใจที่นำภัยร้ายมาสู่สหายของบิดาตนเอง
“ไม่โหดเหี้ยม ไม่อาจเป็นใหญ่ได้” โจโฉท่องประโยคนี้ไปตลอดการเดินทางกลับสู่ถิ่นเดิมของมัน
...
ตันก๋งกลับมาถึงบ้านของลิแปะเฉียอีกครั้ง เพราะยังติดใจสงสัยความเก่งกาจของคนรับใช้ผู้นั้น จึง ตรวจพบรอยสักประหลาดที่ข้อมือเช่นกัน และประหลาดใจไปกับข้อความเลือดบนฝาผนังที่ใส่ไคล้ต่อโจโฉ อย่างเจ็บปวดที่สุด พลันตระหนักถึงการปรากฏตัวของบุคคล หรือหน่วยงานลึกลับอีกฝ่ายหนึ่ง เพียงแต่ครั้งนี้ อาจจะมีแนวคิดที่สอดคล้องกันกับฝ่ายของตน แต่ว่า ในครั้งต่อๆไปเล่า?
“เรื่องนี้ คงต้องนำไปปรึกษากับท่านสุมาแล้ว” ตันก๋งคิด
จินตนิยายสามก๊ก 2013 (ฉบับปรับปรุงใหม่)
ดังนั้น เมื่อพิราบข่าวรายงานการลอบสังหารตั๋งโต๊ะโดยโจโฉ ทำให้ตันก๋งกวดขันให้ทหารจับกุมให้จงได้ เพราะเป็นเส้นทางที่โจโฉต้องผ่านมาอย่างแน่นอน หากมันคิดจะกลับไปยังถิ่นเดิม จนเมื่อวันสำคัญนั้นมาถึง ตันก๋งก็พบมันนอนสลบนิ่งอยู่ที่เชิงเขา จึงจับตัวกลับมาเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี และรักษาอาการบาดเจ็บ เป็นการลับจนหายบอบช้ำ ก่อนแสดงความจริงใจด้วยการปล่อยตัวโจโฉ และหลบหนีไปด้วยกัน
...
โจโฉชักชวนตันก๋งให้ไปอาศัยพักค้างคืนที่บ้านของลิแปะเฉีย สหายเก่าของ โจโก๋ บิดาตนเอง ซึ่งลิแปะเฉียก็แสนดี ที่อุตส่าห์ฝ่าลมหนาวยามราตรีออกไปหาซื้อสุรามาเลี้ยงฉลองให้พวกตน ปล่อยให้พวกตนพักผ่อนกับในบ้าน อย่างอิสระ
“มัดก่อนหรือฆ่าก่อน”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องครัว และเป็นประโยคสำคัญที่ทำให้ตันก๋งตัดสินใจลงมือ เขาสบตากับโจโฉ พร้อมส่งสัญญาณให้ชักกระบี่ออกจากฝักทันที คนน้อยกว่าหลายเท่า หากจะลงมือ ก็ต้องรีบกระทำ ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะคาดคิดทัน
...
“มัดก่อนหรือฆ่าก่อน”
เหล่าคนรับใช้ของลิแปะเฉียกำลังงงงันกับเสียงลึกลับที่ดังมาจากเพดานห้องครัว พลางคิดถึงเรื่องประหลาด วันก่อนที่จู่ๆไหสุรานับสิบไหที่เก็บรักษาไว้อย่างดี ล้วนถูกทุบทำลายไปจนหมดสิ้น จนวันนี้ นายท่านลิแปะเฉีย ต้องฝ่าราตรีไปซื้อเหล้า หรือว่า... เป็นผีสางอันใดมารบกวนแล้ว
ทันใดนั้น อาคันตุกะแปลกหน้าทั้งสองของนายท่านก็พังประตูเข้ามา ฆ่าฟันพวกมันทุกคนที่อยู่ในบ้าน จนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของลิแปะเฉียเองที่กำลังพักผ่อนอยู่ด้วยกัน
ขณะที่สถานการณ์วุ่นวายอยู่นั้นเอง กลับปรากฏคนรับใช้ที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่สำแดงฝีมือการต่อสู้โดดเด่น เหนือความคาดหมาย และดูเหมือนจะมีชัยเหนือโจโฉด้วยซ้ำ แต่แล้ว คนรับใช้ผู้นั้นกลับเชื่องช้าไปชั่ววูบ ตันก๋งจึงสะอึกเข้ามาแทงทะลุอกได้จากด้านหลังช่วยชีวิตโจโฉไว้ได้ทัน สองคนกวาดตาสำรวจโดยรอบ อีกครั้งก่อนหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนั้น
รอจนสองอาคันตุกะจากไปแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ที่เดิม จึงโดดลงมาสำรวจศพของ คนรับใช้ปริศนา พบเห็นที่ข้อมือมีรอยสักรูปร่างพิสดารคล้ายต้นไม้โบราณ ภายในอกเสื้อยังมียาพิษซ่อนอยู่ ก็คาดเดาว่าเป็นฝีมือขององค์กรป่วนอดีตแฝงตัวมาลอบฆ่าโจโฉอีกแล้ว ดีที่มันอยู่ด้วยจึงลอบซัดอาวุธลับ สกัดจุดไว้ได้ทันก่อนโจโฉจะจบชีวิตไปอย่างงมงายในบ้านลิแปะเฉียแห่งนี้ จากนั้น มันจึงใช้โลหิตผู้ตาย เขียนบนฝาผนัง “ยอมทรยศคนทั่วหล้า ดีกว่าถูกใครมาหักหลัง - โจโฉ”
“การใส่ร้ายป้ายสีในอดีตกาล ก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆเช่นนี้เอง” เหยี่ยวดำ ลำดับ13 นึกในใจ
เสียงกุกกักดังขึ้นจากห้องนอน เหยี่ยวดำรีบพุ่งเข้าไปสำรวจ กลับพบเด็กน้อยวัยสิบเอ็ดสิบสองปีแอบซ่อนอยู่ใต้เตียง ด้วยความหวาดกลัว ข้างกายมีรูปวาดขีดเขียนอยู่สองสามแผ่น เด็กน้อยคงแอบวาดรูปเล่นอยู่ใต้เตียงก่อนแล้ว จึงหลบรอดการสังหารหมู่มาได้ ในใจนึกเวทนาและถูกชะตา ดูจากการแต่งกาย คงเป็นทายาทของลิแปะเฉียกระมัง มันจึงรีบพาตัวเด็กน้อย หลบหนีไปจากเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวนี้ เพราะอีกไม่นาน เด็กน้อยก็จะเป็นกำพร้าแล้ว คนเคยอ่านสามก๊ก มาก่อน ย่อมจดจำเรื่องนี้ได้ดียิ่งนัก
ในหนังสือเขียนไว้ว่า "โจโฉ ผู้ทรยศคนได้ทั้งแผ่นดิน สังหารแม้แต่ผู้มีพระคุณ และสหายเก่าของบิดา"
...
โจโฉเองยังงงงันกับการกระทำของตันก๋งอยู่ไม่หาย ในใจก็หวังว่า มันเองคงคบคนไม่ผิด เพราะตันก๋งก็ อุตส่าห์สละตำแหน่งนายอำเภอมาหลบหนีพร้อมกับตนเอง แต่เมื่อครู่นี้ มันก็เห็นสุกรถูกมัดไว้ในห้องครัวแท้ๆ หรือว่า ตันก๋งคิดผิดไปเอง
ขณะที่โจโฉกำลังขบคิดอยู่นั้น สายตาก็แลเห็นลิแปะเฉียขี่ม้าสวนเข้ามาข้างหน้า พร้อมชูอวดไหสุราใบย่อม แต่โจโฉไม่ทันเอ่ยคำทักทายใดๆ ตันก๋งก็ชิงเบียดม้าขึ้นไปแทงใส่ลิแปะเฉียสิ้นชีพไปในทันที
“ท่านเป็นอะไรไปหรือนี่ เมื่อครู่ก็ฆ่าคนทั้งบ้าน แล้วยังมาฆ่าสหายของบิดาข้าอีก” โจโฉสุดทนแล้ว
“ไม่โหดเหี้ยม ไม่อาจเป็นใหญ่ได้ ขืนปล่อยไปสิ มันไปพบเห็นเหตุการณ์ที่บ้าน ก็คงแจ้งทางการให้มาช่วย ท่านนั่นแหละจะฝ่ายที่โดนไล่ล่าไปจนถึงบ้านเดิม” ตันก๋งมองหน้าโจโฉอย่างเฉยชา พลันกล่าวต่อ “เอาเถอะ บัญชีเลือดนี้ ให้ตกอยู่กับข้าเอง ท่านก็ไปตามทางของท่านเถิด เราจะไปตามทางของเราเอง” ว่าแล้ว ตันก๋งก็ย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม ปล่อยให้โจโฉเศร้าเสียใจที่นำภัยร้ายมาสู่สหายของบิดาตนเอง
“ไม่โหดเหี้ยม ไม่อาจเป็นใหญ่ได้” โจโฉท่องประโยคนี้ไปตลอดการเดินทางกลับสู่ถิ่นเดิมของมัน
...
ตันก๋งกลับมาถึงบ้านของลิแปะเฉียอีกครั้ง เพราะยังติดใจสงสัยความเก่งกาจของคนรับใช้ผู้นั้น จึง ตรวจพบรอยสักประหลาดที่ข้อมือเช่นกัน และประหลาดใจไปกับข้อความเลือดบนฝาผนังที่ใส่ไคล้ต่อโจโฉ อย่างเจ็บปวดที่สุด พลันตระหนักถึงการปรากฏตัวของบุคคล หรือหน่วยงานลึกลับอีกฝ่ายหนึ่ง เพียงแต่ครั้งนี้ อาจจะมีแนวคิดที่สอดคล้องกันกับฝ่ายของตน แต่ว่า ในครั้งต่อๆไปเล่า?
“เรื่องนี้ คงต้องนำไปปรึกษากับท่านสุมาแล้ว” ตันก๋งคิด