เขาศึกษาเรื่องไดโนเสาร์กันไปทำไมครับ

ผมจะหมายถึงฝรั่งนะ ไม่เอาในไทยละกัน

ฝรั่งเขาให้ความสำคัญหมด และความรู้สามารถเชื่อมโยงกันได้  อยากรู้ไปทุกเรื่อง และหลายๆเรื่องก็สามารถเอามาสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆได้ด้วยซ้ำ

เช่น ลักษณะปีกของไดโนเสาร์ตัวโตบางชนิด ทำไมเป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วจึงมีความสามารถนั้นสามารถนี้ แ้ล้วจุดประกายปิ้งแว๊บขึ้นมา เนื่องจากข้อมูลวิจัยสามารถเข้าถึงร่วมกันได้  เลยเอามาประยุกต์ในปีกเครื่องบิน เครื่องร่อน ต่างๆ ในบางจุดบางชนิด ขายได้ทั่วโลก

ระยะเวลา ช่วงเวลา การทับถบ จำนวน  นำไปสู่การสร้าง การค้นพบ กระประยุกต์ ในเรื่องน้ำมันหรือเชื้อเพลิงได้

ถ้าไม่มีการศึกษามาเรื่อยๆ ก็ไม่ไม่รู้ว่าไดโนเสาร์พัฒนามาเป็นนก ในปัจจุบัน เพราะก่อนหน้านี้เข้าใจไปว่ามันสูญพันธ์ไปหมดแล้ว ความเข้าใจเรื่องนี้ให้ความรู้ใหม่และแนวคิดที่เชื่อมโยงไปในอีกหลายๆเรื่อง เช่นทางชีวิวิทยา การเกิดขึ้นของขน ของปีก เหตุปัจจัยของสิ่งเหล่านั้นสามารถนำไปประยุกต์ในเรื่องต่างๆได้อีกหลายเรื่อง

ลักษณะของกรงเล็บบางสายพันธุ์  นำไปเลียนแบบแล้วสร้างตัวยึดต่างๆ เช่นเครื่องช่วยสำหรับการปีนป่าย การปีนภูเขา


หลายๆคนคงงงว่า ไอ้ฝรั่งนี่มันเอาความรู้ความลับธรรมชาติ เยอะแยะมาจากไหน มาสร้างไอ้นั่นมาสร้างไอ้นี่
อยากบอกว่าเพราะเขาอยากรู้มันไปทุกเรื่องนี่เอง

โครงสร้าง สารเคมี ต่างๆของสัตว์ไร้ค่า เช่น หนอน ปลิง ทาก กึ้งกือ  ขี้สัตว์ ต้นหญ้าไร้ค่า ความรู้จากพวกนี้เอามาสร้างยา แล้วขายชาวโลกได้ปีๆละมหาศาล   ยาเคมีทั้งหลายก็เอาความรู้มาจากพวกสารอินทรีย์ทั้งหลายนี่เอง

เช่นถ้าของไทย เจอต้นหญ้าข้างทางรักษาโรคได้ก็เอามาต้มกิน    ฝรั่งเมื่อเจอต้นหญ้านั้น ถอนมันไป วิจัยหาสาร แล้วสกัดทำยามาขายหรือไม่ก็สร้างสารเคมีเลียนแบบจากโครงสร้างทางเคมีของสารต้นฉบับต้นหญ้านั้น แล้วเอามาขายทั่วโลก ได้เป็นแสนๆล้านเพราะความรู้จากหญ้าหรือก้อนขี้ข้างถนน

ทุกๆอย่างคือความรู้คือประโยชน์ทั้งนั้น อย่าดูถูก  คนที่ใช้เป็นจะสร้างมูลค่าจากมันได้   ความรู้ทั้งหลายมาจากการเลียนแบบธรรมชาติมากกว่าการนั่งคิดเองทางตรรกะตั้งแต่ต้น