The Wolverine ขึ้นอันดับ 1 ฉลุย แม้เปิดตัวน้อยสุดในกลุ่มหนัง X-Men

US BOX OFFICE July 26-28, 2013

(ข้อมูล/แปล-เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา The Wolverine ทำรายได้ขึ้นอันดับ 1 ได้สบายๆ แม้รายได้จะห่างจากหนังตอนเดี่ยวภาคแรกไม่น้อย ขณะที่ The Conjuring ยังไปได้สวยสำหรับหนังสยองขวัญ ขณะที่ Fruitvale Station ก็ทำได้ดีสำหรับการเปิดตัวในวงกว้าง โดยหนังใน 12 อันดับแรกของสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไป 158 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% และแม้รายได้รวมตลอดเดือนกรกฎาคมปีนี้ จะไม่สร้างสถิติอะไรใหม่ๆ แต่ก็เป็นรายได้รวมประจำเดือนที่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาล เมื่อเก็บเงินได้น้อยกว่า 1.35 พันล้านเหรียญไม่มาก สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/

เปิดตัวด้วยโรงฉาย 3,924 โรง The Wolverine ทำเงินไปได้ 53.1 ล้านเหรียญ น้อยกว่ารายได้เปิดตัวของ X-Men Origins: Wolverine ถึง 35% และดูจะเป็นหนังที่ได้รับการต้อนรับที่แย่ที่สุดในหนังชุด X-Men เมื่อเปิดตัวน้อยกว่า X-Men: First Class (55.1 ล้านเหรียญ) และ X-Men ภาคแรก (54.5 ล้านเหรียญ) ซึ่งถือเป็นหนังชุดนี้ที่มีอายุ 13 ปีแล้ว ที่ออกตัวได้แย่ที่สุด รายได้เปิดตัวที่ต่ำของหนัง เป็นเรื่องที่พอจะสังเกตได้จาก X-Men Origins: Wolverine และขณะที่หนังได้คะแนนที่ดีจากเว็บ IMDB แต่กับความเห็นของคนส่วนใหญ่ กลับรู้สึกว่าหนังแย่ โชคดีที่ทางฟ็อกซ์ไหวตัวทัน ถึงกระหน่ำโปรโมทเพื่อให้คนดูเข้าไปชม และพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ หนังได้คำวิจารณ์เป็น "มะเขือสด" จากเว็บมะเขือเน่า ขณะที่คะแนนในซีนีมาสกอร์เป็น A- แต่กับรายได้เปิดตัวเท่านี้ ก็ต้องยอมรับกันว่า ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว

และช่วยไม่ได้เช่นกันว่า The Wolverine จะดูเล็กกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ในชุด ซึ่งทำให้มีความรู้สึกห่างไกลจากการเป็นหนังที่ "ต้อง" ดู รวมไปถึงวันฉาย ขณะที่ X-Men Origins: Wolverine ไม่มีคู่แข่งเลยในการเปิดตัวสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม แต่การเปิดตัวของ The Wolverine มีอะไรมากมายที่ทำให้ไม่เป็นได้อย่างที่หวัง

ข่าวดีก็คือ ในระยะยาวหนังมีแนวโน้มที่ดี กับการบอกปากต่อปาก บวกกับหนังเรื่องอื่นๆ ที่จะเปิดตัวต่อไป น่าจะส่งให้หนังปิดโปรแกรมได้ราวๆ 140 ล้านเหรียญ เมื่อรวมกับรายได้นอกอเมริกา The Wolverine ไม่น่าจะเป็นความล้มเหลวสำหรับฟ็อกซ์ สำหรับคนดูนั้น 58% เป็นชาย และ 58% อายุ 25 ปีขึ้นไป ส่วน X-Men Origins: Wolverine คนดู 53% เป็นชายและ 52% อายุ 25 ปีขึ้นไป น่าเสียดายที่ไม่มีการรายงานยอดของหนังสามมิติมา แต่กับหนังสามมิติ 5 เรื่องที่ออกฉายในเดือนนี้ มี Pacific Rim เพียงเรื่องเดียวที่มีการรายงาน ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหนังสามมิติ

อันดับ 2 The Conjuring รายได้ลดลงเพียง 47% เก็บเงินมาได้อีก 22.2 ล้านเหรียญ ถือเป็นการทรงตัวที่ดีมากๆ สำหรับหนังสยองขวัญ ซึ่งปกติรายได้จะตกอย่างน้อย 50% หรือมากกว่านั้น เช่น The Purge ที่ตกไป 76% งานนี้ต้องให้เครดิตกับเสียงบอกปากต่อปากที่ดี และส่งให้กลายเป็นหนังสยองที่ทำเงินสูงสุดในปีนี้ด้วยตัวเลขรวม 83.95 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่าน 100 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่จะถึง รายได้ปิดตัวของหนังนั้น มองกันไปที่ 120 ล้านเหรียญขึ้นไป

กับการฉายสัปดาห์ที่ 4  Despicable Me 2 รายได้ตกแค่ 34% ทำเงินอีก 16.4 ล้านเหรียญ ทำให้เป็นหนังแอนิเมชั่นเรื่องที่ 6 ที่ทำรายได้เกิน 300 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่ทำได้นับตั้งแต่ Toy Story 3 เมื่อปี 2010 ขณะที่ Turbo แม้รายได้ลดลงเพียง 36% ได้เงิน 13.7 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หนังก็ทำรายได้รวมแค่ 56.2 ล้านเหรียญ แถมสุดสัปดาห์นี้ก็ต้องเจอคู่แข่งอย่าง The Smurfs 2 อีก

Grown Ups 2 รายได้หล่น 42% ทำเงินไป 11.6 ล้านเหรียญ หนังทำเงินผ่านหลักร้อยล้านไปแล้ว เป็นหนังเรื่องที่ 14 ของอดัม แซนด์เลอร์ที่ทำได้ แซงหน้าวิลล์ สมิธ (13 เรื่อง) แต่เป็นรองทอม ครูซ (15 เรื่อง)

Red 2 รายได้ลดลง 48% ทำเงินมาอีก 9.3 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันหนังทำเงินรวม 35 ล้านเหรียญ ซึ่งดูแล้วน่าจะทำได้ไม่เกิน 90.4 ล้านเหรียญที่หนังภาคแรกทำไว้

หลัง Pacific Rim เปิดตัวได้น่าผิดหวัง แต่ความหวังก็ยังไม่หมด เมื่อหนังน่าจะได้แรงส่งที่ดีจากการบอกปากต่อปาก แต่เอาเข้าจริงๆ ผ่านสัปดาห์ที่ 3 ปากต่อปากก็ไม่ช่วยอะไร เพราะรายได้หนังร่วงอีก 52% ได้เงินเพียง 7.7 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 84.2 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมที่รายได้ใกล้ๆ ร้อยล้าน

Fruitvale Station เพิ่มโรงฉายเป็น 1,064 โรง คว้าอันดับ 10 มาครองด้วยรายได้ 4.59 ล้านเหรียญ ถือเป็นรายได้ที่ดีสำหรับการเพิ่มโรงฉายของหนังดราม่า ที่มีแรงหนุนจากการเป็นหนังฮิตในงานซันแดนซ์ รายได้ปิดตัวก็น่าจะใช้ได้ในระดับอย่างน้อยๆ ก็ 20 ล้านเหรียญ

The Way, Way Back ก็เปิดตัวในวงกว้างเช่นกัน หนังเบาสมอง ก้าวพ้นวัย เรื่องนี้ทำรายได้ 3.45 ล้านเหรียญจาก 886 โรง หากเทียบกันรายได้เฉลี่ยต่อโรงจะต่ำกว่า Fruitvale Station เล็กน้อย แต่ก็เป็นรายได้ที่ดี ตอนนี้ฟ็อกซ์ เซิร์ชไลท์ ยังไม่มีแปนการตลาดต่อไปสำหรับหนัง แต่รายได้รวมก็ไปถึง 9.1 ล้านเหรียญแล้ว

เปิดตัวด้วย 591 โรง หนัง The To-Do List ทำรายได้แค่ 1.58 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังเพราะหนังโปรโมทหนักไม่น้อย ถึงแม้ว่าเสียงบอกปากต่อปากจะใช้ได้ แต่ก็ยากจะรอดช่วงหนังหนาแน่นของเดือนสิงหาคมไปได้

Blue Jasmine ของวูดดี้ อัลเลน เปิดตัว 612,064 เหรียญจาก 6 โรง คิดเป็น 102,011 เหรียญต่อโรง ซึ่งเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่มากที่สุดของหนังวูดดี้ อัลเลน เอาชนะ Midnight in Paris (99,834 เหรียญ) เมื่อปี 2011) หนังยังไปได้ดีในตลาดหลักของอัลเลนอย่าง นิว ยอร์ค และแอลเอ

ในตลาดนอกอเมริกา The Wolverine ทำรายได้ไป 86.5 ล้านเหรียญ จาก 100 ประเทศ ซึ่งมากกว่า X-Men: The Last Stand ที่ปิดตัวด้วยรายได้ 225 ล้านเหรียญ อยู่ 13% หนังทำเงินเป็นกอบเป็นกำที่ รัสเซีย 10.5 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส (7.4 ล้านเหรียญ), อังกฤษ (7.1 ล้านเหรียญ), บราซิล (6.5 ล้านเหรียญ), เม็กซิโก (6.3 ล้านเหรียญ), ออสเตรเลีย (5.6 ล้านเหรียญ) และเกาหลีใต้ (5 ล้านเหรียญ) ขณะที่เปิดตัวได้น่าพอใจที่ เยอรมัน (3.3 ล้านเหรียญ) และสเปน (2.8 ล้านเหรียญ) หนังจะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นเดือนกันยายน ซึ่งน่าจะเปิดตัวได้ดีมากๆ ที่นี่

Fast & Furious 6 เข้าฉายในจีนแล้ว และขึ้นอันดับ 1 ด้วยรายได้ 24 ล้านเหรียญ  ทำให้หนังผ่าน 500 ล้านเหรียญนอกอเมริกา รายได้รวมของหนังทั่วโลกตอนนี้มากเป็นอันดับ 2 ของปี 2013 ที่ 741.1 ล้านเหรียญ ขณะที่ Despicable Me 2 ทำเงินมาอีก 24.5 ล้านเหรียญจาก 50 ตลาด หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 354.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมทั่วโลกเท่ากับ 661 ล้านเหรียญ และน่าจะได้มาอีกเยอะกับการเปิดตัวในรัสเซีย

Fast & Furious 6 กับ Despicable Me 2 ทำเงินรวมกันทั่วโลก 1.4 พันล้านเหรียญ และน่าจะจบที่ราวๆ 1.6 พันล้านเหรียญ ทำให้ซัมเมอร์นี้เป็นซัมเมอร์ที่น่าพอใจ แม้จะทำเงินหายไปเยอะจาก R.I.P.D.

แม้จะทำเงินนอกอเมริกาไม่ดีนัก แต่ White House Down ก็เปิดตัวได้ดีที่จีน กับรายได้ 18.5 ล้านเหรียญ ถึงตอนนั้นรายได้รวมนอกอเมริกาของหนังอยู่ที่ 45.6 ล้านเหรียญ

Monsters University เก็บเงินมาเพิ่มอีก 15.6 ล้านเหรียญจาก 46 ตลาด ตอนนี้หนังเปิดตัวไปแล้วราวๆ 86% ของตลาด รายได้รวมอยู่ที่ 321.6 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังพิกซาร์เรื่องที่ 8 ที่ทำเงินผ่าน 300 ล้านเหรียญนอกอเมริกา หนังจะเปิดตัวในอิตาลีและจีนในเดือนหน้า และน่าจะจบรายได้ที่ราวๆ 400 ล้านเหรียญ

Pacific Rim สัปดาห์ที่ผ่านมารายได้หล่น 59% ทำเงินไป 14.3 ล้านเหรียญ รายได้รวมเท่ากับ 140 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวที่จีน และสเปน ส่วนบราซิลกับญี่ปุ่นรอถึงวันที่ 9 สิงหาคม ส่วนTurbo ได้เงินมาอีก 12.2 ล้านเหรียญจาก 29 ตลาดรายได้รวมตอนนี้อยู่ที่ 42.8 ล้านเหรียญ และหนังยังไม่เปิดตัวในตลาดใหญ่ๆ

ดูอันดับหนังทำเงินในบ้านเรา สัปดาห์ผ่านๆ มาได้ที่ http://www.sadaos.com/tag/thailand-box-office-2013/

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่