รมว.พลังงาน แนะใช้วิธีเจรจาดีกว่าฟ้องคดีน้ำมันรั่ว ยืนยัน PTTGC รับผิดชอบทุกอย่าง
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล(PTTGC) ที่ทำให้เกิดน้ำมันดิบถึง 50,000 ลิตร รั่วลงสู่ทะเลอ่าวไทยว่า ควรจะใช้วิธีการเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการฟ้องร้อง เพราะต้องใช้เวลานานมากกว่า 3 ปีกว่าคดีจะสิ้นสุด ขณะเดียวกัน PTTGC ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังมีแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไว้ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก เร่งกู้สภาพแวดล้อมให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 วัน โดยเป็นความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมี ประชาชนในท้องถิ่นและทหารเรือ ส่วนขั้นตอนที่ 2 เป็นการวางแผนแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งจะตั้งหน่วยงานเฝ้าระวังดูแลพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งอาจมีสิ่งตกค้างมีตามโขดหิน ปะการัง โดยให้เฝ้าระวังทั้งปี และขั้นตอนที่ 3 ให้ดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้น และพิจารณาค่าเสียหายจากการรั่วไหลของน้ำมันดิบ
ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กรณีที่เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลดังกล่าวนั้น ถือเป็นอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องติดตามแก้ไขอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยหน่วยงานที่ต้องเข้ามาร่วมดูแล ประกอบด้วย กรมธุรกิจพลังงาน, กรมเจ้าท่า, กรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น
โดยขณะนี้ต้องเร่งกู้สภาพชายหาดที่มีคราบน้ำมันดิบออกให้หมดก่อน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่จากที่ได้มีการติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้สามารถดักจับคราบน้ำมันไปได้แล้ว 80% จากวิธีการใช้ทุ่นกั้นไม่ให้คราบน้ำมันกระจายตัว และฉีดสารเคมีเพื่อให้น้ำมันแตกตัวเป็นก้อนแข็งเพื่อให้ง่ายต่อการดักจับ แต่ยอมรับว่ายังมีส่วนที่คราบน้ำมันสามารถเล็ดลอดออกไปได้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบมากจะอยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งแถบเกาะเสม็ด
http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-32/17457-l27.html
O_o! รมว.พลังงาน แนะ อย่าฟ้อง PTTGC
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล(PTTGC) ที่ทำให้เกิดน้ำมันดิบถึง 50,000 ลิตร รั่วลงสู่ทะเลอ่าวไทยว่า ควรจะใช้วิธีการเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการฟ้องร้อง เพราะต้องใช้เวลานานมากกว่า 3 ปีกว่าคดีจะสิ้นสุด ขณะเดียวกัน PTTGC ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังมีแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไว้ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก เร่งกู้สภาพแวดล้อมให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 วัน โดยเป็นความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมี ประชาชนในท้องถิ่นและทหารเรือ ส่วนขั้นตอนที่ 2 เป็นการวางแผนแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งจะตั้งหน่วยงานเฝ้าระวังดูแลพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งอาจมีสิ่งตกค้างมีตามโขดหิน ปะการัง โดยให้เฝ้าระวังทั้งปี และขั้นตอนที่ 3 ให้ดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้น และพิจารณาค่าเสียหายจากการรั่วไหลของน้ำมันดิบ
ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กรณีที่เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลดังกล่าวนั้น ถือเป็นอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องติดตามแก้ไขอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยหน่วยงานที่ต้องเข้ามาร่วมดูแล ประกอบด้วย กรมธุรกิจพลังงาน, กรมเจ้าท่า, กรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น
โดยขณะนี้ต้องเร่งกู้สภาพชายหาดที่มีคราบน้ำมันดิบออกให้หมดก่อน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่จากที่ได้มีการติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้สามารถดักจับคราบน้ำมันไปได้แล้ว 80% จากวิธีการใช้ทุ่นกั้นไม่ให้คราบน้ำมันกระจายตัว และฉีดสารเคมีเพื่อให้น้ำมันแตกตัวเป็นก้อนแข็งเพื่อให้ง่ายต่อการดักจับ แต่ยอมรับว่ายังมีส่วนที่คราบน้ำมันสามารถเล็ดลอดออกไปได้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบมากจะอยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งแถบเกาะเสม็ด
http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-32/17457-l27.html