ปัญหาชีวิตทั้งหมดของตัวผมเอง ผลจากการไม่ตั้งเป้าหมายคิดผิดเลือกเรียนตามเพื่อน ตามกระแส ไม่ถามใจตัวเอง

เรียนตามเพื่อน จนไม่มีจุดหมายเป็นของตัวเอง  จบมาก็เหมือนไม่ได้อะไร  ความรู้ไม่ต่างกับ ม.6

เรียนตามเพื่อน จนไม่มีจุดหมายเป็นของตัวเอง   สมัยเรียนยามอยู่กับเพื่อนก็สนุกเที่ยวเล่นชิวไปวันๆ สนุกเฮฮา ปัญญาอ่อนบ้างบางเวลาจนเพื่อนก็รำคาญเรา  ยามเรียนก็เรียน  ยามสอบก็สอบ  เรียนจบผ่าน เกรดพอดี ไม่แย่ และไม่ดีมาก   เวลาว่างไม่มีหาความรู้เพิ่มเติม(ทั้งๆที่เรียนสายนี้ต้องอัพเดทความรู้ตลอด)  แต่เพราะไม่ชอบตั้งแต่แรก โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ขยันเป็นทุนเดิม  ลงเรียนตามเพื่อน  ทำอะไรก็ตามเพื่อน  จบมาก็ไม่ต่างอะไรกับ เด็ก ม.6 ที่มานั้งค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร อยากเรียนอะไร  อยากทำอะไร  สมเพชตัวเอง  ในวัย 26-27  มานั่งคิดย้อนกลับไปเศร้าทุกที  อดีตก็ยอมรับว่าแก้ไม่ได้  แต่มันก็วนมาให้คิด  ตอนนี้คิดไม่ออกว่าอยากทำอะไรใหม่ๆดีๆที่มาเติมเต็มส่วนที่พลาดในอดีตก็ยอมรับ   เรียนจบมาพ่อแม่หวังจะเพิ่งพาอาศัย  ยอมรับตัวเองว่าเป็นลูกที่ไม่ดี    เราเรียนๆเล่นๆ ไม่จริงจัง ไม่มีแผนชีวิต  ในชีวิตไม่เคยเครียดแบบนี้  ไม่เคยมีเรื่องเครียดแบบมากมมายแบบนี้   ตอนนี้เข้าใจเพราะเจอด้วยตัวเอง  เครียดด้วยตัวเอง  เข้าใจ


เมื่อก่อนเคยไม่ชอบพ่อ  เพราะพ่อไม่ค่อยมีเหตุผล ชอบใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา และบางทีก็ชอบกินเหล้าเมาแล้วมาทะเลาะกับแม่  บางทีมีเงินให้คนอื่นยืม ไม่ได้คืนอีก  แต่ไม่เคยจุนเจื่อครอบครัวเท่าไหร่  

ตอนนี้เข้าใจพ่อที่ติดเหล้าเำพราะเขาก็คงมีความเครียดมากเขาจึงกินหาทางออกด้วยเหล้า  เพราะเขาไม่สบายใจคงเป็นเรื่องในอดีตทั้งตัวเขาเองและเรื่องของพี่ผมและน้องผมรวมทั้งตัวผมเอง   ที่ทำตัวไม่ดีมาตลอด ผมมีพี่มีน้องทุกคนทำตัวมีปัญหาหมด เป็นเด็กมีปัญหา อาจจะเพราะขาดความอบอุ่น เพราะช่วงเด็กพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อย  แยกกันอยู่บ้าง  อยู่กับพ่อไม่มีบ้านย้ายบ้านบ่อยเพราะไม่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่สภาพแวดล้อมไม่ดี

เมื่อก่อนเคยไม่ชอบแม่ เพราะแม่ไม่ค่อยมีเหตุผล ชอบใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา และบางทีก็ชอบกินเหล้าเมาแล้วมาทะเลาะกับพ่อ

ตอนนี้เข้าใจแม่ ที่เขากินเพราะเขาเครียดไม่มีที่ปรึกษา ในความลำบากที่แม่ต้องหาเงินตัวคนเดียว เพื่อเลี้ยงตัวเอง แบ่งมาซื้อทำกับข้าวให้กินบ้าง เพราะพ่อมีเงินไม่เคยให้แม่ใช้ แถมพอตอนไม่มีก็มาขอแม่   และมาเข้าใจมากขึ้นก็ตอนไปทำงานช่วยแม่ครั้งแรก(เพราะไม่เคยช่วยงานที่แม่ทำเลย)ว่างานที่แม่ทำมันต่ำต้อยและเหนื่อยเอามากๆ  ตอนพักกินข้าวแอบมองเห็นรอยตีนกาแม่ ความแก่ของแม่  มันยิ่งหดหู่ในใจว่าเราทำไมอายุจนป่านนี้แต่เป็นที่พึ่งให้แม่ไม่ได้เลย แถมเราพึ่งตัวเองไม่ได้อีก  


เคยไม่ชอบพี่น้องตัวเองในบางนิสัยของพวกเขา

ที่น้องชอบกินเหล้าใช้เงินเปลือง ขี้เกียจไม่ช่วยงานบ้าน วันๆเล่นแต่เกมส์  

และพี่ที่บางที่ก็ชอบบ่นจุกจิกเหมือนจะขยัน ทั้งๆที่ตัวเองก็ขี้เกียจ

ตอนนี้ก็เข้าใจพี่น้อง ว่าเขาก็มีปัญหาเดียวกับเรา  เพียงแต่พวกเขายังไม่รู้จักคิดจริงๆจังๆ  หรือ  คิดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อันนี้ไม่รู้  

ทั้งหมด...... เข้าใจเพราะเกิดจากความเครียด  ความผิดพลาด   ตอนนี้ผมไม่โทษครอบครัวแล้ว  เพราะผมก็เข้าใจพวกเขา

  ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ไม่มีใครมาสอนผม อยู่ดีๆผมก็เพิ่งมาเข้าใจมัน  บางทีมันน่าเจ็บใจว่าทำไมเราไม่เกิดความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่ออายุสัก21-22 ก็ยังดี พอได้ตั้งตัว ตั้งหลักใหม่ สำรวจตัวเองใหม่ ไปเรียนในสิ่งที่ชอบที่เราเห็นว่าสำคัญ และให้เหมาะกับตัวเอง  แต่ตอนนี้ก็อยากเริ่มอะไรใหม่ๆเอาเท่าที่ทำได้ก่อน  เพราะจะอยู่แบบลอย ทำอะไรไม่มีจุดหมาย ไม่ตั้งเป้าหมายแบบนี้   ในอนาคตอันใกล้นอกจากจะพึ่งตัวเองไม่ได้แล้ว  ยังไม่เป็นที่พึ่งของครอบครัวไม่ได้เลย  

ปัญหาผมตอนนี้ คือ
1. ผมเป็นโรคซึม  ย้ำคิดย้ำทำ  และไม่กล้า  ชอบกลัวสังคม  อาจจะมีอีกแต่ยังไม่รู้ตัว  อาการเหล่านี้อยากหาหมอ  ผมไม่กล้าไปหาหมอในรพ.จังหวัด ยังไงก็ไม่กล้าเพราะกลัวคนรู้จักจะมาเห็น  อยากจะแก้ปัญหาวิธีนี้ ผมจึงตัดสินใจว่าช่วงจะไปทำธุระคนเดียว1-2วันที่กรุงเทพเดือนหน้า จะพยายามกล้าๆ หาโอกาศไปพบจิตแพทย์  แต่ก็ไม่รู้ไป รพ. ไหนดี  ที่กรุงเทพไม่มีญาติเพื่อน

2. ผมชอบเอาเรื่องเล็กๆอย่างที่ทุกคนเคยเห็นผมตั้งกระทู้ไร้สาระ เรื่อง การลงทะเบียนเรียนใบทรานสคริบ  ทั้งๆที่มันจบลงนานแล้ว แต่ก็เก็บมาคิดวกวน  ตอนนี้ผมก็เป็นยังไม่หาย

3. อยากเติมส่วนที่ขาดโดยการไปเรียนใหม่ในสิ่งที่สนใจจริงคือ อยากเรียนครู5ปีในปีหน้า เกี่ยวกับ เอกภาษาอังกฤษ  สาเหตุที่เลือกภาษา ยอมรับว่าไม่เก่ง แต่ชอบ รู้ว่ามันมีประโยชน์ ชอบฟังสำเนียงคนพูดที่เราชอบ โหลดคลิบพวกยูทูปคนที่พูดภาษาเก่งๆ ฟังซ้ำๆไปมาตลอดบ่อยมาก     ทักษะอื่นก็  อ่านบ้างนิดหน่อย   เขียนไม่ค่อยมีโอกาศเลย   พูดอ่านออกเสียงน้อยมาก  เพราะไม่กล้าออกเสียงดัง เลยพูดออกแต่ลมตามคลิปที่ชอบฟัง   แกรมม่าและคำศัพท์ยอมรับว่าไม่แน่น     และเป็นไปได้อยากไปเรียนครู5ปีเลยเพราะได้ใบประกอบวิชาชีพครู   แต่จะไปเป็นครูด้วยอาการที่แก้ไม่ได้ในข้อ1 และ2  อันนี้รู้ตัวเองว่าไม่ดีต่อคนอื่นแน่นอน      

4.จาก ข้อ3 คิดไม่ออก  จะเรียน ม.ราชภัฏใกล้บ้านที่บ้านนอก  หรือ  ราม กทม. ดี  

ครูราม

ข้อดี  เรียนสบายใจกว่า มีวัยเดียวกัน หรือ แก่กว่ามาเรียนใหม่ก็ไม่น้อย  หางานพาททามง่ายกว่า
ข้อจำกัด เพราะคำนวนค่าใช้จ่ายค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเรียน  รามถูกกว่าไม่มากเท่าไหร่แต่ไกลบ้าน  ความเป็นอยู่กรุงเทพวุ่นวายกว่า

ครูราชภัฏ

ข้อดี ใกล้บ้าน ใจอยากเรียนที่นี่มากกว่า  ค่าใช้จ่ายกินอยู่ประหยัดกว่าการใช้ชีวิตกินอยู่ที่กรุงเทพ
ข้อจำกัด  เรียนกับเด็ก19 ทำใจยากมาก  เพราะเรา26 มันแก่ไป  ค่าเทิอมประมาณ8000 แพงกว่าราม   หางานพาททามยากกว่า  จะเรียนอย่างเดียวเลยก็ยาก เพราะผมจะแอบเรียน ไม่ให้พ่อแม่รู้  

จาก ข้อ3 และ 4 มีโอกาศน้อยที่จะทำ มันดูขัดแย้งยังไงไม่รู้  แค่คิดก็เหมือนชีวิตจะถอยหลังหรือป่าวก็ถามใจตัวเองอยู่ทุกวัน  เพราะเรื่องอายุมาก และค่าใช้จ่ายลำบากและเวลาที่จะเสียไปอีกตั้ง5ปี     และ การเป็นโรคซึม  ย้ำคิดย้ำทำ  และไม่กล้า  ชอบกลัวสังคม ถ้าอาการที่ว่าผมแก้ไม่ได้เลย  ผมจะไม่เรียนครูเด็ดขาดครับ  

แต่ยอมรับว่าเป้าหมายเรา ที่คิดได้ อยากทำที่สุดคือ อาชีพครูนี่แหละ  คิดอยากเป็นครูนานแล้วไม่ได้เพิ่งยากเป็นตอนนี้ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมความคิดเราตอนนั้นเหมือนคล้อยตามเพื่อนที่เรียนด้วยกัน คิดว่าจบมาก่อน ถ้าอยากเป็นครูค่อยเรียน ป.บัณฑิตเอาทีหลัง ( แต่จบมาพอดีเขายกเลิกหลักสูตรนี้พอดีเรียนไม่ทัน T T ) จากนั้นไม่คิด ลอยๆ ไร้จุดหมายมานาน  

ผมก็ตัดสินใจได้เพียงแค่ในไม่เกินปีนี้เท่านั้นครับ ถ้าเกินปีนี้ก็ตัดใจไม่เรียนครูแล้ว ไปหาทางทำอย่างอื่นแล้ว เพราะเกินนี้ก็คงไม่มานั้่งตัดสินใจอะไรเดิมๆอีก หรือคิดซ้ำๆซากๆอีกแล้ว อายุก็มาก  ก็กลัวตัวเองจะเป็นบ้ามากกว่านี้  

ผมจะพยายามหาทางอื่นเผื่อไว้ด้วย   ตอนนี้สมเพชตัวเอง เหมือนเด็ก ม.6 อย่างที่หลายคนพูดใส่   ช่วงนี้ก็ฟังธรรมมะทางออนไลน์ไปก็พอช่วยได้

ข้อความอาจจะยาวไปหน่อย  ก็อย่าว่ากันเลย   มาระบายหาทางออก หาข้อคิด เพราะมีปัญหากับตัวเองจริงๆ  สับสนในชีวิตเอง  อย่ารำคาญผมเลย  ทั้งหมดที่แล้วมาในการตั้งกระทู้ไร้สาระหลายกระทู้ก็เพราะสับสน งงกับชีวิตตัวเอง ยึดติดมากไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่