[US Box Office] The Wolverine ครองแชมป์ได้อย่างง่ายดาย ในสุดสัปดาห์ปิดท้ายเดือนกรกฎาคม !!!

สุดสัปดาห์ 26-28 กรกฎาคม มีผลงานเข้าฉายในวงกว้างเพียงแค่เรื่องเดียวคือ The Wolverine โดยมีหนังเรื่องอื่นเปิดตัวใหม่ในวงจำกัด ทำให้การครองแชมป์ในสุดสัปดาห์นี้ของ The Wolverine เป็นไปอย่างง่ายดาย

แต่การเปิดตัวของแชมป์สุดสัปดาห์นี้ก็ทำได้น้อยกว่าหนังที่ครองแชมป์ในสุดสัปดาห์เดียวกับของปีก่อน โดยในปี 2012 หนังที่ครองแชมป์คือ The Dark Knight Rises กับการครองแชมป์ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ โดยรายได้ที่ทำไปคือ $62.1 ล้าน ส่วนรายได้ที่ The Wolverine ทำได้ในปีนี้คือ $55 ล้าน ซึ่งน้อยลงจากปีที่แล้วอยู่ประมาณ 11%

แม้ว่าผลงานที่ครองแชมป์ในปีนี้ จะทำรายได้น้อยกว่าแชมป์ในปีก่อน แต่เมื่อรวมรายได้ 12 อันดับแรก รายได้รวมของปีนี้กลับทำรายได้มากกว่าปีที่แล้วถึง 25%  แต่รายได้รวมตลอดทั้งปีจนถึงสุดสัปดาห์เดียวกันนี้ ปี 2013 ก็ยังคงตามหลังปี 2012 อยู่ประมาณ 1% ด้วยรายได้รวมทั้งหมด $6.6 พันล้าน (ปี 2012 ทำได้ $6.7 พันล้าน)

ส่วนถ้าว่ากันถึงรายได้ของแต่ละสตูดิโอ มีสตูดิโออยู่ 3 รายที่ทำรายได้เกิน $1 พันล้านไปแล้ว ได้แก่ ยูนิเวอร์แซล $1,056 ล้าน, บัวนาวิสต้า (ดิสนีย์) $1,054.6 ล้าน และวอร์เนอร์ $1,049.1 ล้าน โดยยูนิเวอร์แซลสร้างสถิติทำรายได้ผ่าน $1 พันล้านด้วยเวลาที่เร็วที่สุดของตัวเอง โดยปี 2013 ทำได้ในเวลาเพียง 200 วัน สถิติสูงสุดครั้งเก่าใช้เวลา 218 วันกว่าจะผ่าน $1 พันล้านได้

----------------------------------------------------------------



อัพเดตรายได้นอกอเมริกา



[ The Wolverine ]
เปิดตัวในตลาดนอกอเมริกาพร้อมกับในประเทศ ด้วยการเปิดตัวกว่า 100 ประเทศ และทำรายได้เปิดตัวไปกว่า $85.3 ล้าน จากการรายงานของฟ็อกซ์ รายได้เปิดตัวในระดับนี้ ถือว่าแข็งแกร่งกว่าการเปิดตัวของ X-Men: The Last Stand อยู่ประมาณ 13% โดย Last Stand ทำรายได้นอกอเมริกาไว้ทั้งหมด $225 ล้าน

รายได้เปิดตัวในแต่ละประเทศ เรียงลำดับจากมากไปน้อยดังนี้
- รัสเซีย $10.5 ล้าน
- ฝรั่งเศส $7.4 ล้าน
- อังกฤษ $7.1 ล้าน
- บราซิล $6.5 ล้าน
- เม็กซิโก $6.3 ล้าน
- ออสเตรเลีย $5.6 ล้าน
- เกาหลีใต้ $5 ล้าน
- เยอรมัน $3.3 ล้าน
- สเปน $2.8 ล้าน
โดยประเทศที่ถือว่าทำได้ไม่ค่อยดีนักคือ เยอรมันและสเปน สำหรับตลาดใหญ่อย่าง ญี่ปุ่น จะยังคงไม่เปิดตัวจนกว่าจะถึงเดือนกันยายน และได้รับการคาดหมายว่าจะเปิดตัวอย่างมโหฬารแน่ พิจารณาจากเรื่องราวส่วนใหญ่ในหนังเกิดขึ้นในญี่ปุ่น

[ Fast & Furious 6 ]
ด้วยการเปิดตัวในประเทศจีนอย่างมโหฬารกว่า $24 ล้าน ทำให้รายได้รวมนอกอเมริกาพุ่งไปอยู่ที่ $503.5 ล้าน และทำรายได้รวมทั่วโลกไปที่ $741.1 ล้าน รั้งอันดับ 2 หนังทำรายได้รวมทั่วโลกสูงสุดประจำปี 2013 ตามหลัง Iron Man 3 ที่ทำไปกว่า $1,211.8 ล้าน

[ Despicable Me 2 ]
เก็บเพิ่มไปอีก $24.5 ล้าน จากกว่า 50 ตลาดนอกอเมริกา และทำรายได้รวมไปแล้วที่ตัวเลข $354.5 ล้าน รวมรายได้ทั่วโลก $660.9 ล้าน ครองอันดับ 3 หนังทำรายได้รวมสูงสุดประจำปี 2013

เมื่อเทียบกับภาคแรก Despicable Me 2 ทำได้มากกว่าทั้งรายได้ในอเมริกา, รายได้นอกอเมริกา และรายได้รวมทั่วโลก ดังนี้
- Despicable Me รายได้ในอเมริกา $251.5 ล้าน / รายได้นอกอเมริกา $291.6 ล้าน / รวมทั่วโลก $543.1 ล้าน
- Despicable Me 2 รายได้ในอเมริกาล่าสุด $306.4 ล้าน / รายได้นอกอเมริกาล่าสุด $354.5 ล้าน / รวมทั่วโลกล่าสุด $660.9 ล้าน

ด้วยความสำเร็จจากหนังทั้ง 2 ภาค ยูนิเวอร์แซลจึงอนุมัติโปรเจค Minions หรือเหล่าตัวเหลืองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีกำหนดการฉายคร่าวๆคือ 12 ธันวาคม 2014 ต้อนรับวันหยุดยาวปลายปี

[ White House Down ]
หลังจากเปิดตัวได้น่าผิดหวังในอเมริกา แต่ก็สร้างเซอร์ไพรซ์จากการเปิดตัวในจีนกว่า $18.5 ล้าน ล่าสุดเก็บรายได้นอกอเมริกาไปแล้วที่ตัวเลข $45.6 ล้าน

[ Monsters University ]
ยังคงเดินหน้าโกยรายได้อย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ล่าสุดเก็บรายได้ไปอีก $15.6 ล้านจาก 46 ประเทศนอกอเมริกา รวมรายได้ $321.6 ล้าน กลายเป็นหนังอนิเมชั่นพิกซาร์เรื่องที่ 8 ที่ทำรายได้เกิน $300 ล้านนอกอเมริกา ซึ่งน่าจะทำรายได้รวมท้ายสุดที่ $400 ล้าน เพราะตลาดใหญ่อย่างจีนและอิตาลี กำลังจะเปิดตัวต่อจากนี้

[ Pacific Rim ]
ทำรายได้ตกลงจากสัปดาห์ที่แล้วถึง 59% เก็บไปอีก $14.3 ล้าน รวมรายได้ $140 ล้าน ซึ่งถือว่าตัวเลขยังไม่มาก เพราะตลาดใหญ่อีกหลายแห่งยังไม่เปิดตัว โดยตลาดที่กำลังจะเปิดตัวต่อจากนี้คือ จีน ในวันพุธที่จะถึงนี้ ตามมาด้วย สเปน, ญี่ปุ่น และบราซิล ในวันที่ 9 สิงหาคม

[ Turbo ]
ปิดท้ายด้วยหนังอนิเมชั่นจากฟ็อกซ์ที่เปิดตัวแค่ไม่กี่ตลาด เก็บรายได้ไปอีก $12.2 ล้าน รายได้รวม $42.8 ล้าน

----------------------------------------------------------------



อัพเดตรายได้ในอเมริกา



จากการเปิดตัวเกือบ 4 พันโรงฉาย The Wolverine ก็เปิดตัวด้วยตัวเลขประมาณ $55 ล้าน ซึ่งเป็นตัวเลขเปิดตัวที่น้อยกว่าหนังภาคก่อนอย่าง X-Men Origins: Wolverine ($85.1 ล้าน) กว่า 35% โดยรายได้เปิดตัวของ The Wolverine อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ X-Men: First Class ($55.1 ล้าน) และ X-Men ($54.5 ล้าน) แต่จากการที่หนังได้รับผลประโยชน์จากระบบ 3 มิติซึ่งมีค่าตั๋วที่สูงกว่า The Wolverine จึงถือเป็นหนังที่ได้รับการต้อนรับในสุดสัปดาห์แรกของการออกฉายในระดับที่ต่ำที่สุดในแฟรนไชส์!

กลุ่มคนดูของ The Wolverine 58% เป็นกลุ่มคนดูเพศชาย และ 42% เป็นเพศหญิง โดยกลุ่มคนดูทั้งหมด มีอายุเกิน 25 ปีกว่า 58% โดยเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนดูของ X-Men Origins: Wolverine เคยต้อนรับกลุ่มคนดูผู้ชายเพียง 53% และ 52% อายุมากกว่า 25 ปี แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายให้การต้อนรับเรื่องราวของวูล์ฟเวอรีนมากขึ้น ในขณะที่ผู้หญิงหมดความสนใจลง

ทางด้านรายได้ของ The Conjuring ที่ร่วงลงมาอยู่ในอันดับ 2 หนังยังคงทำรายได้อย่างน่าพอใจ เนื่องจากลดลงเพียง 47% เก็บรายได้ไปเพิ่มอีก $22.1 ล้าน และมีรายได้รวมอยู่ที่ $83.9 ล้าน ซึ่งทำให้กลายเป็นหนังสยองที่ทำรายได้มากที่สุดในปี 2013 โดยสุดสัปดาห์ต่อไปหนังก็มีโอกาสทำรายได้ข้ามผ่านหลัก $100 ล้าน

ส่วน Despicable Me 2 ยังคงเก็บรายได้อย่างต่อเนื่อง เก็บไปอีกกว่า $16 ล้าน ในสุดสัปดาห์ที่ 4 ของการออกฉาย รวมรายได้ขณะนี้อยู่ที่ $306.4 ล้าน กลายเป็นหนังอนิเมชั่นเรื่องที่ 6 ที่สามารถทำรายได้เกิน $300 ล้านได้

ในขณะที่อนิเมชั่นจากฟ็อกซ์อย่าง Turbo ทำรายได้ตกลงเล็กน้อย เก็บเพิ่มไปอีก $13.3 ล้าน รวมรายได้ 2 สัปดาห์ $55.8 ล้าน ถือว่าเป็นรายได้ที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับอนิเมชั่นจากฟ็อกซ์เรื่องนี้

----------------------------------------------------------------



ติดตามการรายงานอันดับหนังทำเงินในสุดสัปดาห์ต่อไป ที่จะมีหนังใหญ่อย่าง 2 Guns จากยูนิเวอร์แซล และอนิเมชั่นผสมผู้แสดงจริง The Smurfs 2 จากโซนี่ที่จะเปิดตัวก่อนในวันพุธ...

รวบรวมข้อมูลจาก BoxOfficeMojo และ IMDb (บทความหลักจาก BoxOfficeMojo)




เครดิตภาพจากทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟ็อกซ์



ขออนุญาตแนะนำ
ติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ Mck's Movie
https://www.facebook.com/McksMovie
แฟนเพจน้องใหม่สำหรับคนชอบดูหนัง
https://www.facebook.com/KonLikeNang
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่