จะยึดถือหรือไม่ยึดถือ ในขันธ์ ๕ นี้มันก็ไม่มีเราอยู่แล้ว

สิ่งที่รู้สึกว่าเป็นเรานี้ มันเป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาชั่วคราวจากขันธ์ ๕ เท่านั้น

เมื่อขันธ์ ๕ เกิดขึ้นมาแล้วทำงาน มันก็จะเกิดความรู้สึกว่ามีเรา

แต่จะหาว่าขันธ์ใดขันธ์หนึ่งเป็นเรานั้นไม่มี ตามหลักอนัตตา (ที่หมายถึง มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นอัตตา)

สิ่งที่เรียกว่า จิต ก็เป็นเพียงนามขันธ์ทั้ง ๔ (คือวิญญาณ เวทนา สัญญา สังขาร) ที่มาทำงานร่วมกันจึงเกิดเป็นจิตขึ้นมาให้รู้สึกนึกคิดและรู้สึกว่ามีเราขึ้นมาได้ เมื่อขันธ์ใดขันธ์หนึ่งไม่ทำงาน ความรู้สึกว่ามีเราก็จะไม่เกิดขึ้น เช่นถ้าไม่มีสัญญา(อาการที่จำสิ่งที่รับรู้ได้) ก็จะไม่มีความจำว่ามีเรา และไม่มีการคิดหรือปรุงแต่งทางจิตได้ เป็นต้น

การที่จิตจะยึดถือว่ามีเราหรือไม่ยึดถือว่ามีเรา ในขันธ์ ๕ นี้มันก็ไม่มีเราอยู่แล้ว จะต่างกันก็ตรงที่จิตที่ยึดถือจะเกิดความทรมาน(ทุกข์) ส่วนจิตที่ไม่ยึดถือจะสงบเย็น(นิพพาน)

อย่าเอาอะไรมาเพิ่มเข้ามาเป็นขันธ์ที่ ๖ เช่น วิญญาณธาตุ กายทิพย์ กายธรรม เป็นต้น มันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะความจริงมันมีแค่ขันธ์ ๕ เท่านั้น

เรื่องวิญญาณธาตุ กายทิพย์ กายธรรมเป็นต้น ที่เป็นตัวตนที่แท้จริง(อัตตา)ที่สามารถออกจากร่างเมื่อร่างกายตายไปแล้วได้ (หรือมีเกิดขึ้นมาใหม่ได้เหมือนเก่า) นั้น ไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า แต่เป็นของฮินดู(หรือพราหมณ์)ที่ปลอมปนเข้ามาอยู่ในคำสอนของพุทธศาสนามาช้านานแล้วโดยชาวพุทธไม่รู้ตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่