การประกาศคืนชีพของม็อบแช่แข็งประเทศไทยครั้งใหม่
หลังจากปฏิบัติการแช่แข็งครั้งแรกวงแตก ต้องเก็บฉากกลางคัน
ครั้งนี้ขบวนการแช่แข็งประเทศไทย ฟอร์มทีมกลับมาอีกครั้งประกาศนัดชุมนุมใหญ่วันที่
4 สิงหาคมนี้ เพื่อขับไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สุดลิ่มทิ่มประตู
โดยมั่นใจว่าจะมีเครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณจากทั่วประเทศ
ร่วมการชุมนุมแช่แข็งไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นคน
มากกว่าม็อบแช่แข็งครั้งแรกอีกเท่าตัว
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล
เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย
การฟื้นคืนชีพของขบวนการแช่แข็งประเทศไทย
เพื่อขับไล่รัฐบาลก็เป็นเรื่องปกติทางการเมือง
แต่โอกาสประสบความสำเร็จขึ้นกับเงื่อนไขหลายประการ
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการคืนชีพของม็อบแช่แข็งเวอร์ชั่นใหม่
ยังมีอุปสรรค 7 ประการ
1,แนวความคิดแช่แข็งประเทศไทย เป็นเรื่องล้าหลังสวนทางกับกระแสโลกยุคใหม่
ทำให้แนวทางแช่แข็งประเทศไทยขายไม่ออกเท่าที่ควร
2,แกนนำม็อบแช่แข็งชุดใหม่ไม่มีตัวผู้นำที่โดดเด่นทางการเมือง
เทียบกับทีมแช่แข็งชุดแรกของ “เสธ.อ้าย” ทีมแช่แข็งชุดใหม่ยังด้อยกว่าครึ่งช่วงตัว
3,ขบวนการแช่แข็งไม่มีมวลชนของตัวเองจริงๆ
ต้องอาศัยมวลชนจากเครือข่ายอื่นๆเป็นฐานกำลัง
ทำให้การเคลื่อนไหวไม่เป็นเอกภาพซึ่งเคยเป็นปัญหามาแล้วในการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา
4,การเลือกชุมนุมช่วงกลางหน้าฝน
ซึ่งมีฝนตกหนักต่อเนื่องเรื้อรังเป็นอุปสรรคสำคัญในการชุมนุมการเมือง
5,หากการชุมนุมยืดเยื้อหลายวัน ต้องใช้ทุนอุดหนุนก้อนใหญ่ ถ้าท่อน้ำเลี้ยงอุดตัน
การชุมนุมก็เดินหน้าไม่สะดวกโยธิน
6, ถ้ารัฐบาลไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุม
เปิดโอกาสให้ม็อบแช่แข็งชุมนุมอย่างสงบสันติตามสมควร
เมื่อไม่มีการปะทะ ก็ไม่มีการบาดเจ็บ
เมื่อไม่มีการบาดเจ็บ ปัญหาก็ไม่บานปลาย
7, จำนวนผู้ชุมนุมจะมากหรือน้อย ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด
เพราะถ้าทหารไม่ออกมาปฏิวัติโค่นรัฐบาลซะอย่าง
แผนแช่แข็งประเทศไทยจะไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี
ถามว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ การปฏิวัติมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่??
ตอบว่า การปฏิวัติในเมืองไทยยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
แต่ในสถานการณ์วันนี้ โอกาสเกิดปฏิวัติมีน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ผลจากการปฏิวัติทำให้ประเทศไทยเดินถอยหลังมาแล้ว 7 ปี
ควรเปิดโอกาสให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้หรือยัง??
อย่างน้อย ข้อดีของระบอบประชาธิปไตยคือรัฐบาลอยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี
ครบ 4 ปี ต้องคืนอำนาจประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่ตามกติกา
ใครชอบ? หรือไม่ชอบรัฐบาล? ทุกคน มีหนึ่งเสียงเท่ากัน
ใครไม่ชอบรัฐบาลก็มีสิทธิแสดงความเห็นได้อย่างเสรี
ใครจะชุมนุมขับไล่รัฐบาลทำได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ
และรัฐบาลจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่เห็นต่างไม่ได้ทุกกรณี
เรามีฝ่ายค้านที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลในสภาฯ
ภาคประชาชนมีสิทธิตรวจสอบรัฐบาล ผ่านองค์กรอิสระ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ
สุดลิ่มทิ่มประตู
ไม่ต้องแช่แข็งประเทศไทย อดใจรออีก 2 ปี รัฐบาลนี้ก็ไปเอง.
"แม่ลูกจันทร์"
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/359828
น่าจะเป็นกระทู้สุดท้ายสำหรับวันนี้ อ่าน "แม่ลูกจันทร์" มาตั้งแต่เช้า นึกว่าจะมีเพื่อนๆ
เก็บตกมาให้อ่านกัน ก็ยังไม่เห็น เลยอดไม่ได้ ต้องเอามาเผื่อแผ่ กันหน่อย
นั่นสินะ ถ้ารัฐบาลเป็นอย่างที่ ทั้งฝ่ายค้าน และขบวนการแช่แข็ง กล่าวหาจริง
อดใจรอหน่อย อีก 2 ปี รัฐบาลนี้ก็ไปเอง จะรีบร้อนไปทำไม
ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ในสภา ให้เต็มที่ อย่างทุกวันนี้ แบบค้านมันทุกเรื่อง
ไม่ว่าเรื่องเล็ก เรื่องน้อย ก็ต้องค้าน ต้องทำให้เป็นข่าว
นอกสภา เราก็มีการเมืองภาคปชช. ทั้งเสื้อหลากสี หน้ากากขาว พธม.
ร่วมด้วยช่วยกัน กับสาระพัด องค์กรอิสระ อีก 2 ปี ก็ค่อยมาวัดใจปชช.
กันว่า รัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ใครจะอยู่จะไป
ปัจจัย 7 ประการ ....... แม่ลูกจันทร์ ....ไทยรัฐออนไลน์
หลังจากปฏิบัติการแช่แข็งครั้งแรกวงแตก ต้องเก็บฉากกลางคัน
ครั้งนี้ขบวนการแช่แข็งประเทศไทย ฟอร์มทีมกลับมาอีกครั้งประกาศนัดชุมนุมใหญ่วันที่
4 สิงหาคมนี้ เพื่อขับไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สุดลิ่มทิ่มประตู
โดยมั่นใจว่าจะมีเครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณจากทั่วประเทศ
ร่วมการชุมนุมแช่แข็งไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นคน
มากกว่าม็อบแช่แข็งครั้งแรกอีกเท่าตัว
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล
เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย
การฟื้นคืนชีพของขบวนการแช่แข็งประเทศไทย
เพื่อขับไล่รัฐบาลก็เป็นเรื่องปกติทางการเมือง
แต่โอกาสประสบความสำเร็จขึ้นกับเงื่อนไขหลายประการ
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการคืนชีพของม็อบแช่แข็งเวอร์ชั่นใหม่
ยังมีอุปสรรค 7 ประการ
1,แนวความคิดแช่แข็งประเทศไทย เป็นเรื่องล้าหลังสวนทางกับกระแสโลกยุคใหม่
ทำให้แนวทางแช่แข็งประเทศไทยขายไม่ออกเท่าที่ควร
2,แกนนำม็อบแช่แข็งชุดใหม่ไม่มีตัวผู้นำที่โดดเด่นทางการเมือง
เทียบกับทีมแช่แข็งชุดแรกของ “เสธ.อ้าย” ทีมแช่แข็งชุดใหม่ยังด้อยกว่าครึ่งช่วงตัว
3,ขบวนการแช่แข็งไม่มีมวลชนของตัวเองจริงๆ
ต้องอาศัยมวลชนจากเครือข่ายอื่นๆเป็นฐานกำลัง
ทำให้การเคลื่อนไหวไม่เป็นเอกภาพซึ่งเคยเป็นปัญหามาแล้วในการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา
4,การเลือกชุมนุมช่วงกลางหน้าฝน
ซึ่งมีฝนตกหนักต่อเนื่องเรื้อรังเป็นอุปสรรคสำคัญในการชุมนุมการเมือง
5,หากการชุมนุมยืดเยื้อหลายวัน ต้องใช้ทุนอุดหนุนก้อนใหญ่ ถ้าท่อน้ำเลี้ยงอุดตัน
การชุมนุมก็เดินหน้าไม่สะดวกโยธิน
6, ถ้ารัฐบาลไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุม
เปิดโอกาสให้ม็อบแช่แข็งชุมนุมอย่างสงบสันติตามสมควร
เมื่อไม่มีการปะทะ ก็ไม่มีการบาดเจ็บ
เมื่อไม่มีการบาดเจ็บ ปัญหาก็ไม่บานปลาย
7, จำนวนผู้ชุมนุมจะมากหรือน้อย ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด
เพราะถ้าทหารไม่ออกมาปฏิวัติโค่นรัฐบาลซะอย่าง
แผนแช่แข็งประเทศไทยจะไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี
ถามว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ การปฏิวัติมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่??
ตอบว่า การปฏิวัติในเมืองไทยยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
แต่ในสถานการณ์วันนี้ โอกาสเกิดปฏิวัติมีน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ผลจากการปฏิวัติทำให้ประเทศไทยเดินถอยหลังมาแล้ว 7 ปี
ควรเปิดโอกาสให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้หรือยัง??
อย่างน้อย ข้อดีของระบอบประชาธิปไตยคือรัฐบาลอยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี
ครบ 4 ปี ต้องคืนอำนาจประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่ตามกติกา
ใครชอบ? หรือไม่ชอบรัฐบาล? ทุกคน มีหนึ่งเสียงเท่ากัน
ใครไม่ชอบรัฐบาลก็มีสิทธิแสดงความเห็นได้อย่างเสรี
ใครจะชุมนุมขับไล่รัฐบาลทำได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ
และรัฐบาลจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่เห็นต่างไม่ได้ทุกกรณี
เรามีฝ่ายค้านที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลในสภาฯ
ภาคประชาชนมีสิทธิตรวจสอบรัฐบาล ผ่านองค์กรอิสระ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ
สุดลิ่มทิ่มประตู
ไม่ต้องแช่แข็งประเทศไทย อดใจรออีก 2 ปี รัฐบาลนี้ก็ไปเอง.
"แม่ลูกจันทร์"
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/359828
น่าจะเป็นกระทู้สุดท้ายสำหรับวันนี้ อ่าน "แม่ลูกจันทร์" มาตั้งแต่เช้า นึกว่าจะมีเพื่อนๆ
เก็บตกมาให้อ่านกัน ก็ยังไม่เห็น เลยอดไม่ได้ ต้องเอามาเผื่อแผ่ กันหน่อย
นั่นสินะ ถ้ารัฐบาลเป็นอย่างที่ ทั้งฝ่ายค้าน และขบวนการแช่แข็ง กล่าวหาจริง
อดใจรอหน่อย อีก 2 ปี รัฐบาลนี้ก็ไปเอง จะรีบร้อนไปทำไม
ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ในสภา ให้เต็มที่ อย่างทุกวันนี้ แบบค้านมันทุกเรื่อง
ไม่ว่าเรื่องเล็ก เรื่องน้อย ก็ต้องค้าน ต้องทำให้เป็นข่าว
นอกสภา เราก็มีการเมืองภาคปชช. ทั้งเสื้อหลากสี หน้ากากขาว พธม.
ร่วมด้วยช่วยกัน กับสาระพัด องค์กรอิสระ อีก 2 ปี ก็ค่อยมาวัดใจปชช.
กันว่า รัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ใครจะอยู่จะไป