ตอนที่1
รถยนต์ไฮบริดรุ่นล่าสุดเลี้ยวเข้าจอดคฤหาสน์ทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ในตัวเมืองเชียงราย ร่างเล็กกลมป้อมสองร่างรีบกระโดดลงจากรถทันทีที่รถจอดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังไปทั่วบริเวณ ร่างโปร่งก้าวตามลงมาพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบเล็กหลายใบ หญิงสาวมองตามร่างมนุษย์ย่อส่วนไปอย่างอารมณ์ดี กวิตราในวัยยี่สิบเจ็ดสวยสง่าราวสตรีชั้นสูง รูปร่างโปร่งทรงนาฬิกาทราย ผิวพรรณละเอียดละออ พวงแก้มสีชมพูปลั่ง ดวงตาเรียวตวัดหางเหมือนกวางสาว เครื่องหน้าชัดเจนหลังจากที่ลดส่วนเกินบนใบหน้าออกหมด กวิตราในตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมของสาวน้อยตัวกลมป้อมเมื่อหกปีก่อน
“ถ้ามันล้มนะ จะหัวเราะให้บ้านบึ้ม”เสียงแตกพร่ามาจากกเชนทร์ ที่ได้รับค้อนวงใหญ่จากหญิงสา
“ถ้าบ้านบึ้มแกตายแน่... ไม้สักทองทั้งหลังขนาดนี้ แกเป็นหนี้หัวบานแหงม”
“กลัวอะไร ขอตังค์พ่อสิ เชนไม่มีตังค์จ่ายอยู่แล้ว”ร่างสูงแย่งกระเป๋าบางส่วนมาช่วยถือ
หลังจากขับรถไปรับสามแม่ลูกที่สนามบิน กเชนทร์อ่อนกว่าพี่สาวเกือบเจ็ดปี ทำให้บางครั้งกวิตรารู้สึกเอ็นดูน้องชายคนนี้เป็นพิเศษ หญิงสาวยิ้มหัวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินตามเด็กน้อยทั้งสองเข้าไปในตัวบ้าน
กวิตราอุ้มท้องกลับมาประเทศบ้านเกิดด้วยความอดทน เธอโชคดีที่มีครอบครัวที่เข้าใจ และให้อภัยเธอในสิ่งที่เธอทำพลาดไป เธอและครอบครัวประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเด็กในท้องมีถึงสองคน ความสงสารลูกจึงเพิ่มทวีขึ้นมา เธอทำให้เด็กสองคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องมาเป็นเหยื่อในความสะเพร่าของเธอ ความตั้งใจที่จะเป็นแม่ที่ดีเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเธอต้องดูแลถึงสามชีวิตไปพร้อมๆ กัน
เด็กทั้งสองเกิดมาหน้าตาเหมือนเคเลบไม่มีผิดเพี้ยน สร้างความปวดร้าวให้เธอมากไปกว่าเดิม เฝ้าก่นด่าน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง แต่เธอก็ยังคงยึดมั่นในปณิธานที่จะเป็นแม่ที่ดี เลี้ยงลูกแฝดของเธอให้เติบโตมาด้วยความรัก แม้ว่าจะต้องปวดใจทุกครั้งที่มองหน้าลูกทั้งสอง มีบางครั้งที่ลูกๆ ของเธอถามหาพ่อเมื่อเห็นเพื่อนๆ ของตนมีพ่อมารับพร้อมแม่ เธอได้แต่ข่มความขมขื่นตอบว่าพ่อของทั้งคู่อยู่ไกลเกินกว่าจะมาหา แต่ยังรักและคิดถึงเด็กๆ อยู่เสมอ ไทยสันต์ลูกชายของเธอดูจะเป็นเด็กที่ฉลาดสุขุมเกินวัย ไม่เคยถามถึงพ่ออีกเลย อีกทั้งยังหยุดอันนาเมื่อเด็กหญิงถาม และคอยปลอบโยนน้องสาวเมื่อเธอร้องไห้หาพ่อ
เธอไม่ได้ข่าวคราวของเคเลบอีกเลยนับตั้งแต่เธอส่งข้อความนั้นไป แม้ว่าโลกออนไลน์จะพัฒนาไปไกลกว่าเมื่อก่อน แต่โลกของเธอและเขาไม่เคยได้มาบรรจบกัน ไม่มีคำตอบจากจดหมายฉบับนั้น และเธอก็ทรนงเกินกว่าจะส่งไปอีกฉบับเพื่อย้ำเตือน ในใบแจ้งเกิดของลูกๆ เธอก็เว้นว่างชื่อบิดาไว้อย่างตั้งใจ แม้เธอจะหวังลึกๆ ว่าสักวันเคเลบจะกลับมายืดอกรับผิดชอบด้วยความยินดี แต่เธอก็รู้ว่าคงเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ กวิตรายังคงยืดอกรับผิดชอบครอบครัวของเธอด้วยความอดทน อีกทั้งครอบครัวเธอทั้งรักและหลงหลานตัวน้อยทั้งสองเป็นอย่างมาก หญิงสาวแทบไม่ต้องเผชิญความลำบากใดๆ ในการเลี้ยงดูลูกทั้งสอง แม่ ย่า และยายของเธอหมั่นไปเยี่ยมเยียนสามแม่ลูกที่กรุงเทพฯเสมอเมื่อโอกาสอำนวย และคอยอาสาเลี้ยงดูเด็กทั้งสองเมื่อกวิตราต้องไปทำงาน คุณปู่ของเธอที่สร้างอุบายฉลองในโอกาสที่ตนอยู่ยืนยาวกระทั่งได้อุ้มเหลน ยืนกรานจะออกค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งหมดของเด็กทั้งสองให้สูงที่สุดเท่าที่ทั้งคู่จะเรียนไหว ทางจิณณาก็เช่นกัน ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันหลังจบโครงการกลับมา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้แต่น้อย แต่เพื่อนสาวยังคงยืนเคียงข้างเธอ ช่วยให้เธอผ่านปัญหาต่างๆ ด้วยดี เธอมักไปเป็นเพื่อนเธอในชั้นเรียนการเตรียมตัวเป็นแม่ อีกทั้งยังเป็นธุระจัดหาพี่เลี้ยงมาดูแลเด็กๆ เป็นอย่างดี จนเธอเปรยเล่นๆ ว่าถ้าหากประเพณีไทยมีวัฒนธรรมการแต่งตั้งแม่ทูนหัว จิณณาคงไม่พ้นตำแหน่งนั้นเป็นแน่
ร่างโปร่งเดินเข้าไปเห็นเด็กน้อยทั้งสองจมอยู่ใต้กองของเล่นกองโตที่บรรดาผู้ใหญ่จัดหาซื้อมาให้ในโอกาสที่เด็กน้อยทั้งสองจะมาอยู่ด้วยในช่วงปิดเทอมก็ถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน เดินเข้าไปกราบผู้ใหญ่แล้วส่งสายตาอ่อนใจไปที่กองของเล่น
“ซื้อใหม่อีกแล้วเหรอคะนี่ ของเก่ายังเล่นกันไม่ทันเบื่อเลย แล้วนี่ซื้อเสียเยอะแยะไปหมด เคยตัวกันไปเปล่าๆ”
“แน้ ยายเกดนี่ก็ มันจะอะไรกันนักกันหนา ย่าไม่ได้ซื้อให้เกดเสียหน่อย เหลนย่า ย่าก็อยากให้มีความสุข สนุกกันไปตามวัย ของเล่นเก่าๆ น่ะ มันของเด็กเล็กกว่านี้ เดี๋ยวพัฒนาการมันจะไม่ทันกัน บ้านเราก็ใช่จะขัดสนเงินทองเสียหน่อย”ย่าละอองของเธอให้เหตุผล โดยมีกรองแก้ว แม่ของเธอสนับสนุน
“ใช่ ความฉลาดหลานฉัน ทีตอนเด็กๆ แม่ซื้อของเล่นให้เกดเยอะแยะ ไม่เห็นเกดบ่นนี่นา”
“โธ่ พี่เกด อยู่กับพี่เกดน่ะ หลานเชนเล่นยังไม่เต็มที่ก็โดนพี่เกดสั่งเก็บ ไล่ไปนอนทุกที นี่กลับมาบ้านทั้งทีก็ให้เด็กๆ เล่นให้เต็มที่สิ นี่ปิดเทอมนะ”กเชนทร์ซึ่งตามหลังมาเสริมทัพผู้ใหญ่ เข้าไปนั่งแทบเท้าย่าละอองอย่างประจบประแจง กวิตรากลอกตาด้วยเบื่อจะขัด จึงตัดบทหาทางออกให้ตนเรียบๆ
“เฮ้อ เอาเถิดค่ะ ถ้าทุกคนว่าอย่างนั้น เกดคงขัดอะไรไม่ได้ เกดขอตัวไปสรุปยอดบัญชีนะคะ ไทเล่นเสร็จแล้วเก็บให้เรียบร้อยนะครับลูก หนูนาช่วยพี่ไทด้วยนะคะ”กวิตราเตือนลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เด็กน้อยทั้งสองตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่ไทยสันต์จะวางมือจากของเล่นแล้วผละมาหาเธอ
“แม่จ๋า โตขึ้นไทจะซื้อของเล่นให้ตัวเองครับ แม่จ๋าไม่ต้องห่วงนะครับ”คำมั่นของหนุ่มน้อยทำให้เธออิ่มใจ ให้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว
“ตกลงครับ แต่ตอนนี้ไทต้องดูแลของเล่นใหม่ให้ดีๆ นะครับ เดี๋ยวแม่มา”เด็กน้อยรับคำอย่างขันแข็งก่อนจะวิ่งกลับไปสมทบกับน้องสาว
นับตั้งแต่กลับบ้านมา กวิตราก็วิ่งวุ่นทำงานตัวเป็นเกลียว เธอจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อีกทั้งบุคลิคภาพ รูปร่างหน้าตาของเธอทำให้หางานในบริษัทใหญ่ๆ ทำได้อย่างง่ายดาย เธอได้งานในบริษัทอาหารแปรรูปจากต่างประเทศชื่อดังและทำงานอย่างตั้งใจกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช่ว่าชีวิตจะสุขสบายนัก เพราะเธอต้องทำงานหนักจนเกือบจะเรียกได้ว่าหามรุ่งหามค่ำ เวลาส่วนตัวเกือบทั้งหมดของเธอ นอกจากจะทุ่มเทให้ลูกน้อยทั้งสองแล้ว ยังต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งระหว่างลาพักร้อน กวิตราเปิดคอมพิวเตอร์แลบทอปขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วเพื่อเข้าระบบตรวจสอบงานที่สั่งการผู้ช่วยไว้ก่อนออกเดินทาง ระหว่างนั้นก็เปิดอีเมลล์ส่วนตัวขึ้นมาพบว่ามีข้อความมากมายส่งถึงเธอในระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค นิ้วเรียวยาวเลื่อนไปกดลิงค์อย่างคล่องแคล่ว เพื่อพบว่าเธอมีรูปมากมายในหน้าโปรไฟล์ของจิณณา มันเป็นวันที่เธอพาลูกๆ ไปงานขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนในกลุ่มที่ไปทำงานที่ซานฟรานซิสโกด้วยกัน รูปของหญิงสาวและเด็กน้อยทั้งสองในอิริยาบทต่างๆ เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาเพื่อนฝูงของเธอ มีหลายคนแสดงความคิดเห็นชื่นชมในความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กแฝดทั้งสอง ภาพหลายภาพถูกกระจายไปยังเพื่อนๆ ต่างชาติของกวิตราที่เคยทำงานด้วยกัน มีหลายคนแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เลือดในกายเธอเย็นเยียบ เหงื่อกาฬซึมขึ้นมาตามไรผม
‘เฮ้ นี่ลูกของเคทหรือนี่ โตเร็วจัง อายุเท่าไหร่กัน’
‘เด็กสองคนนี้หน้าตาคล้ายเคเลบจัง แอบมีลูกด้วยกันก็ไม่บอก’
‘เคเลบกับเคท จริงหรือนี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกใคร ทำไมไม่เห็นบอกกันบ้าง’
‘เคเลบรูปหล่อมีคู่แข่งเสียแล้ว เตรียมตัวไว้เถิด’
‘ยิ่งเห็นเด็กคนนี้ยิ่งคิดถึงเคเลบ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเคเลบกับเคทอยู่ห่างกันกว่าครึ่งโลก คงคิดว่าไทสันน้อยเป็นลูกของเคเลบกับเคทแน่นอน’
‘เฮ้ เคเลบ นายมีตัวตายตัวแทนด้วยว่ะเพื่อน’
ทั้งๆ ที่กวิตรารู้อยู่เต็มอกว่าบรรดาเพื่อนเก่าๆ มีเจตนาเพียงยั่วแหย่ตามประสาเพื่อนฝูง ไม่ได้คิดจริงจังกับความจริงที่ว่าเธอและเคเลบมีลูกด้วยกันถึงสองคน ยิ่งหากเพื่อนๆ ของเธอรู้อายุของเด็กแฝดทั้งสองยิ่งเดาออกไม่ยาก หญิงสาวนึกก่นด่าโชคชะตาฟ้าดินที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอกับลูกได้อยู่กันอย่างสงบสุข ทั้งที่ผ่านมาเธอไม่เคยถ่ายรูปลูกน้อยขึ้นโปรไฟล์ส่วนตัวเลย จนกระทั่งเลื่อนไปดูรูปหนึ่งที่จิณณาถ่ายไทยสันต์ภาพเดี่ยว เป็นภาพที่ทำให้หัวใจหญิงสาวแทบหยุดเต้น ก็ในเมื่อเด็กชายไทยสันต์ถอดโครงหน้าจากผู้เป็นบิดาทางสายเลือดมาไม่ผิดเพี้ยน มีเพียงสีทองสุกสว่างของดวงตา และสีผิวอมเหลืองเท่านั้นที่แตกต่าง อีกทั้งมุมกล้องยังอำนวยให้เหมือนบิดาเข้าไปใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น กวิตราคิดไม่ออกเลยว่าใครกันที่มือดีแท็กชื่อของเคเลบในรูปนั้นพร้อมความเห็นอีกหลายข้อความที่คล้ายคลืงกัน กว่าที่มือบางจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เพื่อต่อสายถึงจิณณาเพื่อให้ฝ่ายนั้นลบรูปไทยสันต์และอันนาออกไปเสียก่อนที่เรื่องจะบานปลาย ก่อนที่ใครจะจับสองมาบวกสองแล้วได้คำตอบที่แท้จริง ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นก็มีเสียงร้องเตือนว่าเธอมีข้อความใหม่เข้ามาในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ข้อความนั้นคือเคเลบที่แสดงความเห็นบนรูปของไทยสันต์ มือเรียวที่บัดนี้สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเลื่อนไปกดรูปขึ้นมาใหม่ด้วยหัวใจเต้นรัว ข้อความสั้นๆ ที่ยิ่งทำให้หัวใจเธอแตกสลาย น้ำตาที่เธอคิดว่าเหือดแห้งไปแล้วตั้งแต่หกปีก่อนพร่างพรูลงมาอีกครั้ง
‘หน้าเหมือนผมจริงๆ ด้วย ชักอยากเห็นหน้าพ่อของไทสันน้อยเสียแล้วสิ แสดงตัวให้ดูหน่อยสิเคท’
Credit:
http://jackieweisberg.com/portfolio/2/children
http://www.tumblr.com/tagged/kids%20hats
เพลิงพัดหวน - - - > บทที่ 1 < - - -
รถยนต์ไฮบริดรุ่นล่าสุดเลี้ยวเข้าจอดคฤหาสน์ทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ในตัวเมืองเชียงราย ร่างเล็กกลมป้อมสองร่างรีบกระโดดลงจากรถทันทีที่รถจอดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังไปทั่วบริเวณ ร่างโปร่งก้าวตามลงมาพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบเล็กหลายใบ หญิงสาวมองตามร่างมนุษย์ย่อส่วนไปอย่างอารมณ์ดี กวิตราในวัยยี่สิบเจ็ดสวยสง่าราวสตรีชั้นสูง รูปร่างโปร่งทรงนาฬิกาทราย ผิวพรรณละเอียดละออ พวงแก้มสีชมพูปลั่ง ดวงตาเรียวตวัดหางเหมือนกวางสาว เครื่องหน้าชัดเจนหลังจากที่ลดส่วนเกินบนใบหน้าออกหมด กวิตราในตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมของสาวน้อยตัวกลมป้อมเมื่อหกปีก่อน
“ถ้ามันล้มนะ จะหัวเราะให้บ้านบึ้ม”เสียงแตกพร่ามาจากกเชนทร์ ที่ได้รับค้อนวงใหญ่จากหญิงสา
“ถ้าบ้านบึ้มแกตายแน่... ไม้สักทองทั้งหลังขนาดนี้ แกเป็นหนี้หัวบานแหงม”
“กลัวอะไร ขอตังค์พ่อสิ เชนไม่มีตังค์จ่ายอยู่แล้ว”ร่างสูงแย่งกระเป๋าบางส่วนมาช่วยถือ
หลังจากขับรถไปรับสามแม่ลูกที่สนามบิน กเชนทร์อ่อนกว่าพี่สาวเกือบเจ็ดปี ทำให้บางครั้งกวิตรารู้สึกเอ็นดูน้องชายคนนี้เป็นพิเศษ หญิงสาวยิ้มหัวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินตามเด็กน้อยทั้งสองเข้าไปในตัวบ้าน
กวิตราอุ้มท้องกลับมาประเทศบ้านเกิดด้วยความอดทน เธอโชคดีที่มีครอบครัวที่เข้าใจ และให้อภัยเธอในสิ่งที่เธอทำพลาดไป เธอและครอบครัวประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเด็กในท้องมีถึงสองคน ความสงสารลูกจึงเพิ่มทวีขึ้นมา เธอทำให้เด็กสองคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องมาเป็นเหยื่อในความสะเพร่าของเธอ ความตั้งใจที่จะเป็นแม่ที่ดีเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเธอต้องดูแลถึงสามชีวิตไปพร้อมๆ กัน
เด็กทั้งสองเกิดมาหน้าตาเหมือนเคเลบไม่มีผิดเพี้ยน สร้างความปวดร้าวให้เธอมากไปกว่าเดิม เฝ้าก่นด่าน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง แต่เธอก็ยังคงยึดมั่นในปณิธานที่จะเป็นแม่ที่ดี เลี้ยงลูกแฝดของเธอให้เติบโตมาด้วยความรัก แม้ว่าจะต้องปวดใจทุกครั้งที่มองหน้าลูกทั้งสอง มีบางครั้งที่ลูกๆ ของเธอถามหาพ่อเมื่อเห็นเพื่อนๆ ของตนมีพ่อมารับพร้อมแม่ เธอได้แต่ข่มความขมขื่นตอบว่าพ่อของทั้งคู่อยู่ไกลเกินกว่าจะมาหา แต่ยังรักและคิดถึงเด็กๆ อยู่เสมอ ไทยสันต์ลูกชายของเธอดูจะเป็นเด็กที่ฉลาดสุขุมเกินวัย ไม่เคยถามถึงพ่ออีกเลย อีกทั้งยังหยุดอันนาเมื่อเด็กหญิงถาม และคอยปลอบโยนน้องสาวเมื่อเธอร้องไห้หาพ่อ
เธอไม่ได้ข่าวคราวของเคเลบอีกเลยนับตั้งแต่เธอส่งข้อความนั้นไป แม้ว่าโลกออนไลน์จะพัฒนาไปไกลกว่าเมื่อก่อน แต่โลกของเธอและเขาไม่เคยได้มาบรรจบกัน ไม่มีคำตอบจากจดหมายฉบับนั้น และเธอก็ทรนงเกินกว่าจะส่งไปอีกฉบับเพื่อย้ำเตือน ในใบแจ้งเกิดของลูกๆ เธอก็เว้นว่างชื่อบิดาไว้อย่างตั้งใจ แม้เธอจะหวังลึกๆ ว่าสักวันเคเลบจะกลับมายืดอกรับผิดชอบด้วยความยินดี แต่เธอก็รู้ว่าคงเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ กวิตรายังคงยืดอกรับผิดชอบครอบครัวของเธอด้วยความอดทน อีกทั้งครอบครัวเธอทั้งรักและหลงหลานตัวน้อยทั้งสองเป็นอย่างมาก หญิงสาวแทบไม่ต้องเผชิญความลำบากใดๆ ในการเลี้ยงดูลูกทั้งสอง แม่ ย่า และยายของเธอหมั่นไปเยี่ยมเยียนสามแม่ลูกที่กรุงเทพฯเสมอเมื่อโอกาสอำนวย และคอยอาสาเลี้ยงดูเด็กทั้งสองเมื่อกวิตราต้องไปทำงาน คุณปู่ของเธอที่สร้างอุบายฉลองในโอกาสที่ตนอยู่ยืนยาวกระทั่งได้อุ้มเหลน ยืนกรานจะออกค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งหมดของเด็กทั้งสองให้สูงที่สุดเท่าที่ทั้งคู่จะเรียนไหว ทางจิณณาก็เช่นกัน ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันหลังจบโครงการกลับมา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้แต่น้อย แต่เพื่อนสาวยังคงยืนเคียงข้างเธอ ช่วยให้เธอผ่านปัญหาต่างๆ ด้วยดี เธอมักไปเป็นเพื่อนเธอในชั้นเรียนการเตรียมตัวเป็นแม่ อีกทั้งยังเป็นธุระจัดหาพี่เลี้ยงมาดูแลเด็กๆ เป็นอย่างดี จนเธอเปรยเล่นๆ ว่าถ้าหากประเพณีไทยมีวัฒนธรรมการแต่งตั้งแม่ทูนหัว จิณณาคงไม่พ้นตำแหน่งนั้นเป็นแน่
ร่างโปร่งเดินเข้าไปเห็นเด็กน้อยทั้งสองจมอยู่ใต้กองของเล่นกองโตที่บรรดาผู้ใหญ่จัดหาซื้อมาให้ในโอกาสที่เด็กน้อยทั้งสองจะมาอยู่ด้วยในช่วงปิดเทอมก็ถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน เดินเข้าไปกราบผู้ใหญ่แล้วส่งสายตาอ่อนใจไปที่กองของเล่น
“ซื้อใหม่อีกแล้วเหรอคะนี่ ของเก่ายังเล่นกันไม่ทันเบื่อเลย แล้วนี่ซื้อเสียเยอะแยะไปหมด เคยตัวกันไปเปล่าๆ”
“แน้ ยายเกดนี่ก็ มันจะอะไรกันนักกันหนา ย่าไม่ได้ซื้อให้เกดเสียหน่อย เหลนย่า ย่าก็อยากให้มีความสุข สนุกกันไปตามวัย ของเล่นเก่าๆ น่ะ มันของเด็กเล็กกว่านี้ เดี๋ยวพัฒนาการมันจะไม่ทันกัน บ้านเราก็ใช่จะขัดสนเงินทองเสียหน่อย”ย่าละอองของเธอให้เหตุผล โดยมีกรองแก้ว แม่ของเธอสนับสนุน
“ใช่ ความฉลาดหลานฉัน ทีตอนเด็กๆ แม่ซื้อของเล่นให้เกดเยอะแยะ ไม่เห็นเกดบ่นนี่นา”
“โธ่ พี่เกด อยู่กับพี่เกดน่ะ หลานเชนเล่นยังไม่เต็มที่ก็โดนพี่เกดสั่งเก็บ ไล่ไปนอนทุกที นี่กลับมาบ้านทั้งทีก็ให้เด็กๆ เล่นให้เต็มที่สิ นี่ปิดเทอมนะ”กเชนทร์ซึ่งตามหลังมาเสริมทัพผู้ใหญ่ เข้าไปนั่งแทบเท้าย่าละอองอย่างประจบประแจง กวิตรากลอกตาด้วยเบื่อจะขัด จึงตัดบทหาทางออกให้ตนเรียบๆ
“เฮ้อ เอาเถิดค่ะ ถ้าทุกคนว่าอย่างนั้น เกดคงขัดอะไรไม่ได้ เกดขอตัวไปสรุปยอดบัญชีนะคะ ไทเล่นเสร็จแล้วเก็บให้เรียบร้อยนะครับลูก หนูนาช่วยพี่ไทด้วยนะคะ”กวิตราเตือนลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เด็กน้อยทั้งสองตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่ไทยสันต์จะวางมือจากของเล่นแล้วผละมาหาเธอ
“แม่จ๋า โตขึ้นไทจะซื้อของเล่นให้ตัวเองครับ แม่จ๋าไม่ต้องห่วงนะครับ”คำมั่นของหนุ่มน้อยทำให้เธออิ่มใจ ให้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว
“ตกลงครับ แต่ตอนนี้ไทต้องดูแลของเล่นใหม่ให้ดีๆ นะครับ เดี๋ยวแม่มา”เด็กน้อยรับคำอย่างขันแข็งก่อนจะวิ่งกลับไปสมทบกับน้องสาว
นับตั้งแต่กลับบ้านมา กวิตราก็วิ่งวุ่นทำงานตัวเป็นเกลียว เธอจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อีกทั้งบุคลิคภาพ รูปร่างหน้าตาของเธอทำให้หางานในบริษัทใหญ่ๆ ทำได้อย่างง่ายดาย เธอได้งานในบริษัทอาหารแปรรูปจากต่างประเทศชื่อดังและทำงานอย่างตั้งใจกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช่ว่าชีวิตจะสุขสบายนัก เพราะเธอต้องทำงานหนักจนเกือบจะเรียกได้ว่าหามรุ่งหามค่ำ เวลาส่วนตัวเกือบทั้งหมดของเธอ นอกจากจะทุ่มเทให้ลูกน้อยทั้งสองแล้ว ยังต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งระหว่างลาพักร้อน กวิตราเปิดคอมพิวเตอร์แลบทอปขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วเพื่อเข้าระบบตรวจสอบงานที่สั่งการผู้ช่วยไว้ก่อนออกเดินทาง ระหว่างนั้นก็เปิดอีเมลล์ส่วนตัวขึ้นมาพบว่ามีข้อความมากมายส่งถึงเธอในระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค นิ้วเรียวยาวเลื่อนไปกดลิงค์อย่างคล่องแคล่ว เพื่อพบว่าเธอมีรูปมากมายในหน้าโปรไฟล์ของจิณณา มันเป็นวันที่เธอพาลูกๆ ไปงานขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนในกลุ่มที่ไปทำงานที่ซานฟรานซิสโกด้วยกัน รูปของหญิงสาวและเด็กน้อยทั้งสองในอิริยาบทต่างๆ เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาเพื่อนฝูงของเธอ มีหลายคนแสดงความคิดเห็นชื่นชมในความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กแฝดทั้งสอง ภาพหลายภาพถูกกระจายไปยังเพื่อนๆ ต่างชาติของกวิตราที่เคยทำงานด้วยกัน มีหลายคนแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เลือดในกายเธอเย็นเยียบ เหงื่อกาฬซึมขึ้นมาตามไรผม
‘เฮ้ นี่ลูกของเคทหรือนี่ โตเร็วจัง อายุเท่าไหร่กัน’
‘เด็กสองคนนี้หน้าตาคล้ายเคเลบจัง แอบมีลูกด้วยกันก็ไม่บอก’
‘เคเลบกับเคท จริงหรือนี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกใคร ทำไมไม่เห็นบอกกันบ้าง’
‘เคเลบรูปหล่อมีคู่แข่งเสียแล้ว เตรียมตัวไว้เถิด’
‘ยิ่งเห็นเด็กคนนี้ยิ่งคิดถึงเคเลบ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเคเลบกับเคทอยู่ห่างกันกว่าครึ่งโลก คงคิดว่าไทสันน้อยเป็นลูกของเคเลบกับเคทแน่นอน’
‘เฮ้ เคเลบ นายมีตัวตายตัวแทนด้วยว่ะเพื่อน’
ทั้งๆ ที่กวิตรารู้อยู่เต็มอกว่าบรรดาเพื่อนเก่าๆ มีเจตนาเพียงยั่วแหย่ตามประสาเพื่อนฝูง ไม่ได้คิดจริงจังกับความจริงที่ว่าเธอและเคเลบมีลูกด้วยกันถึงสองคน ยิ่งหากเพื่อนๆ ของเธอรู้อายุของเด็กแฝดทั้งสองยิ่งเดาออกไม่ยาก หญิงสาวนึกก่นด่าโชคชะตาฟ้าดินที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอกับลูกได้อยู่กันอย่างสงบสุข ทั้งที่ผ่านมาเธอไม่เคยถ่ายรูปลูกน้อยขึ้นโปรไฟล์ส่วนตัวเลย จนกระทั่งเลื่อนไปดูรูปหนึ่งที่จิณณาถ่ายไทยสันต์ภาพเดี่ยว เป็นภาพที่ทำให้หัวใจหญิงสาวแทบหยุดเต้น ก็ในเมื่อเด็กชายไทยสันต์ถอดโครงหน้าจากผู้เป็นบิดาทางสายเลือดมาไม่ผิดเพี้ยน มีเพียงสีทองสุกสว่างของดวงตา และสีผิวอมเหลืองเท่านั้นที่แตกต่าง อีกทั้งมุมกล้องยังอำนวยให้เหมือนบิดาเข้าไปใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น กวิตราคิดไม่ออกเลยว่าใครกันที่มือดีแท็กชื่อของเคเลบในรูปนั้นพร้อมความเห็นอีกหลายข้อความที่คล้ายคลืงกัน กว่าที่มือบางจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เพื่อต่อสายถึงจิณณาเพื่อให้ฝ่ายนั้นลบรูปไทยสันต์และอันนาออกไปเสียก่อนที่เรื่องจะบานปลาย ก่อนที่ใครจะจับสองมาบวกสองแล้วได้คำตอบที่แท้จริง ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นก็มีเสียงร้องเตือนว่าเธอมีข้อความใหม่เข้ามาในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ข้อความนั้นคือเคเลบที่แสดงความเห็นบนรูปของไทยสันต์ มือเรียวที่บัดนี้สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเลื่อนไปกดรูปขึ้นมาใหม่ด้วยหัวใจเต้นรัว ข้อความสั้นๆ ที่ยิ่งทำให้หัวใจเธอแตกสลาย น้ำตาที่เธอคิดว่าเหือดแห้งไปแล้วตั้งแต่หกปีก่อนพร่างพรูลงมาอีกครั้ง
‘หน้าเหมือนผมจริงๆ ด้วย ชักอยากเห็นหน้าพ่อของไทสันน้อยเสียแล้วสิ แสดงตัวให้ดูหน่อยสิเคท’
Credit: http://jackieweisberg.com/portfolio/2/children
http://www.tumblr.com/tagged/kids%20hats